มาเจอกับกระทู้ชักชวนพาพวกท่านหันมาใช้ทีวีดิจิตอลกันอีกแล้ว (คนใช้ระบบอื่นก็ไม่ต้องเสียใจไป) วันนี้มากับเรื่องราวที่น่าสนใจ มีประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ มาเริ่มกันเลย.
ปล.ขอดักไว้ก่อน ผมไม่ได้มาโฆษณาหรือชักชวนใช้เครื่องอุปกรณ์ของบริษัทใดทั้งนั้น ไม่มีใครจ้างมา ผมนึกอยากพิมพ์เมื่อเช้าก็เลยมาพิมพ์มาแชร์เนื้อหาให้ได้ดูกันครับ ไม่ได้ตังค์จากใครทั้งนั้นทั้งรัฐและเอกชน ถ้าทาง กสทช.อยากเอาไปเป็น Guideline หรือเอาไปออก ICT Genius 9 ก็เชิญได้เลยครับ
--------------------------------------------------------------------------
การอัดรายการทีวี คือการบันทึกรายการทีวีที่ออกอากาศไว้ สำหรับจุดประสงค์ในการที่ คนที่อยากดูรายการโปรดแต่ไม่มีเวลาหรือไม่ได้ว่างตอนนั้น คนที่ติดละครหรือชอบมากๆ กลัวจะพลาดก็ตั้งอัดเป็นซีรี่ส์ หรือบางคนก็อัดเก็บไว้เพื่อเอาไปแจกจ่ายให้โลกได้รับรู้ก็มี ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ ภาพที่อัดมานั้น จะชัดเทียบเท่ากับที่ออกอากาศเลย เช่น อัดช่อง HD ไว้ พอกลับมาดูถ้าตั้งแบบ HD ไว้ (ไม่ลดคุณภาพ ตั้งตามต้นฉบับ) ภาพก็จะชัดเหมือนกับดูสดๆ ณ ขณะนั้นเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าที่บ้านดูทีวีอนาล๊อกสัญญาณซ่า ถ้าอัดเก็บไว้ พอมาดูภาพก็จะซ่าตามต้นฉบับที่ส่งมา
ถ้าดูจากหัวกระทู้ หลายคนก็สงสัยว่า มันมีมาตั้งนานแล้วไม่ใช่รึ?
ใช่ครับมีมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคอัดลงเทป (สมัยก่อนบ้านเพื่อนผมทำบ่อย อัดการ์ตูนช่อง9ไว้ดู) โดยวิธีการใช้ก็คือการต่อสายเสาอากาศเข้ากล่องแล้วต่อ AV Out จากกล่องเข้าทีวี (ให้กล่องเป็นจูนเนอร์ทีวี ดูทีวีผ่าน AV Input) หรือต่อสาย AV Out จากทีวีเข้ากล่อง (แบ่งภาพให้กล่อง แล้วกล่องก็ทำการCaptureวิดีโอลงเทป)
(ยังจำได้ไหม เครื่องเล่นเทป บ้านผมมีอยู่เครื่องนึง ยังใช้ได้ แต่คนละรุ่นกับอันนี้นะ ของผมใหม่กว่านี้)
แต่ในสมัยก่อนต้องกดบันทึกเอาเอง และต้องกดหยุดเอง แม้สมัยก่อนจะมี EPG หรือผังรายการอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มมีเมื่อเกือบ 30ปีที่แล้ว (ใช้เฉพาะในเคเบิ้ลอเมริกา เพิ่งแพร่หลายทั่วโลกมาตั้งแต่ยุคดาวเทียมดิจิตอล ประมาณ20ปีที่แล้ว) แต่ EPG ก็ช่วยได้แค่บอกผังรายการทีวี หรือเตือนรายการ ยังสั่งอัดตามผังไม่ได้ ต้องเปิดช่องนั้นแช่ไว้ ถ้าเปลี่ยนเมื่อไร ภาพที่บันทึกลงไปก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย พอมายุคของบันทึกลงแผ่น DVD หรือ HDD เครื่องอัดแบบนี้ก็ยังมีขายกันอยู่ (ตัวกล่องอัดที่รับสัญญาณอนาล๊อกแล้วอัดลงแผ่น DVD หรือ HDD ที่เป็นข้อมูลดิจิตอล ใช้หลักการแปลงเป็นดิจิตอลโดยใช้บิตเรตแบบแปรผันตามซอฟ์ทแวร์กล่องประมวลผลและความละเอียดตามสัญญาณที่ส่งมาของแต่ละระบบ [SECAM อัดเก็บ DVD ตัวกล่องจะนับเป็น PAL เพราะสเปคภาพเท่ากัน] โดยประมวลผล ณ ขณะนั้นเลย กดอัดเสร็จ รอแปบนึง แล้วดูที่อัดไว้ได้เลย)
(EPG ยุคเมื่อเกือบ 30ปีที่แล้ว ในยุคนั้นยังมีใช้เฉพาะเคเบิ้ลทีวีในอเมริกา รูปแบบการใช้ก็กดขึ้นลง)
(EPG ยุคปัจจุบัน อันนี้มาจากทีวี Sony ที่ญี่ปุ่น แต่ละยี่ห้อจะมี EPG ที่มีหน้าตาต่างกัน)
แต่มายุคที่อะไรก็ดิจิตอล ความฉลาดขึ้นของสิ่งต่างๆทำให้เราสบายขึ้น พอสัญญาณมาเป็นดิจิตอล ผัง EPG ก็ได้รับการอัพเกรดให้เทพกว่าเดิม ก็สามารถตั้งอัดได้อย่างสบายละทีนี้ โดยเริ่มจากเคเบิ้ลทีวีและเคเบิ้ลดาวเทียมก่อน โดยการเลือกรายการที่จะอัดไว้ พอถึงเวลาเครื่องก็จะบันทึกเก็บไว้ให้ ถ้ามี DVD ก็อัดลงแผ่น DVD ที่ใส่ไว้ ถ้ารุ่นไหนเป็น HDD ก็อัดลง HDD พอหมดรายการก็หยุดการตั้งอัดเอง แต่ในยุคแรกๆที่มันทำได้ อัดได้แค่ทีละรายการ พอพัฒนาขึ้นมาก็อัดได้ทีละสองรายการ อัดเป็นซีรี่ส์ได้ และกล่องสามารถตั้งเวลาเองให้อัดข้ามเวลาได้ (เช่น 1วัน อัด3ครั้ง ครั้งละ1ชม เอากี่โมงวันอะไรบ้างก็ว่าไป) ทำ Timeshift หรือย้อนรายการสดได้ ซึ่งตามหลักธุรกิจ ตัวสเปคสูงกว่า ย่อมแพงกว่ารุ่นธรรมดา
แล้วมาดูต่อว่าๆ ถ้าทีวีดาวเทียมทำได้ แล้วจะชักเข้าหาทีวีดิจิตอลทำเพื่อ?
ที่ชักเข้าทีวีดิจิตอล เพราะทีวีดิจิตอลเป็นทีวีภาคพื้นดินใช่ไหมครับ เป็นฟรีทีวี ไม่มีบริการเสริมเสียตังค์จากผู้ให้บริการเคเบิ้ล ซึ่งการที่จะทำการอัดให้เทียบเท่ากับพวกทีวีดาวเทียมได้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย ว่าชอบเครื่องแบบไหน จะเอาแบบความจุน้อย ความจุเยอะ อัดได้รายการเดียวหรือสองรายการ อัดเป็น HD ได้ อัดแบบธรรมดาพอ หรือจะเอาทีวีรุ่นที่มีการอัดรายการในตัว อะไรอย่างเนี้ย ไม่ใช่มีให้เลือกแค่รุ่นเดียวหรือสองรุ่นเหมือนเคเบิ้ลดาวเทียม(แถมบางทีต้องจ่ายค่าใช้ระบบบันทึกหรือPVRอีก ประเทศอื่นเค้าไม่คิดค่าบริการตรงนี้เฟ้ย!) โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีความสามารถที่ต่างกัน หน้าเมนู EPG ก็ต่างกันแล้ว
(ยกตัวอย่างกล่องดาวเทียม ของเคเบิ้ลดาวเทียมในญี่ปุ่น จะมีสองรุ่นให้เลือก ตัวสเปคสูงกว่าราคาเช่ากล่องต่อเดือนก็แพงกว่า หรือซื้อกล่องไว้ที่บ้านเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่ากล่องและมัดจำอุปกรณ์ และไม่มีการเรียกเก็บค่าอัด PVR ด้วย อัดแหลก!!!)
(กล่องอัดรายการตัวนี้อยากให้มาขายเมืองไทยมาก โดยกล่องอัดรายการที่มีขายจะใส่ตัวรับทีวีดิจิตอลตามแต่ละประเทศมาให้เลย ถ้าจะเรียกมัน เราก็เรียกมันว่ากล่องทีวีดิจิตอลก็ได้เช่นกัน)
แต่แอบเสียดายเล็กๆที่มีการแยกสเปคของสินค้า ประเทศที่ตัวบันทึกรายการมาเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานของทีวีดิจิตอล(แบบใส่มาให้ในตัวทีวี)มีแค่บางประเทศ ที่ผมรู้ก็จะมีญี่ปุ่น อังกฤษ ก็หวังว่าทีวีที่รองรับทีวีดิจิตอล DVB-T2 ที่จะขายในบ้านเรา รองรับการอัดรายการทีวีไว้ด้วยนะครับ ทีวีที่รองรับทีวีดิจิตอลที่ขายในบ้านเราและมีระบบการบันทึกรายการ ที่ผมเห็นชัดๆก็มีแค่ทีวี LG (ทีวียี่ห้ออื่นหาปุ่มอัดไม่เจอจริงๆ)
และมีให้ยังไม่สามารถตัดอัดตามรายการได้อีก *สามารถตั้งอัดรายการตาม EPG หรือกำหนดเวลาและวันเองได้ โดยอัดได้ทีละ1รายการ* ไม่เหมือนบางประเทศที่ใส่มาให้ทุกยี่ห้อทุกรุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่นนี่ใส่มาให้เลยตั้งแต่เริ่ม ทั้งกดอัดเองและตั้งอัดอัตโนมัติตามผัง (ขอแค่อย่าถอดปลั๊กเป็นพอ)
คำถามก็จะผุดอีกว่า ถ้าทีวีมันรับทีวีดิจิตอลได้และตั้งอัดได้ แล้วพวกเค้าหลายๆคนจะซื้อกล่องอัดรายการไปทำไม?
ทีวีที่พวกเค้าซื้ออาจจะรองรับความต้องการไม่พอ เช่น อัดได้แค่รายการเดียว(แต่เปลี่ยนไปดูช่องอื่นระหว่างอัดได้นะ) ทีวีไม่มีพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวหรือมีน้อยไป (ทีวีพร้อมHDDในตัวที่มีขายในญี่ปุ่นก็ 500Gb-1TB) ไม่อยากซื้อ External HDD มาต่อให้วุ่นวายและเกะกะ ทีวีรับความจุไม่พอ (ทีวีทั่วไปรับ HDD แค่1TB) ต้องการต่อความจุหลายๆ TB เหมาะกับฟรีทีวีอังกฤษที่มีเกือบร้อยช่อง (แต่มีHDไม่กี่ช่อง) ส่วนญี่ปุ่นแม้ฟรีทีวีมีไม่กี่ช่อง(HDทุกช่อง) แต่ทีวีมันรับเคเบิ้ลได้มีช่องเกือบร้อย HDซัก50-60ช่อง รายการน่าสนใจมีมาก แยกตามหมวดหมู่อย่างชัดเจน ซึ่งตัวกล่องจะมาจัดการตรงนี้ให้
กล่องมีราคาตั้งแต่ราคาถูกๆหลัก 4-7พันบาท (อ้างอิงตามตลาดญี่ปุ่นและอังกฤษ ซึ่งราคาใกล้กัน) มีทั้งแบบไม่มี HDD ในตัว หรือมีให้ 250-500 Gb ก็ว่าไป จะเก่งกว่าทีวีตรงอัดได้ 2รายการ เพราะมี Tuner 2ตัว (ต่อเสาเดียว แต่มีตัว Tuner ในกล่อง2ตัว เพราะTuner1ตัว อัดไว้ได้1ช่องและดูได้1ช่อง) หรือจะแพงเทพเหยียบหลักหมื่น-แสน แบบว่า HDD ในตัว 3-4TB ต่อ HDD นอกได้อีก 4ลูก ลูกละ 4TB รองรับอัด 4K 60FPS อัด 4รายการHDพร้อมกัน (บางรุ่นพิเศษได้ถึง6รายการพร้อมกัน) พร้อมเครื่องเล่นและอัด Blu-Ray 3D ในตัวพร้อมรองระบ BDXL รับได้ทั้งทีวีดิจิตอล, BS, CS, เคเบิ้ลดาวเทียมได้ในตัว (ตัวหลักใช้ HDMI ต่อเอา) ในราคาที่สามารถซื้อทีวีเครื่องใหม่จอใหญ่ๆได้อีก1-2ตัว ก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน
(Panasonic BZT9600 เครื่องอัดรายการรุ่นใหม่ที่สุด เทพที่สุด แพงที่สุดในขณะนี้ สนนราคาที่ 360,999เยน หรือแสนบาทนิดๆ)
โดยการอัดรายการนั้น ว่าจะกินความจุมากน้อยเท่าใด อยู่ที่ความละเอียดช่องที่เราอัด ถ้าอัดช่อง SD ก็จะได้ภาพ 576i,p (สำหรับไทยและประเทศที่ใช้ทีวีระบบ PAL) ซึ่งเป็นความละเอียดต้นฉบับ ถ้าอัดช่อง HD ภาพ 720p, 1080i ก็จะได้ความละเอียดต้นฉบับเช่นกัน ซึ่งอัดช่อง HD กินมากกว่า SD และขึ้นอยู่ที่บิตเรตด้วย ถ้าช่อง HD เหมือนกัน แต่อีกช่องมีบิตเรตที่สูงกว่าก็จะกินพื้นที่มากกว่า
สำหรับเครื่องอัดทีวีที่เป็นแบบใส่ DVD แต่อัดรายการแบบ HD ได้ (สมัยนี้เป็น Blu-Ray แล้ว แต่ก็ยังรับแผ่น DVD อยู่) ถ้าอัดลงแผ่น DVD จะใส่ข้อมูลตามต้นฉบับมาในแผ่นเลย ช่อง HD ใช้โค๊ด MPEG4 มันก็มาช่อง HD โค๊ด MPEG4 ลงในแผ่นเลย ใชกับเครื่องเล่น DVD ทั่วไปไม่ได้ ต้องเอาไปแปลงก่อน พูดง่ายๆคือมาแบบ Data อย่างเดียว แต่คนไม่นิยมกัน ใช้ HDD ง่ายกว่าเยอะ
รายการที่อัด ส่วนมากจะมาเป็นไฟล์ .ts เอาไปใช้กับคอมพิวเตอร์หรือเอาไปแปลงได้เลย (Windows Media Player ยังเล่นได้) เพราะไฟล์นี้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เล่นไฟล์ HD ได้ พวกทีวีหรือBlu-Ray รองรับหมด (ถ้าทีวีดิจิตอลระบบ ATSC บางทีจะเป็น .tp พวกไฟล์จากเกาหลี ซึ่งบางอุปกรณ์ไม่รับและต้องใช้โปรแกรมวิดีโออื่นดู)
ตามปกติการอัดรายการทีวีนั้นจะพ่วง EPG มาด้วย (บางไฟล์ก็ไม่พ่วงมา) พวกผังเวลาของวันที่เราอัดรายการหรือบางที่พ่วงมา 3วัน 7วัน มีทั้งเรียงมาและข้ามไปข้ามมาก็มี แม้จะอัดแค่ไม่กี่นาที พวกทีวีจากญี่ปุ่นจะล๊อกโค๊ดกับทีวีกรือกล่องตัวนั้น ทำให้ดูที่อื่นจะเป็นภาษามั่ว (โปรแกรมดูวิดีโอบางตัวก็อ่านได้ แต่เป็นภาษามั่วเพราะโดนเข้ารหัสจาก Copy-Protection เป็นกับระบบ ISDB-T เท่านั้น) โดยจะบอกได้ว่าอัดรายการอะไร เราอัดรายการตอนเวลากี่โมงและอัดเสร็จตอนกี่โมง รายการเล่นกี่โมงถึงกี่โมง มีรายชื่อEPGของช่องที่เราอัดมาได้ (เช่น อัด NTV ก็จะเป็นผัง NTV ไม่มีช่องอื่นปน) และเฉพาะที่ญี่ปุ่นจะมีระบบ Copy-Protection ระบบป้องกันการคัดลอก (ทีวีญี่ปุ่นระบบ ISDB-T จะใส่มา) ซึ่งไฟล์ที่ติดรหัสนี้ต้องไปตัดแบ่งไฟล์ในอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น ทีวีหรือเครื่องอัดที่มีระบบตัดต่อรายการทีวีได้ ซึ่งอุปกรณ์พวกนั้นมีบัตรยืนยันหรือ B-CAS อยู่แล้ว(1อุปกรณ์จะมีบัตร1ใบ แถมมาให้ในกล่องตอนซื้อ) [อ่านเรื่องของ B-CAS
http://ppantip.com/topic/30975416] ถ้าเอาไฟล์ใส่ในโปรแกรมทั่วไปแล้วตัด โปรแกรมจะไม่รับไฟล์หรือ Error ไปเลย (มีบางโปรแกรมที่มันตัดได้) แต่บางไฟล์ก็ไม่ติด Copy-Protection มาด้วยก็โชคดีไป เอาไปตัดไฟล์ได้ตามปกติ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฉะนั้น เหล่าผู้ติดรายการทีวีและติดละครทั้งหลาย สามารถใช้การอัดรายการให้เป็นประโยชน์ได้ เก็บรายการทีวีหรือละครที่พลาดดูแล้วเอามาดูทีหลังได้แบบชัดๆ แบบนี้สิถึงเรียกว่าใช้เทคโนโลยีคุ้ม!
กระทู้ยาวมาก ก็หวังว่าได้รับความรู้ไปเยอะนะครับ ขอบคุณทที่อ่านและขอจบกระทู้เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
1ในข้อดีของทีวีดิจิตอลที่คนติดทีวีชอบใจ... "ตั้งอัดรายการทีวี!!!" ความรู้อัดแน่น ข้อมูลเพียบ!!!
ปล.ขอดักไว้ก่อน ผมไม่ได้มาโฆษณาหรือชักชวนใช้เครื่องอุปกรณ์ของบริษัทใดทั้งนั้น ไม่มีใครจ้างมา ผมนึกอยากพิมพ์เมื่อเช้าก็เลยมาพิมพ์มาแชร์เนื้อหาให้ได้ดูกันครับ ไม่ได้ตังค์จากใครทั้งนั้นทั้งรัฐและเอกชน ถ้าทาง กสทช.อยากเอาไปเป็น Guideline หรือเอาไปออก ICT Genius 9 ก็เชิญได้เลยครับ
--------------------------------------------------------------------------
การอัดรายการทีวี คือการบันทึกรายการทีวีที่ออกอากาศไว้ สำหรับจุดประสงค์ในการที่ คนที่อยากดูรายการโปรดแต่ไม่มีเวลาหรือไม่ได้ว่างตอนนั้น คนที่ติดละครหรือชอบมากๆ กลัวจะพลาดก็ตั้งอัดเป็นซีรี่ส์ หรือบางคนก็อัดเก็บไว้เพื่อเอาไปแจกจ่ายให้โลกได้รับรู้ก็มี ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ ภาพที่อัดมานั้น จะชัดเทียบเท่ากับที่ออกอากาศเลย เช่น อัดช่อง HD ไว้ พอกลับมาดูถ้าตั้งแบบ HD ไว้ (ไม่ลดคุณภาพ ตั้งตามต้นฉบับ) ภาพก็จะชัดเหมือนกับดูสดๆ ณ ขณะนั้นเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าที่บ้านดูทีวีอนาล๊อกสัญญาณซ่า ถ้าอัดเก็บไว้ พอมาดูภาพก็จะซ่าตามต้นฉบับที่ส่งมา
ถ้าดูจากหัวกระทู้ หลายคนก็สงสัยว่า มันมีมาตั้งนานแล้วไม่ใช่รึ?
ใช่ครับมีมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคอัดลงเทป (สมัยก่อนบ้านเพื่อนผมทำบ่อย อัดการ์ตูนช่อง9ไว้ดู) โดยวิธีการใช้ก็คือการต่อสายเสาอากาศเข้ากล่องแล้วต่อ AV Out จากกล่องเข้าทีวี (ให้กล่องเป็นจูนเนอร์ทีวี ดูทีวีผ่าน AV Input) หรือต่อสาย AV Out จากทีวีเข้ากล่อง (แบ่งภาพให้กล่อง แล้วกล่องก็ทำการCaptureวิดีโอลงเทป)
(ยังจำได้ไหม เครื่องเล่นเทป บ้านผมมีอยู่เครื่องนึง ยังใช้ได้ แต่คนละรุ่นกับอันนี้นะ ของผมใหม่กว่านี้)
แต่ในสมัยก่อนต้องกดบันทึกเอาเอง และต้องกดหยุดเอง แม้สมัยก่อนจะมี EPG หรือผังรายการอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มมีเมื่อเกือบ 30ปีที่แล้ว (ใช้เฉพาะในเคเบิ้ลอเมริกา เพิ่งแพร่หลายทั่วโลกมาตั้งแต่ยุคดาวเทียมดิจิตอล ประมาณ20ปีที่แล้ว) แต่ EPG ก็ช่วยได้แค่บอกผังรายการทีวี หรือเตือนรายการ ยังสั่งอัดตามผังไม่ได้ ต้องเปิดช่องนั้นแช่ไว้ ถ้าเปลี่ยนเมื่อไร ภาพที่บันทึกลงไปก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย พอมายุคของบันทึกลงแผ่น DVD หรือ HDD เครื่องอัดแบบนี้ก็ยังมีขายกันอยู่ (ตัวกล่องอัดที่รับสัญญาณอนาล๊อกแล้วอัดลงแผ่น DVD หรือ HDD ที่เป็นข้อมูลดิจิตอล ใช้หลักการแปลงเป็นดิจิตอลโดยใช้บิตเรตแบบแปรผันตามซอฟ์ทแวร์กล่องประมวลผลและความละเอียดตามสัญญาณที่ส่งมาของแต่ละระบบ [SECAM อัดเก็บ DVD ตัวกล่องจะนับเป็น PAL เพราะสเปคภาพเท่ากัน] โดยประมวลผล ณ ขณะนั้นเลย กดอัดเสร็จ รอแปบนึง แล้วดูที่อัดไว้ได้เลย)
(EPG ยุคเมื่อเกือบ 30ปีที่แล้ว ในยุคนั้นยังมีใช้เฉพาะเคเบิ้ลทีวีในอเมริกา รูปแบบการใช้ก็กดขึ้นลง)
(EPG ยุคปัจจุบัน อันนี้มาจากทีวี Sony ที่ญี่ปุ่น แต่ละยี่ห้อจะมี EPG ที่มีหน้าตาต่างกัน)
แต่มายุคที่อะไรก็ดิจิตอล ความฉลาดขึ้นของสิ่งต่างๆทำให้เราสบายขึ้น พอสัญญาณมาเป็นดิจิตอล ผัง EPG ก็ได้รับการอัพเกรดให้เทพกว่าเดิม ก็สามารถตั้งอัดได้อย่างสบายละทีนี้ โดยเริ่มจากเคเบิ้ลทีวีและเคเบิ้ลดาวเทียมก่อน โดยการเลือกรายการที่จะอัดไว้ พอถึงเวลาเครื่องก็จะบันทึกเก็บไว้ให้ ถ้ามี DVD ก็อัดลงแผ่น DVD ที่ใส่ไว้ ถ้ารุ่นไหนเป็น HDD ก็อัดลง HDD พอหมดรายการก็หยุดการตั้งอัดเอง แต่ในยุคแรกๆที่มันทำได้ อัดได้แค่ทีละรายการ พอพัฒนาขึ้นมาก็อัดได้ทีละสองรายการ อัดเป็นซีรี่ส์ได้ และกล่องสามารถตั้งเวลาเองให้อัดข้ามเวลาได้ (เช่น 1วัน อัด3ครั้ง ครั้งละ1ชม เอากี่โมงวันอะไรบ้างก็ว่าไป) ทำ Timeshift หรือย้อนรายการสดได้ ซึ่งตามหลักธุรกิจ ตัวสเปคสูงกว่า ย่อมแพงกว่ารุ่นธรรมดา
แล้วมาดูต่อว่าๆ ถ้าทีวีดาวเทียมทำได้ แล้วจะชักเข้าหาทีวีดิจิตอลทำเพื่อ?
ที่ชักเข้าทีวีดิจิตอล เพราะทีวีดิจิตอลเป็นทีวีภาคพื้นดินใช่ไหมครับ เป็นฟรีทีวี ไม่มีบริการเสริมเสียตังค์จากผู้ให้บริการเคเบิ้ล ซึ่งการที่จะทำการอัดให้เทียบเท่ากับพวกทีวีดาวเทียมได้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย ว่าชอบเครื่องแบบไหน จะเอาแบบความจุน้อย ความจุเยอะ อัดได้รายการเดียวหรือสองรายการ อัดเป็น HD ได้ อัดแบบธรรมดาพอ หรือจะเอาทีวีรุ่นที่มีการอัดรายการในตัว อะไรอย่างเนี้ย ไม่ใช่มีให้เลือกแค่รุ่นเดียวหรือสองรุ่นเหมือนเคเบิ้ลดาวเทียม(แถมบางทีต้องจ่ายค่าใช้ระบบบันทึกหรือPVRอีก ประเทศอื่นเค้าไม่คิดค่าบริการตรงนี้เฟ้ย!) โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีความสามารถที่ต่างกัน หน้าเมนู EPG ก็ต่างกันแล้ว
(ยกตัวอย่างกล่องดาวเทียม ของเคเบิ้ลดาวเทียมในญี่ปุ่น จะมีสองรุ่นให้เลือก ตัวสเปคสูงกว่าราคาเช่ากล่องต่อเดือนก็แพงกว่า หรือซื้อกล่องไว้ที่บ้านเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่ากล่องและมัดจำอุปกรณ์ และไม่มีการเรียกเก็บค่าอัด PVR ด้วย อัดแหลก!!!)
(กล่องอัดรายการตัวนี้อยากให้มาขายเมืองไทยมาก โดยกล่องอัดรายการที่มีขายจะใส่ตัวรับทีวีดิจิตอลตามแต่ละประเทศมาให้เลย ถ้าจะเรียกมัน เราก็เรียกมันว่ากล่องทีวีดิจิตอลก็ได้เช่นกัน)
แต่แอบเสียดายเล็กๆที่มีการแยกสเปคของสินค้า ประเทศที่ตัวบันทึกรายการมาเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานของทีวีดิจิตอล(แบบใส่มาให้ในตัวทีวี)มีแค่บางประเทศ ที่ผมรู้ก็จะมีญี่ปุ่น อังกฤษ ก็หวังว่าทีวีที่รองรับทีวีดิจิตอล DVB-T2 ที่จะขายในบ้านเรา รองรับการอัดรายการทีวีไว้ด้วยนะครับ ทีวีที่รองรับทีวีดิจิตอลที่ขายในบ้านเราและมีระบบการบันทึกรายการ ที่ผมเห็นชัดๆก็มีแค่ทีวี LG (ทีวียี่ห้ออื่นหาปุ่มอัดไม่เจอจริงๆ)
และมีให้ยังไม่สามารถตัดอัดตามรายการได้อีก*สามารถตั้งอัดรายการตาม EPG หรือกำหนดเวลาและวันเองได้ โดยอัดได้ทีละ1รายการ* ไม่เหมือนบางประเทศที่ใส่มาให้ทุกยี่ห้อทุกรุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่นนี่ใส่มาให้เลยตั้งแต่เริ่ม ทั้งกดอัดเองและตั้งอัดอัตโนมัติตามผัง (ขอแค่อย่าถอดปลั๊กเป็นพอ)คำถามก็จะผุดอีกว่า ถ้าทีวีมันรับทีวีดิจิตอลได้และตั้งอัดได้ แล้วพวกเค้าหลายๆคนจะซื้อกล่องอัดรายการไปทำไม?
ทีวีที่พวกเค้าซื้ออาจจะรองรับความต้องการไม่พอ เช่น อัดได้แค่รายการเดียว(แต่เปลี่ยนไปดูช่องอื่นระหว่างอัดได้นะ) ทีวีไม่มีพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวหรือมีน้อยไป (ทีวีพร้อมHDDในตัวที่มีขายในญี่ปุ่นก็ 500Gb-1TB) ไม่อยากซื้อ External HDD มาต่อให้วุ่นวายและเกะกะ ทีวีรับความจุไม่พอ (ทีวีทั่วไปรับ HDD แค่1TB) ต้องการต่อความจุหลายๆ TB เหมาะกับฟรีทีวีอังกฤษที่มีเกือบร้อยช่อง (แต่มีHDไม่กี่ช่อง) ส่วนญี่ปุ่นแม้ฟรีทีวีมีไม่กี่ช่อง(HDทุกช่อง) แต่ทีวีมันรับเคเบิ้ลได้มีช่องเกือบร้อย HDซัก50-60ช่อง รายการน่าสนใจมีมาก แยกตามหมวดหมู่อย่างชัดเจน ซึ่งตัวกล่องจะมาจัดการตรงนี้ให้
กล่องมีราคาตั้งแต่ราคาถูกๆหลัก 4-7พันบาท (อ้างอิงตามตลาดญี่ปุ่นและอังกฤษ ซึ่งราคาใกล้กัน) มีทั้งแบบไม่มี HDD ในตัว หรือมีให้ 250-500 Gb ก็ว่าไป จะเก่งกว่าทีวีตรงอัดได้ 2รายการ เพราะมี Tuner 2ตัว (ต่อเสาเดียว แต่มีตัว Tuner ในกล่อง2ตัว เพราะTuner1ตัว อัดไว้ได้1ช่องและดูได้1ช่อง) หรือจะแพงเทพเหยียบหลักหมื่น-แสน แบบว่า HDD ในตัว 3-4TB ต่อ HDD นอกได้อีก 4ลูก ลูกละ 4TB รองรับอัด 4K 60FPS อัด 4รายการHDพร้อมกัน (บางรุ่นพิเศษได้ถึง6รายการพร้อมกัน) พร้อมเครื่องเล่นและอัด Blu-Ray 3D ในตัวพร้อมรองระบ BDXL รับได้ทั้งทีวีดิจิตอล, BS, CS, เคเบิ้ลดาวเทียมได้ในตัว (ตัวหลักใช้ HDMI ต่อเอา) ในราคาที่สามารถซื้อทีวีเครื่องใหม่จอใหญ่ๆได้อีก1-2ตัว ก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน
(Panasonic BZT9600 เครื่องอัดรายการรุ่นใหม่ที่สุด เทพที่สุด แพงที่สุดในขณะนี้ สนนราคาที่ 360,999เยน หรือแสนบาทนิดๆ)
โดยการอัดรายการนั้น ว่าจะกินความจุมากน้อยเท่าใด อยู่ที่ความละเอียดช่องที่เราอัด ถ้าอัดช่อง SD ก็จะได้ภาพ 576i,p (สำหรับไทยและประเทศที่ใช้ทีวีระบบ PAL) ซึ่งเป็นความละเอียดต้นฉบับ ถ้าอัดช่อง HD ภาพ 720p, 1080i ก็จะได้ความละเอียดต้นฉบับเช่นกัน ซึ่งอัดช่อง HD กินมากกว่า SD และขึ้นอยู่ที่บิตเรตด้วย ถ้าช่อง HD เหมือนกัน แต่อีกช่องมีบิตเรตที่สูงกว่าก็จะกินพื้นที่มากกว่า
สำหรับเครื่องอัดทีวีที่เป็นแบบใส่ DVD แต่อัดรายการแบบ HD ได้ (สมัยนี้เป็น Blu-Ray แล้ว แต่ก็ยังรับแผ่น DVD อยู่) ถ้าอัดลงแผ่น DVD จะใส่ข้อมูลตามต้นฉบับมาในแผ่นเลย ช่อง HD ใช้โค๊ด MPEG4 มันก็มาช่อง HD โค๊ด MPEG4 ลงในแผ่นเลย ใชกับเครื่องเล่น DVD ทั่วไปไม่ได้ ต้องเอาไปแปลงก่อน พูดง่ายๆคือมาแบบ Data อย่างเดียว แต่คนไม่นิยมกัน ใช้ HDD ง่ายกว่าเยอะ
รายการที่อัด ส่วนมากจะมาเป็นไฟล์ .ts เอาไปใช้กับคอมพิวเตอร์หรือเอาไปแปลงได้เลย (Windows Media Player ยังเล่นได้) เพราะไฟล์นี้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เล่นไฟล์ HD ได้ พวกทีวีหรือBlu-Ray รองรับหมด (ถ้าทีวีดิจิตอลระบบ ATSC บางทีจะเป็น .tp พวกไฟล์จากเกาหลี ซึ่งบางอุปกรณ์ไม่รับและต้องใช้โปรแกรมวิดีโออื่นดู)
ตามปกติการอัดรายการทีวีนั้นจะพ่วง EPG มาด้วย (บางไฟล์ก็ไม่พ่วงมา) พวกผังเวลาของวันที่เราอัดรายการหรือบางที่พ่วงมา 3วัน 7วัน มีทั้งเรียงมาและข้ามไปข้ามมาก็มี แม้จะอัดแค่ไม่กี่นาที พวกทีวีจากญี่ปุ่นจะล๊อกโค๊ดกับทีวีกรือกล่องตัวนั้น ทำให้ดูที่อื่นจะเป็นภาษามั่ว (โปรแกรมดูวิดีโอบางตัวก็อ่านได้ แต่เป็นภาษามั่วเพราะโดนเข้ารหัสจาก Copy-Protection เป็นกับระบบ ISDB-T เท่านั้น) โดยจะบอกได้ว่าอัดรายการอะไร เราอัดรายการตอนเวลากี่โมงและอัดเสร็จตอนกี่โมง รายการเล่นกี่โมงถึงกี่โมง มีรายชื่อEPGของช่องที่เราอัดมาได้ (เช่น อัด NTV ก็จะเป็นผัง NTV ไม่มีช่องอื่นปน) และเฉพาะที่ญี่ปุ่นจะมีระบบ Copy-Protection ระบบป้องกันการคัดลอก (ทีวีญี่ปุ่นระบบ ISDB-T จะใส่มา) ซึ่งไฟล์ที่ติดรหัสนี้ต้องไปตัดแบ่งไฟล์ในอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น ทีวีหรือเครื่องอัดที่มีระบบตัดต่อรายการทีวีได้ ซึ่งอุปกรณ์พวกนั้นมีบัตรยืนยันหรือ B-CAS อยู่แล้ว(1อุปกรณ์จะมีบัตร1ใบ แถมมาให้ในกล่องตอนซื้อ) [อ่านเรื่องของ B-CAS http://ppantip.com/topic/30975416] ถ้าเอาไฟล์ใส่ในโปรแกรมทั่วไปแล้วตัด โปรแกรมจะไม่รับไฟล์หรือ Error ไปเลย (มีบางโปรแกรมที่มันตัดได้) แต่บางไฟล์ก็ไม่ติด Copy-Protection มาด้วยก็โชคดีไป เอาไปตัดไฟล์ได้ตามปกติ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฉะนั้น เหล่าผู้ติดรายการทีวีและติดละครทั้งหลาย สามารถใช้การอัดรายการให้เป็นประโยชน์ได้ เก็บรายการทีวีหรือละครที่พลาดดูแล้วเอามาดูทีหลังได้แบบชัดๆ แบบนี้สิถึงเรียกว่าใช้เทคโนโลยีคุ้ม!
กระทู้ยาวมาก ก็หวังว่าได้รับความรู้ไปเยอะนะครับ ขอบคุณทที่อ่านและขอจบกระทู้เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ