วันนี้คันไม้คันมือ ขอนำเสนอความคิดเห็นส่วนตัว (เชิงบวกต่อ SET) โปรดใช้ วิจารณญาณ

เริ่มเลยนะครับ เบื้องต้น ผมมีกราฟกระแสเงินหรือที่เรียกันว่า Fund Flow ซึ่งทำขึ้นมาเองจาก excel นับจากปี 1 ม.ค. 2009
เมกาเริ่มมี QE1 ตอนช่วงเดือน พ.ย. 2008, QE2 ตอนช่วงเดือน พ.ย. 2010 และ QE3 ช่วงเดือนกันยายน 2012
จากกราฟสีน้ำเงินเมื่อมองอย่างคร่าวๆ จะเห็นว่า ต่างชาติขนเงินออก จากที่สะสมไว้ประมาณต้นเดือนมกราคม 2012 (ทะลุแนวต้านขึ้นมา)
ผมสังเกตเห็นแนวรับ/ต้าน จึงลากเส้นซึ่งพอจะอนุมานได้ว่า มันเป็นแนวรับที่ค่อนแข้างแข็งแรง (เส้นสีส้มล่าง)
การที่ต่างชาติขายหุ้นจนหลุดแนวลงมา ก็มองเป็นนัยหนึ่งได้ว่า QE2 และ QE3 ของต่างชาติได้ถูกถอนออกไป
(เพราะช่วง QE2 ในเดือน พ.ย. 2010 Fund Flow ของต่างชาติไม่เคยหลุดแนวรับนี้เลย)
ด้วยเหตุนี้ ผมขอมองอีกมุมหนึ่งว่า ต่างชาติไม่น่าจะขายหุ้นหนักๆอีกแล้ว (ถ้าไม่เกิดวิกฤติที่อเมริกาอีก)
เมื่อหันมามอง Fund Flow ของกองทุน จะสังเกตว่า นับตั้งต้นปี 2009 เป็นต้นมา กองทุนไม่เคยทะลุแนวต้านขึ้นมาเลย
จนมาทะลุเมื่อไม่นานมานี้ (วงกลมสีฟ้า) จิงมองอีกอย่างหนึ่งได้ว่า กองทุนน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อ SET มากขึ้น
ส่วนรายย่อย ก็จะเห็นว่า เมื่อชนแนวต้านก็ย่อลง คือไม่เอาเงินเข้า SET ด้วยเหตุผลว่า รอวิกฤติจึงซื้อ หรือบอกว่า แพงเกินไป


ผมได้เอาข้อมูลการซื้อขายต่างชาติมาคิดรวมกับ Futures ด้วย โดยน้ำมาคิดมูลค่าการซื้อขายในวันของต่างชาติมาคิดใหม่
ซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดในช่วงที่สัญญาหมดอายุ ซึ่งผมไม่ได้สนใจเชิงวอลุ่มการซื้อขายเท่าไหร่ ที่ผมสนใจ
คือ สัญญาณ MACD ของ Fund Flow ต่างชาติ จะเห็นได้ว่า Signal ตัดขึ้น (วงกลมสีน้ำเงิน) จะมี Fund Flow ต่างชาติไหลเข้ามา
และทางกลับกัน Signal ตัดลง (วงกลมสีแดง) Fund Flow ก็จะไหลออกไป ซึ่งท้ายสุดนี้ตัดขึ้น
กอร์ปกับมี Divergence อีก ก็มีความน่าจะเป็นสูงที่ว่า ต่างชาติจะหันเข้ามาเล่นในตลาดอีกรอบ



ผมไม่ได้มองว่า SET จะขึ้นทันทีหลังจากที่ผมให้ความเห็น แต่ผมมองว่า จังหวะนี้ น่าจะเก็บหุ้นดีๆ ไว้เล่นรอบต่อไปครับ

สำหรับผมก็ขอเสนอนำเสนอเพียงแค่นี้ หากข้อมูลหรือการวิเคราะห์ผิดพลาดประการใดขออภัย
ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจไปในทางใด ข้อสำคัญคือ อย่าตื่นตระหนกครับ ราตรีสวัสดิ์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่