“เจ๊แหม่ม” เผย “ไก่ สมพล” เคลียร์กับ “พี่ฉอด” แล้ว ปัดเป็นคนดึงไก่ สมพลมาทำงานกับอาร์เอส บอกเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่ายเอง แต่รับมีคุยๆกันบ้าง แง้มเท่าที่อ่านจากข้อความที่ไก่ สมพล โพสต์ลงก็เป็นปัญหาเดียวกับตนเองเลย ก่อนปัดไม่ขอพูดชนวนมาจากเจ้านายหญิงคนดัง ให้ความสนใจกับ ”เอส วรฤทธิ์” มากกว่าพนักงานคนอื่นๆในบริษัท
งานเข้าเลยทีเดียว สำหรับ “ดีเจเจ๊แหม่ม วินัย สุขแสวง” เพราะทันทีที่มีข่าวคราวของดีเจคนดัง “ไก่ สมพล ปิยะพงศ์สิริ” ที่อยู่ๆ ตัดสินใจมาร่วมงานพิธีกรรายการ “เกมดาราชะลาล่า” ช่องสตาร์แม็กซ์ ค่ายอาร์เอส งานนี้เจ๊แหม่มก็เลยโดนเพ่งเล็งหนักกว่าใครว่าเป็นคนดึงไก่มาจากอกนายเก่า “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” หรือไม่?? เหตุเพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ออกมาจากเอไทม์แบบจบไม่ดี ร้อนถึงเจ๊แหม่มต้องออกมาชี้แจงพัลวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนดึงไก่มา แต่อีกฝ่ายตัดสินใจมาเอง พร้อมเผยเองไก่ สมพลได้ไปเคลียร์กับพี่ฉอดแล้ว
“ตัวเราไม่ได้ชักชวนพี่ไก่มานะ แล้วพี่ไก่เขาก็โตๆแล้ว แต่ก็เคยถามพี่ไก่นะว่าตอนที่ตัวเราออกมาเป็นยังไงบ้าง พี่ไก่เขาก็บอกมันก็จะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเต็มเลย เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะมีกฎให้คนที่ทำความผิด แล้วอีกอย่างคือไม่ควรจะได้รับอะไรเป็นพิเศษในกรณีที่มันไม่แฟร์กับคนอื่น เพราะฉะนั้นบางทีเราพูดในสิ่งที่เราเจอมากกว่า พี่ไก่ยังบอกว่าเข้าใจทุกอย่างหรือน้องๆ หลายคนมานั่งกินข้าวด้วยกันยังบอกเออเราเข้าใจว่ามันเป็นยังไง เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว เราเห็นหมดว่าเขาทำงานกันยังไง แต่ที่เราทนได้และทนอยู่เป็นเพราะอาชีพจริงๆ มันคืออาชีพบางอย่างเราต้องมองข้ามไปเรื่องของสังคม เรื่องของวิธีการคิดการเลือกปฏิบัติของคนบางคน”
“ซึ่งปัจจุบันที่อยู่ก็มี เพียงแต่ว่าอะไรที่มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีความสุขต่อไปนี้มันก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์เราอย่างหนึ่งว่าเราทำงานแล้วเรารู้สึกทุกข์จังเลย ถามตัวเองว่าทนมาได้ยังไงวะ แต่ก็ทนมาได้ แล้วต่อไปนี้จะบอกตัวเองว่าไม่เอาแล้วจะไม่ทน ทนในขีดที่พอแล้ว เพราะเราต้องทำงานแบบมีความสุขอยู่แล้ว คือการที่ดึงพี่ไก่มาไม่ใช่ มันคือการที่เราคุยกันเรื่อยๆ เพราะว่าเราก็ถามสารทุกข์สุขดิบ เพราะฉะนั้นที่ไหนที่ให้โอกาสการทำงานที่ดี ถ้ามันไม่ได้อะไรกันมากมายนักก็ยินดี พี่ไก่ก็ร่วมงานกับทุกค่าย ตัวเราเองก็ทำงานกับทุกค่ายเหมือนกัน”
ชี้แจงไม่รู้ว่าตอนนี้แกรมมี่กฎระเบียบเยอะ จึงเป็นเหตุให้ “ไก่ สมพล” ต้องเดินออกมา
“คือตัวพี่ไก่เขาเป็นคนที่มีวินัยในการทำงานสูงอยู่แล้ว สำหรับกฎหรือข้อบังคับอะไรสำหรับพี่ไก่ เรายังเชื่อว่าพี่ไก่เป็นคนทำงานเป๊ะ งานคืองาน นอกเวลาคือนอกเวลา เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่าแกรมมี่กฎมากขึ้นทำให้พี่ไก่ทนไม่ได้มันไม่ใช่ ถ้าสมมุติพี่ไก่เขามองตรงนั้นก็ไม่ต่างกันกับเรา เพราะเรากับพี่ไก่ก็เหมือนกัน เพราะเราเจอการปฏิบัติมาแบบนี้ แล้วมาเจอพี่ไก่โพสต์แบบนี้ยังบอกเหมือนชีวิตฉันเลย คือลึกๆ เราก็ไม่ได้คุยกับพี่ไก่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าพอเราเห็นภาพที่พี่ไก่เขาสื่อสารออกมาได้ยังบอกเหมือนเราเลย”
ส่วนที่ “ไก่ สมพล” ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ขอบคุณคนที่ให้โอกาสในการทำงานและตัด..... ด้วย” จนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพราะเจ้าตัวไปทำผิดกฎอะไรของทางเอไทม์ แล้วต้นสังกัดไม่ให้โอกาสหรือเปล่าถึงลาออกมา กับประเด็นนี้ “เจ๊แหม่ม” บอกว่า …
“คือเราก็ไม่รู้ เพียงแต่ว่าเรื่องขาดลามาสายมันเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าบางครั้งมันไม่เท่าเทียมกัน สำหรับตัวเรานะ เพราะฉะนั้นพอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราว่ามันก็คือว่าคนที่มันตั้งใจทำงานแล้วทำงานดี ในขณะเดียวกันที่มันอยากจะลาหรืออะไรก็ว่ากันไปตามผิด แต่ถ้ามันมากเกินกว่าที่กฎระเบียบของบริษัทจะรับ ก็ต้องลงโทษ ลงดาบคนนั้นเพื่อให้เป็นตัวอย่าง”
“แต่เราก็ไม่รู้ว่าไปลงโทษกันยังไง คนทำผิดถึงได้สิทธิพิเศษ เราก็ไม่อยากพูดนะเพราะว่าออกมาแล้ว มันก็คือกฎมาตรฐานเพียงแต่ว่าถ้ารับเราสิ่งนั้นได้มันก็โอเคมองข้ามไป แต่ถ้าเรารับไม่ได้ก็โอเคออกก็ได้วะ สุดท้ายก็คือฉันเลือกที่จะออกเอง ซึ่งก็คิดว่าพี่ไก่เขาก็คล้ายๆ เรานะ แต่ไม่รู้นะว่าพี่ไก่ออกหรือยัง เพราะตอนเราก็ออกมาแล้วไปเซ็นออก มันก็จบ”
เผยเองว่า “ไก่ สมพล” ได้ไปเคลียร์กับ “เจ๊ฉอด” แล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นอีกฝ่ายเจอฟีดแบคยังไงกลับมาบ้าง
“รู้ข่าวพี่ไก่ก่อนไปฮ่องกงแป๊บเดียว ไม่แน่ใจนะ แต่เขาคงคุยกันเพราะตอนนั้นได้ยินพี่ไก่คุย เพราะเราถามพี่ไก่ว่ายังไงบ้าง พี่ไก่ก็บอกว่าเฮ้ย โอเคคุยกันแล้ว บอกไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าจบ แสดงว่าพี่ไก่ได้บอกแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำมากที่สุด คือบอกผู้ใหญ่ มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
“แต่ถ้าทุกคนเกิดตกใจว่าทำไมถึงตามๆ กันออกทั้งๆ ที่อยู่กันมานาน ก็คือว่ามันมีปัญหาเหมือนกันทุกที่ คือเราเป็นคนทำงาน แต่เราอาจจะไม่ใช่คนทำงานที่ดีที่สุด เหมือนวันที่เจ้านายเก่าเราพูดเหมือนกัน เขาบอกว่าเขายอมรับว่าเขาไม่ใช่เจ้านายที่ดีที่สุด คนที่เป็นเจ้านายยังพูดแบบนี้ เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเราก็ต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเอง แล้วการพัฒนาศักยภาพของตัวเองมันก็คือการที่เราได้กำลังใจจากคนร่วมงานด้วยกัน บางคนได้มากบางคนได้น้อยเลยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ้างเป็นธรรมดา”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าที่เด็กปั้นลูกหม้อเก่าๆ เรียงแถวกันเดินออกจากค่ายแกรมมี่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางผู้บริหารอย่าง “พี่ฉอด” ไปทุ่มความสนใจให้กับหนุ่ม “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนันท์” มากกว่าพนักงานคนอื่นๆ นั้น “เจ๊แหม่ม” ขอพูดว่า …
“อันนี้ถ้าบอกว่าสนใจตรงนั้นมากกว่าหรือเปล่า ก็อาจจะต้องคือเขาทำงานเป็นบัดดี้กันนะครับ ซึ่งเขาก็ต้องมีอะไรที่เขาต้องดูแล ตรงนั้นไม่ขอพูดถึงแล้วกันนะ แต่ว่าไปดูแลพี่ไก่น้อยกว่าหรือเปล่า ก็เราไม่ค่อยได้เจอพี่ไก่นะ เพราะพี่ไก่ก็เข้าดึก อาจจะเพราะว่าพี่ไก่ไม่ค่อยเจอเขามั้งครับ เพราะ 3 ทุ่ม พี่ไก่มาสตูฯเขาก็จะกลับบ้านกันหมดแล้ว”
“แต่ถามว่าเรื่องการดูแลพนักงานเก่ากับพนักงานใหม่มีความแตกต่างกันไหม เราคิดว่าการดูแลมันก็สำคัญ แต่ว่าน้อยกว่าหรือมากกว่า มันไปตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับเราเองไม่ใช่แค่เงินที่จะมีความสุขได้ มันต้องมีความสุขเรื่องงานก่อนแล้วเรื่องเงินค่อยตามมา เรายังเชื่อว่าความสุขของการดูแลการพูดจามันสำคัญมากกับทุกๆที่ และถ้าเป็นการน้อยใจคิดว่าอาจจะใช่คนที่ออกมาอาจจะมีอารมณ์นั้นอยู่ ก็คิดไปว่าคนนั้นได้อภิสิทธิ์มากกว่า ก็คิดว่าเราก็มองข้าม ทนไม่ได้ก็ออกมาก็แค่นั้นครับ”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135796
“เจ๊แหม่ม” เผย “ไก่ สมพล” เคลียร์กับ “พี่ฉอด” แล้ว ไม่ขอพูดชนวนเหตุเกิดจากเจ้านายสนใจ “เอส วรฤทธิ์” มากกว่าคนอื่นๆ
งานเข้าเลยทีเดียว สำหรับ “ดีเจเจ๊แหม่ม วินัย สุขแสวง” เพราะทันทีที่มีข่าวคราวของดีเจคนดัง “ไก่ สมพล ปิยะพงศ์สิริ” ที่อยู่ๆ ตัดสินใจมาร่วมงานพิธีกรรายการ “เกมดาราชะลาล่า” ช่องสตาร์แม็กซ์ ค่ายอาร์เอส งานนี้เจ๊แหม่มก็เลยโดนเพ่งเล็งหนักกว่าใครว่าเป็นคนดึงไก่มาจากอกนายเก่า “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” หรือไม่?? เหตุเพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ออกมาจากเอไทม์แบบจบไม่ดี ร้อนถึงเจ๊แหม่มต้องออกมาชี้แจงพัลวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนดึงไก่มา แต่อีกฝ่ายตัดสินใจมาเอง พร้อมเผยเองไก่ สมพลได้ไปเคลียร์กับพี่ฉอดแล้ว
“ตัวเราไม่ได้ชักชวนพี่ไก่มานะ แล้วพี่ไก่เขาก็โตๆแล้ว แต่ก็เคยถามพี่ไก่นะว่าตอนที่ตัวเราออกมาเป็นยังไงบ้าง พี่ไก่เขาก็บอกมันก็จะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเต็มเลย เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะมีกฎให้คนที่ทำความผิด แล้วอีกอย่างคือไม่ควรจะได้รับอะไรเป็นพิเศษในกรณีที่มันไม่แฟร์กับคนอื่น เพราะฉะนั้นบางทีเราพูดในสิ่งที่เราเจอมากกว่า พี่ไก่ยังบอกว่าเข้าใจทุกอย่างหรือน้องๆ หลายคนมานั่งกินข้าวด้วยกันยังบอกเออเราเข้าใจว่ามันเป็นยังไง เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว เราเห็นหมดว่าเขาทำงานกันยังไง แต่ที่เราทนได้และทนอยู่เป็นเพราะอาชีพจริงๆ มันคืออาชีพบางอย่างเราต้องมองข้ามไปเรื่องของสังคม เรื่องของวิธีการคิดการเลือกปฏิบัติของคนบางคน”
“ซึ่งปัจจุบันที่อยู่ก็มี เพียงแต่ว่าอะไรที่มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีความสุขต่อไปนี้มันก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์เราอย่างหนึ่งว่าเราทำงานแล้วเรารู้สึกทุกข์จังเลย ถามตัวเองว่าทนมาได้ยังไงวะ แต่ก็ทนมาได้ แล้วต่อไปนี้จะบอกตัวเองว่าไม่เอาแล้วจะไม่ทน ทนในขีดที่พอแล้ว เพราะเราต้องทำงานแบบมีความสุขอยู่แล้ว คือการที่ดึงพี่ไก่มาไม่ใช่ มันคือการที่เราคุยกันเรื่อยๆ เพราะว่าเราก็ถามสารทุกข์สุขดิบ เพราะฉะนั้นที่ไหนที่ให้โอกาสการทำงานที่ดี ถ้ามันไม่ได้อะไรกันมากมายนักก็ยินดี พี่ไก่ก็ร่วมงานกับทุกค่าย ตัวเราเองก็ทำงานกับทุกค่ายเหมือนกัน”
ชี้แจงไม่รู้ว่าตอนนี้แกรมมี่กฎระเบียบเยอะ จึงเป็นเหตุให้ “ไก่ สมพล” ต้องเดินออกมา
“คือตัวพี่ไก่เขาเป็นคนที่มีวินัยในการทำงานสูงอยู่แล้ว สำหรับกฎหรือข้อบังคับอะไรสำหรับพี่ไก่ เรายังเชื่อว่าพี่ไก่เป็นคนทำงานเป๊ะ งานคืองาน นอกเวลาคือนอกเวลา เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่าแกรมมี่กฎมากขึ้นทำให้พี่ไก่ทนไม่ได้มันไม่ใช่ ถ้าสมมุติพี่ไก่เขามองตรงนั้นก็ไม่ต่างกันกับเรา เพราะเรากับพี่ไก่ก็เหมือนกัน เพราะเราเจอการปฏิบัติมาแบบนี้ แล้วมาเจอพี่ไก่โพสต์แบบนี้ยังบอกเหมือนชีวิตฉันเลย คือลึกๆ เราก็ไม่ได้คุยกับพี่ไก่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าพอเราเห็นภาพที่พี่ไก่เขาสื่อสารออกมาได้ยังบอกเหมือนเราเลย”
ส่วนที่ “ไก่ สมพล” ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ขอบคุณคนที่ให้โอกาสในการทำงานและตัด..... ด้วย” จนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพราะเจ้าตัวไปทำผิดกฎอะไรของทางเอไทม์ แล้วต้นสังกัดไม่ให้โอกาสหรือเปล่าถึงลาออกมา กับประเด็นนี้ “เจ๊แหม่ม” บอกว่า …
“คือเราก็ไม่รู้ เพียงแต่ว่าเรื่องขาดลามาสายมันเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าบางครั้งมันไม่เท่าเทียมกัน สำหรับตัวเรานะ เพราะฉะนั้นพอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราว่ามันก็คือว่าคนที่มันตั้งใจทำงานแล้วทำงานดี ในขณะเดียวกันที่มันอยากจะลาหรืออะไรก็ว่ากันไปตามผิด แต่ถ้ามันมากเกินกว่าที่กฎระเบียบของบริษัทจะรับ ก็ต้องลงโทษ ลงดาบคนนั้นเพื่อให้เป็นตัวอย่าง”
“แต่เราก็ไม่รู้ว่าไปลงโทษกันยังไง คนทำผิดถึงได้สิทธิพิเศษ เราก็ไม่อยากพูดนะเพราะว่าออกมาแล้ว มันก็คือกฎมาตรฐานเพียงแต่ว่าถ้ารับเราสิ่งนั้นได้มันก็โอเคมองข้ามไป แต่ถ้าเรารับไม่ได้ก็โอเคออกก็ได้วะ สุดท้ายก็คือฉันเลือกที่จะออกเอง ซึ่งก็คิดว่าพี่ไก่เขาก็คล้ายๆ เรานะ แต่ไม่รู้นะว่าพี่ไก่ออกหรือยัง เพราะตอนเราก็ออกมาแล้วไปเซ็นออก มันก็จบ”
เผยเองว่า “ไก่ สมพล” ได้ไปเคลียร์กับ “เจ๊ฉอด” แล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นอีกฝ่ายเจอฟีดแบคยังไงกลับมาบ้าง
“รู้ข่าวพี่ไก่ก่อนไปฮ่องกงแป๊บเดียว ไม่แน่ใจนะ แต่เขาคงคุยกันเพราะตอนนั้นได้ยินพี่ไก่คุย เพราะเราถามพี่ไก่ว่ายังไงบ้าง พี่ไก่ก็บอกว่าเฮ้ย โอเคคุยกันแล้ว บอกไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าจบ แสดงว่าพี่ไก่ได้บอกแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำมากที่สุด คือบอกผู้ใหญ่ มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
“แต่ถ้าทุกคนเกิดตกใจว่าทำไมถึงตามๆ กันออกทั้งๆ ที่อยู่กันมานาน ก็คือว่ามันมีปัญหาเหมือนกันทุกที่ คือเราเป็นคนทำงาน แต่เราอาจจะไม่ใช่คนทำงานที่ดีที่สุด เหมือนวันที่เจ้านายเก่าเราพูดเหมือนกัน เขาบอกว่าเขายอมรับว่าเขาไม่ใช่เจ้านายที่ดีที่สุด คนที่เป็นเจ้านายยังพูดแบบนี้ เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเราก็ต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเอง แล้วการพัฒนาศักยภาพของตัวเองมันก็คือการที่เราได้กำลังใจจากคนร่วมงานด้วยกัน บางคนได้มากบางคนได้น้อยเลยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ้างเป็นธรรมดา”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าที่เด็กปั้นลูกหม้อเก่าๆ เรียงแถวกันเดินออกจากค่ายแกรมมี่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางผู้บริหารอย่าง “พี่ฉอด” ไปทุ่มความสนใจให้กับหนุ่ม “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนันท์” มากกว่าพนักงานคนอื่นๆ นั้น “เจ๊แหม่ม” ขอพูดว่า …
“อันนี้ถ้าบอกว่าสนใจตรงนั้นมากกว่าหรือเปล่า ก็อาจจะต้องคือเขาทำงานเป็นบัดดี้กันนะครับ ซึ่งเขาก็ต้องมีอะไรที่เขาต้องดูแล ตรงนั้นไม่ขอพูดถึงแล้วกันนะ แต่ว่าไปดูแลพี่ไก่น้อยกว่าหรือเปล่า ก็เราไม่ค่อยได้เจอพี่ไก่นะ เพราะพี่ไก่ก็เข้าดึก อาจจะเพราะว่าพี่ไก่ไม่ค่อยเจอเขามั้งครับ เพราะ 3 ทุ่ม พี่ไก่มาสตูฯเขาก็จะกลับบ้านกันหมดแล้ว”
“แต่ถามว่าเรื่องการดูแลพนักงานเก่ากับพนักงานใหม่มีความแตกต่างกันไหม เราคิดว่าการดูแลมันก็สำคัญ แต่ว่าน้อยกว่าหรือมากกว่า มันไปตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับเราเองไม่ใช่แค่เงินที่จะมีความสุขได้ มันต้องมีความสุขเรื่องงานก่อนแล้วเรื่องเงินค่อยตามมา เรายังเชื่อว่าความสุขของการดูแลการพูดจามันสำคัญมากกับทุกๆที่ และถ้าเป็นการน้อยใจคิดว่าอาจจะใช่คนที่ออกมาอาจจะมีอารมณ์นั้นอยู่ ก็คิดไปว่าคนนั้นได้อภิสิทธิ์มากกว่า ก็คิดว่าเราก็มองข้าม ทนไม่ได้ก็ออกมาก็แค่นั้นครับ”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135796