-----ตอนเก่าๆ-----
http://ppantip.com/topic/31402809 <<< ตอนที่1 = ช่อง SD ก็ฟังเสียง 5.1 Surround ได้
http://ppantip.com/topic/31411962 <<< ตอนที่2 = วิทยุบนระบบทีวีดิจิตอล, เวลาเราไม่ต้องตั้งเอง
http://ppantip.com/topic/31436420 <<< ตอนที่3 = ช่องทีวีดิจิตอลก็ดูบนทีวีดาวเทียมได้
กลับมากับกระทู้ทีวีดิจิตอล ที่ทำให้หลายคนมึนเลยทีเดียว 555 (ก็ผมพิมพ์ทีมาละเอียดเลย หลายคนเลยงงๆ) กระทู้ในหัวข้อ "สิ่งที่ทีวีดิจิตอลทำได้แต่ คุณอาจไม่รู้" มาถึงตอนที่ 4 กันแล้ว กับเรื่องราววันนี้เกี่ยวกับ "กล่องทีวีดิจิตอล" ว่ามีกี่ประเภท จะได้เลือกซื้อกันได้อย่างถูกวัตถุประสงค์ครับ
* รูปประกอบจากในอินเตอร์เน็ต *
* ไม่มีการโฆษณาให้บริษัทใดทั้งสิ้น *
* บางประเภทอาจไม่มีขายในประเทศไทย กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้รู้กับครับว่ามีกล่องหลายประเภท *
* ไทยใช้ทีวีดิจิตอลระบบ DVB-T2 *
* ไม่นับของมือถือ ถือว่าคนละระบบกัน *
1.กล่องทีวีดิจิตอลแบบไม่ HD (ราคาถูกที่สุด)
กล่องประเภทนี้ มีขายในหลายๆประเทศ ซึ่งไม่มั่นใจว่าไทยจะนำเข้ามาไหม เป็นกล่องทีวีดิจิตอลซึ่งสามารถดูช่องทีวีดิจิตอลได้ทุกช่อง แม้กระทั่งช่อง HD
แต่... ไม่สามารถต่อจอนอกแบบ HD ได้ครับ
(กล่องทีวีดิจิตอลแบบไม่ HD ยี่ห้อ IO DATA ขายในญี่ปุ่น ราคา 1,800บาท [ที่ญี่ปุ่น ราคานี้ถูกที่สุดแล้ว])
กล่องประเภทนี้ถูกสร้างมา เพื่อให้คนที่มีจออ้วนที่บ้าน คนที่ไม่เน้นเล่นฟีเจอร์อะไรเลย เอาแค่ดูได้ก็พอ กล่องแบบนี้จะมีราคาถูกที่สุด ราคาอยู่ในหลักร้อย เพราะตัดหลายๆอย่างออกไปเพื่อประหยัดต้นทุน แค่ให้มัน"ดูได้"ก็พอ ในญี่ปุ่นยังมีกล่องแบบนี้ขายอยู่ ต่อกับทีวีจออ้วน เอาแค่ดูได้ ตัดระบบอัดรายการออก(ต่อ USB ไม่ได้) ตัดInteractive (Datacasting) ออกไป เหลือผังรายการ(EPG)ไว้ให้เช็ครายการ, ซับไตเติ้ล
2.กล่องทีวีดิจิตอลทั่วไป (ราคาปกติ มีหลายราคา)
ต่อมาเป็นกล่องที่มีผู้ซื้อมากที่สุด มีรุ่นให้เลือกมากที่สุด คือ กล่องทีวีดิจิตอลแบบธรรมดา ซึ่งสามารถต่อจอแบบ HD ได้ผ่าน HDMI และก็ต่อจออ้วนก็ได้เช่นกันผ่านสาย AV 3สี (บางรุ่นอาจมีแถมรูต่อจอคอมผ่าน VGA)
ลูกเล่นมาตรฐานครบถ้วน เปิดดูช่อง HD ได้ (ภาพก็ HD), ผังรายการ, ตั้งเตือนรายการ, ตั้งอัดรายการ, ซับไตเติ้ล, ต่อ HDD เพื่ออัดรายการ, Interactive (ของไทยเลือกใช้ Red Button แบบเดียวกับอังกฤษ เปิดใช้ด้วยการกดปุ่มสีแดง) ส่วนขนาดกล่องนั้น จะประมาณกล่องดาวเทียมทั่วไปครับ ไม่ใหญ่มาก โดยในบางรุ่นอาจสามารถอัด 2รายการพร้อมกันได้ด้วย (อัด2รายการ2ช่องในเวลาเดียวกัน) แต่ราคาก็จะแพงขึ้นไปอีก
โดยในไทยที่มีขายตามห้างทั่วไปและได้รับการรับรองจาก กสทช. ก็จะมีกล่อง
- Samart Strong ราคา 1,150บาท
http://ppantip.com/topic/31409347<<รีวิวของคุณ Red Gangs
- Aconatic AN-2301T2 ราคา 1,490บาท
- Leotech (DVB-T2) ราคา 1,590บาท
และจะมีรุ่นอื่นๆอีกนับสิบรุ่นตามมาในอีกไม่นานนี้ (ตัวผมรอซื้อตอนออกอากาศจริงครับ ตอนนั้นจะมีรุ่นให้เลือกเยอะกว่านี้)
3.กล่องทีวีดิจิตอล + HDD ในตัว หรือ Blu-Ray Drive (ราคาเพิ่มขึ้น ตามความจุและสเปค)
(กล่องทีวีดิจิตอล Panasonic DMR-PWT500 ที่ขายในออสเตรเลีย, อังกฤษ เป็นกล่องที่มี Blu-Ray Drive ในตัว)
(เครื่องเล่น Blu-Ray Sharp BD-S520 ที่ขายในญี่ปุ่น เป็นเครื่องเล่น Blu-Ray 3D และสามารถต่อเสาอากาศหรือจานดาวเทียม เพื่อดูรายการทีวีและอัดรายการทีวีเข้า HDD 500Gb ที่อยู่ในตัวเครื่องก็ได้ สนนราคาที่ 10,700บาท)
กล่องแบบนี้จะมีความสามารถเท่ากับแบบกล่องทีวีดิจิตอลทั่วไป แต่เพิ่มในส่วนของ HDD ในตัว เพื่อที่ไม่ต้องเสียบ HDD คาตอนอัดรายการ สามารถตั้งอัดได้ตามต้องการเหมือนกล่องทีวีดิจิตอลทั่วไป ข้อมูลจะไปที่ HDD ในตัวเครื่องทันที (แล้วแต่รุ่นว่าสามารถถอดเปลี่ยน HDD ในเครื่องได้ไหม) เราสามารถต่ออุปกรณ์ต่างๆผ่านทาง USB เพื่อโอนไฟล์ออกมาหรือเอาเข้าไปในกล่องได้ด้วย หรือจะต่ออุปกรณ์ USB เพื่อเพิ่มความจุในการอัดรายการ
หรือในบางรุ่นที่แพงๆอาจมี Blu-Ray Player ในตัว ใช้เปิดแผ่น DVD, Blu-Ray ได้เหมือนเครื่องเล่นแผ่น และสามารถอัดรายการแล้วเขียนข้อมูลลงแผ่น DVD, Blu-Ray ได้ทันที เพื่อนำไปใช้ต่อไป
โดยกล่องแบบนี้จะมีขายในบางประเทศ เช่น อังกฤษ, อเมริกา, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย (และกล่องที่ขายใน4ประเทศข้างต้นนี้ ตัวกล่องสามารถรับสัญญาณเคเบิ้ลดิจิตอลหรือดาวเทียมได้ด้วย!)
4.กล่องที่เอาไว้เก็บข้อมูลลง HDD เท่านั้น (กล่อง HDD แยก) (ใช้รับสัญญาณทีวีดิจิตอลไม่ได้ ใช้เก็บข้อมูลได้อย่างเดียว)
(กล่อง IO Data AVHD-UR เป็นกล่อง HDD โดยเฉพาะ ราคา1TBที่3,700บาท)
กล่องแบบนี้ไม่ค่อยมียี่ห้อไหนทำ และเจ้ากล่องนี้มีขายในญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เป็นกล่องที่บรรจุ HDD ในตัว ไว้เก็บข้อมูลเท่านั้น มันดูไม่ค่อยจำเป็นสำหรับเราเท่าไร แต่บางคนมันจำเป็นมาก ที่จริงจะใช้กับคอมพิวเตอร์หรือกับทีวีก็ได้
เจ้ากล่องนี้ต่อสายจาก USB ของทีวีหรือกล่องทีวีดิจิตอลทั้งหลาย มาเข้ากล่องด้วยสาย USB 2.0 หรือ USB 3.0 (1กล่อง1สาย) โดยสามารถอัดรายการเข้ากล่องได้1รายการต่อ1กล่องHDD ถ้าต่อตรงกับทีวี หรือ2รายการต่อ1กล่องHDD ถ้าต่อตรงกับกล่องทีวีดิจิตอลหรือ Blu-Ray Player ที่อัด2รายการได้ และกล่องสามารถวางซ้อนกัน เพื่อใช้Adapterต่อสายไฟร่วมกันได้ โดยที่ผมเห็นมาได้มากสุดถึง 4กล่องHDD โดยเสียบปลั๊กเพียงรูเดียว
5.USB Tuner, PCI Tuner ไว้ดูทีวีดิจิตอลผ่านคอมพิวเตอร์
(USB Tuner)
(PCI Tuner)
อันนี้น่าจะเป็นตัวที่หลายคนถามหา คือตัว USB Tuner ไว้ต่อคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คเพื่อดูทีวีดิจิตอล หรือ PCI Tuner เสียบไว้ในเคสคอมเพื่อดูทีวีผ่านเครื่องPC
โดยใช้งานไม่ยาก แค่นำอุปกรณ์ต่อกับเครื่องคอม (USB Tuner ก็ต่อช่อง USB, PCI Tuner ก็เสียบกับช่อง PCI-E x1 ในเคสPC) แล้วต่อเสาอากาศกับอุปกรณ์ จากนั้นก็ลงDriverที่มากับกล่อง จูนช่องดูได้เลย มีคุณสมบัติที่เหมือนกับกล่องทีวีดิจิตอล และกดอัดรายการลงในคอมของเราได้ทันทีด้วย โดย USB Tuner หรือ PCI Tuner ยังไม่มีตัวไหนที่ กสทช. รับรอง แต่ถ้าอยากลองก็ลองหาตามเน็ตดูครับ มีหลายตัวอยู่เหมือนกัน
*เพิ่มเติม*
- รีโมทของกล่องทีวีดิจิตอลในอนาคต คาดว่าจะใส่ปุ่มเปิด-ปิดทีวีของเรามาให้ในรีโมทของกล่องด้วย เพื่อเป็นการสร้างความสะดวกให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ไม่ต้องหยิบรีโมททีวีมาเปิดแล้วมาใช้รีโมทกล่อง โดยวิธีในการเชื่อมต่อรีโมททีวีให้ไที่รีโมทกล่อง มี2วิธีใหญ่ๆ คือ
1.เอารีโมททีวีมาจ่อรีโมทกล่องตรงหัวรีโมท(ที่เป็นที่ยิงแสงอินฟาเรด) จากนั้นให้กดปุ่ม(ตามคู่มือ)บนรีโมทกล่อง แล้วกดปุ่มเปิด-ปิดที่รีโมททีวี เพื่อให้รีโมทกล่องจำโค๊ดของรีโมททีวี ทำให้สามารถใช้รีโมทกล่องเปิด-ปิดทีวีเราได้
2.ให้ใส่รหัสยี่ห้อตามคู่มือลงบนรีโมทกล่อง แต่ละยี่ห้อจะมีเลขรหัสไม่เหมือนกัน ถ้าใส่เลขรหัสแล้ว สามารถเปิด-ปิดทีวีได้ แปลว่าเราสามารถใช้รีโมทกล่องเปิด-ปิดทีวีได้แล้ว
ซึ่ง2วิธีนี้ ใช้ได้กับเหล่า Universal Remote ของทีวี, แอร์ได้ด้วย
- ไฟล์ที่ได้จากการอัดรายการ จะเป็นไฟล์ .ts สามารถนำไปเปิดบนทีวีที่รองรับ USB Movie (ที่รองรับไฟล์ HD) ได้ทุกรุ่น และเปิดบนคอมพิวเตอร์ได้เลย โปรแกรม Windows Media Player ก็ยังเปิดได้ (แต่เสียงไม่ออก แนะนำเปิดผ่านโปรแกรม Potplayer นะจ๊ะ แหล่มสุดๆ)
- แผ่นที่ได้จากการอัดรายการผ่านกล่องทีวีดิจิตอลที่อัดรายการลงแผ่นได้ จะมีข้อมูลของผังรายการ ณ ขณะที่เราอัดพ่วงมาด้วย และสามารถเอาไปเปิดบนเครื่องเล่นแผ่นตามชนิดของแผ่นได้ตามปกติ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าอัดช่อง HD ลงแผ่น DVD จะต้องเปิดบนเครื่องเล่น Blu-Ray อย่างเดียวนะจ๊ะ บอกให้ทราบ เพราะเครื่องเล่น DVD ไม่รองรับไฟล์ HD
ประเภทหลักๆของตัวรับหรือกล่องรับทีวีดิจิตอลก็มีประมาณนี้แหละครับ มันมีหลายแบบก็จริง แต่ที่ใช้ตามบ้านทั่วไปจะเป็นแบบ 1 กับ แบบ 2 ตามข้างต้นที่ได้พิมพ์ไป ส่วนแบบที่ 5 ไว้ต่อเพื่อดูทีวีบนคอมพิวเตอร์
หวังว่าได้รับความรู้กันนะครับ ก็ขอจบกระทู้เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ (Happy New Year ด้วยครับ!)...
ปล.โอชิมะ ยูโกะ ทำไมมาออกจาก AKB ตอนนี้ ม่าย!!!!!!!!!!
[ทีวีดิจิตอลไทย] สิ่งที่ทีวีดิจิตอลทำได้แต่ คุณอาจไม่รู้..... (ตอนที่4 = กล่องทีวีดิจิตอลมีกี่ประเภท)
http://ppantip.com/topic/31402809 <<< ตอนที่1 = ช่อง SD ก็ฟังเสียง 5.1 Surround ได้
http://ppantip.com/topic/31411962 <<< ตอนที่2 = วิทยุบนระบบทีวีดิจิตอล, เวลาเราไม่ต้องตั้งเอง
http://ppantip.com/topic/31436420 <<< ตอนที่3 = ช่องทีวีดิจิตอลก็ดูบนทีวีดาวเทียมได้
กลับมากับกระทู้ทีวีดิจิตอล ที่ทำให้หลายคนมึนเลยทีเดียว 555 (ก็ผมพิมพ์ทีมาละเอียดเลย หลายคนเลยงงๆ) กระทู้ในหัวข้อ "สิ่งที่ทีวีดิจิตอลทำได้แต่ คุณอาจไม่รู้" มาถึงตอนที่ 4 กันแล้ว กับเรื่องราววันนี้เกี่ยวกับ "กล่องทีวีดิจิตอล" ว่ามีกี่ประเภท จะได้เลือกซื้อกันได้อย่างถูกวัตถุประสงค์ครับ
* รูปประกอบจากในอินเตอร์เน็ต *
* ไม่มีการโฆษณาให้บริษัทใดทั้งสิ้น *
* บางประเภทอาจไม่มีขายในประเทศไทย กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้รู้กับครับว่ามีกล่องหลายประเภท *
* ไทยใช้ทีวีดิจิตอลระบบ DVB-T2 *
* ไม่นับของมือถือ ถือว่าคนละระบบกัน *
1.กล่องทีวีดิจิตอลแบบไม่ HD (ราคาถูกที่สุด)
กล่องประเภทนี้ มีขายในหลายๆประเทศ ซึ่งไม่มั่นใจว่าไทยจะนำเข้ามาไหม เป็นกล่องทีวีดิจิตอลซึ่งสามารถดูช่องทีวีดิจิตอลได้ทุกช่อง แม้กระทั่งช่อง HD แต่... ไม่สามารถต่อจอนอกแบบ HD ได้ครับ
(กล่องทีวีดิจิตอลแบบไม่ HD ยี่ห้อ IO DATA ขายในญี่ปุ่น ราคา 1,800บาท [ที่ญี่ปุ่น ราคานี้ถูกที่สุดแล้ว])
กล่องประเภทนี้ถูกสร้างมา เพื่อให้คนที่มีจออ้วนที่บ้าน คนที่ไม่เน้นเล่นฟีเจอร์อะไรเลย เอาแค่ดูได้ก็พอ กล่องแบบนี้จะมีราคาถูกที่สุด ราคาอยู่ในหลักร้อย เพราะตัดหลายๆอย่างออกไปเพื่อประหยัดต้นทุน แค่ให้มัน"ดูได้"ก็พอ ในญี่ปุ่นยังมีกล่องแบบนี้ขายอยู่ ต่อกับทีวีจออ้วน เอาแค่ดูได้ ตัดระบบอัดรายการออก(ต่อ USB ไม่ได้) ตัดInteractive (Datacasting) ออกไป เหลือผังรายการ(EPG)ไว้ให้เช็ครายการ, ซับไตเติ้ล
2.กล่องทีวีดิจิตอลทั่วไป (ราคาปกติ มีหลายราคา)
ต่อมาเป็นกล่องที่มีผู้ซื้อมากที่สุด มีรุ่นให้เลือกมากที่สุด คือ กล่องทีวีดิจิตอลแบบธรรมดา ซึ่งสามารถต่อจอแบบ HD ได้ผ่าน HDMI และก็ต่อจออ้วนก็ได้เช่นกันผ่านสาย AV 3สี (บางรุ่นอาจมีแถมรูต่อจอคอมผ่าน VGA)
ลูกเล่นมาตรฐานครบถ้วน เปิดดูช่อง HD ได้ (ภาพก็ HD), ผังรายการ, ตั้งเตือนรายการ, ตั้งอัดรายการ, ซับไตเติ้ล, ต่อ HDD เพื่ออัดรายการ, Interactive (ของไทยเลือกใช้ Red Button แบบเดียวกับอังกฤษ เปิดใช้ด้วยการกดปุ่มสีแดง) ส่วนขนาดกล่องนั้น จะประมาณกล่องดาวเทียมทั่วไปครับ ไม่ใหญ่มาก โดยในบางรุ่นอาจสามารถอัด 2รายการพร้อมกันได้ด้วย (อัด2รายการ2ช่องในเวลาเดียวกัน) แต่ราคาก็จะแพงขึ้นไปอีก
โดยในไทยที่มีขายตามห้างทั่วไปและได้รับการรับรองจาก กสทช. ก็จะมีกล่อง
- Samart Strong ราคา 1,150บาท http://ppantip.com/topic/31409347<<รีวิวของคุณ Red Gangs
- Aconatic AN-2301T2 ราคา 1,490บาท
- Leotech (DVB-T2) ราคา 1,590บาท
และจะมีรุ่นอื่นๆอีกนับสิบรุ่นตามมาในอีกไม่นานนี้ (ตัวผมรอซื้อตอนออกอากาศจริงครับ ตอนนั้นจะมีรุ่นให้เลือกเยอะกว่านี้)
3.กล่องทีวีดิจิตอล + HDD ในตัว หรือ Blu-Ray Drive (ราคาเพิ่มขึ้น ตามความจุและสเปค)
(กล่องทีวีดิจิตอล Panasonic DMR-PWT500 ที่ขายในออสเตรเลีย, อังกฤษ เป็นกล่องที่มี Blu-Ray Drive ในตัว)
(เครื่องเล่น Blu-Ray Sharp BD-S520 ที่ขายในญี่ปุ่น เป็นเครื่องเล่น Blu-Ray 3D และสามารถต่อเสาอากาศหรือจานดาวเทียม เพื่อดูรายการทีวีและอัดรายการทีวีเข้า HDD 500Gb ที่อยู่ในตัวเครื่องก็ได้ สนนราคาที่ 10,700บาท)
กล่องแบบนี้จะมีความสามารถเท่ากับแบบกล่องทีวีดิจิตอลทั่วไป แต่เพิ่มในส่วนของ HDD ในตัว เพื่อที่ไม่ต้องเสียบ HDD คาตอนอัดรายการ สามารถตั้งอัดได้ตามต้องการเหมือนกล่องทีวีดิจิตอลทั่วไป ข้อมูลจะไปที่ HDD ในตัวเครื่องทันที (แล้วแต่รุ่นว่าสามารถถอดเปลี่ยน HDD ในเครื่องได้ไหม) เราสามารถต่ออุปกรณ์ต่างๆผ่านทาง USB เพื่อโอนไฟล์ออกมาหรือเอาเข้าไปในกล่องได้ด้วย หรือจะต่ออุปกรณ์ USB เพื่อเพิ่มความจุในการอัดรายการ
หรือในบางรุ่นที่แพงๆอาจมี Blu-Ray Player ในตัว ใช้เปิดแผ่น DVD, Blu-Ray ได้เหมือนเครื่องเล่นแผ่น และสามารถอัดรายการแล้วเขียนข้อมูลลงแผ่น DVD, Blu-Ray ได้ทันที เพื่อนำไปใช้ต่อไป
โดยกล่องแบบนี้จะมีขายในบางประเทศ เช่น อังกฤษ, อเมริกา, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย (และกล่องที่ขายใน4ประเทศข้างต้นนี้ ตัวกล่องสามารถรับสัญญาณเคเบิ้ลดิจิตอลหรือดาวเทียมได้ด้วย!)
4.กล่องที่เอาไว้เก็บข้อมูลลง HDD เท่านั้น (กล่อง HDD แยก) (ใช้รับสัญญาณทีวีดิจิตอลไม่ได้ ใช้เก็บข้อมูลได้อย่างเดียว)
(กล่อง IO Data AVHD-UR เป็นกล่อง HDD โดยเฉพาะ ราคา1TBที่3,700บาท)
กล่องแบบนี้ไม่ค่อยมียี่ห้อไหนทำ และเจ้ากล่องนี้มีขายในญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เป็นกล่องที่บรรจุ HDD ในตัว ไว้เก็บข้อมูลเท่านั้น มันดูไม่ค่อยจำเป็นสำหรับเราเท่าไร แต่บางคนมันจำเป็นมาก ที่จริงจะใช้กับคอมพิวเตอร์หรือกับทีวีก็ได้
เจ้ากล่องนี้ต่อสายจาก USB ของทีวีหรือกล่องทีวีดิจิตอลทั้งหลาย มาเข้ากล่องด้วยสาย USB 2.0 หรือ USB 3.0 (1กล่อง1สาย) โดยสามารถอัดรายการเข้ากล่องได้1รายการต่อ1กล่องHDD ถ้าต่อตรงกับทีวี หรือ2รายการต่อ1กล่องHDD ถ้าต่อตรงกับกล่องทีวีดิจิตอลหรือ Blu-Ray Player ที่อัด2รายการได้ และกล่องสามารถวางซ้อนกัน เพื่อใช้Adapterต่อสายไฟร่วมกันได้ โดยที่ผมเห็นมาได้มากสุดถึง 4กล่องHDD โดยเสียบปลั๊กเพียงรูเดียว
5.USB Tuner, PCI Tuner ไว้ดูทีวีดิจิตอลผ่านคอมพิวเตอร์
(USB Tuner)
(PCI Tuner)
อันนี้น่าจะเป็นตัวที่หลายคนถามหา คือตัว USB Tuner ไว้ต่อคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คเพื่อดูทีวีดิจิตอล หรือ PCI Tuner เสียบไว้ในเคสคอมเพื่อดูทีวีผ่านเครื่องPC
โดยใช้งานไม่ยาก แค่นำอุปกรณ์ต่อกับเครื่องคอม (USB Tuner ก็ต่อช่อง USB, PCI Tuner ก็เสียบกับช่อง PCI-E x1 ในเคสPC) แล้วต่อเสาอากาศกับอุปกรณ์ จากนั้นก็ลงDriverที่มากับกล่อง จูนช่องดูได้เลย มีคุณสมบัติที่เหมือนกับกล่องทีวีดิจิตอล และกดอัดรายการลงในคอมของเราได้ทันทีด้วย โดย USB Tuner หรือ PCI Tuner ยังไม่มีตัวไหนที่ กสทช. รับรอง แต่ถ้าอยากลองก็ลองหาตามเน็ตดูครับ มีหลายตัวอยู่เหมือนกัน
*เพิ่มเติม*
- รีโมทของกล่องทีวีดิจิตอลในอนาคต คาดว่าจะใส่ปุ่มเปิด-ปิดทีวีของเรามาให้ในรีโมทของกล่องด้วย เพื่อเป็นการสร้างความสะดวกให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ไม่ต้องหยิบรีโมททีวีมาเปิดแล้วมาใช้รีโมทกล่อง โดยวิธีในการเชื่อมต่อรีโมททีวีให้ไที่รีโมทกล่อง มี2วิธีใหญ่ๆ คือ
1.เอารีโมททีวีมาจ่อรีโมทกล่องตรงหัวรีโมท(ที่เป็นที่ยิงแสงอินฟาเรด) จากนั้นให้กดปุ่ม(ตามคู่มือ)บนรีโมทกล่อง แล้วกดปุ่มเปิด-ปิดที่รีโมททีวี เพื่อให้รีโมทกล่องจำโค๊ดของรีโมททีวี ทำให้สามารถใช้รีโมทกล่องเปิด-ปิดทีวีเราได้
2.ให้ใส่รหัสยี่ห้อตามคู่มือลงบนรีโมทกล่อง แต่ละยี่ห้อจะมีเลขรหัสไม่เหมือนกัน ถ้าใส่เลขรหัสแล้ว สามารถเปิด-ปิดทีวีได้ แปลว่าเราสามารถใช้รีโมทกล่องเปิด-ปิดทีวีได้แล้ว
ซึ่ง2วิธีนี้ ใช้ได้กับเหล่า Universal Remote ของทีวี, แอร์ได้ด้วย
- ไฟล์ที่ได้จากการอัดรายการ จะเป็นไฟล์ .ts สามารถนำไปเปิดบนทีวีที่รองรับ USB Movie (ที่รองรับไฟล์ HD) ได้ทุกรุ่น และเปิดบนคอมพิวเตอร์ได้เลย โปรแกรม Windows Media Player ก็ยังเปิดได้ (แต่เสียงไม่ออก แนะนำเปิดผ่านโปรแกรม Potplayer นะจ๊ะ แหล่มสุดๆ)
- แผ่นที่ได้จากการอัดรายการผ่านกล่องทีวีดิจิตอลที่อัดรายการลงแผ่นได้ จะมีข้อมูลของผังรายการ ณ ขณะที่เราอัดพ่วงมาด้วย และสามารถเอาไปเปิดบนเครื่องเล่นแผ่นตามชนิดของแผ่นได้ตามปกติ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าอัดช่อง HD ลงแผ่น DVD จะต้องเปิดบนเครื่องเล่น Blu-Ray อย่างเดียวนะจ๊ะ บอกให้ทราบ เพราะเครื่องเล่น DVD ไม่รองรับไฟล์ HD
ประเภทหลักๆของตัวรับหรือกล่องรับทีวีดิจิตอลก็มีประมาณนี้แหละครับ มันมีหลายแบบก็จริง แต่ที่ใช้ตามบ้านทั่วไปจะเป็นแบบ 1 กับ แบบ 2 ตามข้างต้นที่ได้พิมพ์ไป ส่วนแบบที่ 5 ไว้ต่อเพื่อดูทีวีบนคอมพิวเตอร์
หวังว่าได้รับความรู้กันนะครับ ก็ขอจบกระทู้เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ (Happy New Year ด้วยครับ!)...
ปล.โอชิมะ ยูโกะ ทำไมมาออกจาก AKB ตอนนี้ ม่าย!!!!!!!!!!