เพียงเพราะ ผม(จ้าวนครเมฆขาว) กล่าวข้อเท็จจริง ตามหลักฐานจากพระไตรปิฎกว่า
การระลึกชาติ ของ พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นมิจฉาปฏิปทา
เป็นมิจฉาทิฐิ เพราะมิได้เป็นการระลึกด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนาญาณ
ซึ่งผมก็มิได้ "เพ้อเจ้อ" โดยอาศัย "อัตตโนมัติ" แห่งตน หากแต่เป็นการกล่าวตาม พุทธภาษิต และ มติของอรรถกถาจารย์ เท่านั้นเอง
แต่นางเอิงเอย ซึ่งกล่าวตู่พระธรรมวินัย ต่างกรรมต่างวาระ โดยมิอาจ "แก้ไข" แสดงความกระจ่างใดๆ ได้
กลับพยายาม "เบี่ยงเบน" ประเด็น โดยกล่าวหาผม อย่างโง่ๆ ว่ากำลัง "ลามปาม" เจ้าชายสิทธัตถะ !
**************************************************************************************
ที่จริงแล้ว เรื่องราวก็มิได้มีความสลับซับซ้อนอะไรเลย
มันก็แค่ "ข้อเท็จจริง" ที่ว่า อภิญญา ที่เป็น โลกียะ ทั้งหลาย หากเป็นไปในฝ่ายวัฏฏะ
หรือ คล้อยตามวัฏฏะ กล่าวคือ ยังตกอยู่ภายใต้อำนาจของ ตัณหา อุปาทาน ในภพ
ยังสำคัญมั่นหมายใน สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ย่อมถือว่าเป็น มิจฉาปฏิปทา เป็น มิจฉาทิฐิ ฯลฯ ทั้งสิ้น
ตราบจนเมื่อใดก็ตามที่ โยคาวจร สามารถพิจารณา อภิญญาเหล่านั้นด้วย วิปัสสนาญาณ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแล้วไซร้
อภิญญาเหล่านั้น จึงจะถือได้ว่าเป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริง !
แต่จะด้วยเหตุที่อับจนปัญญา หรือ หมดท่า ไม่สามารถ "โต้แย้ง" ด้วยเหตุผลใดๆ ได้แล้ว
นางเอิงเอย ผู้นี้ จึงทำได้แค่เพียง "กล่าวหา" ผู้อื่นแบบ "ชุ่ยๆ" ตามสันดานเดิมของมัน อีกครั้ง
ถ้าหากพิจารณา วิธีคิด ของคนพวกนี้ ให้รอบคอบ ท่านทั้งหลาย จะเห็นได้ว่า มันเป็นความคิดอ่านที่ "ขี้เท่อ" เต็มที
เพราะการกล่าว ข้อเท็จจริง ไปตามความเป็นจริง โดยอ้างอิงหลักฐานจากพระคัมภีร์ จะถือว่า "ลามปาม" ได้อย่างไร ?
หากตรรกะของ นางหญิงบ้าผู้นี้ เป็นจริง ชาวพุทธย่อมมิอาจกล่าวว่า การกระทำของ โจรองคุลีมาล เป็นความประพฤติหยาบช้า ฯลฯ
เพราะถ้ากล่าวแบบนั้นเมื่อใด มันก็จะกลายเป็นการ "ลามปาม" ท่านพระองคุลีมาล ผู้เป็นพระอรหันต์ ไปน่ะสิ !
จริงไหม ?
ประเด็นของเรื่อง ก็คือ แท้ที่จริงแล้ว ตรรกะดังกล่าวของ นางเอิงเอย จะถูกต้องได้ ก็ต่อเมื่อ
(๑) เราต้องเชื่อว่า พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นบุคคลเดียวกันกับ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(๒) เราต้องเชื่อว่า โจรองคุลีมาล เป็นบุคคลเดียวกันกับ ท่านพระองคุลีมาร ผู้เป็นพระอรหันต์
แต่ถ้าชาวพุทธมีความเชื่อโง่ๆ แบบนั้น
เขาจะมิต้องกลายเป็นพวก สัสสตทิฐิ กันไปหมด เหมือนกับ นางเอิงเอยและพวก หรืออย่างไร ?
ตัวอย่างเช่น เราทราบข้อมูลจากอรรถกถาจารย์ว่า ในอนาคต พระเทวทัต จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
แต่ด้วยเหตุดังว่านี้ ชาวพุทธจะไม่สามารถกล่าวว่า ความประพฤติชั่วหยาบทั้งหลาย ที่พระเทวทัตกระทำมา
เป็น ความชั่ว เป็น บาปอกุศล ที่ไม่ควรกระทำตาม กระนั้นหรือ ?
เพราะถ้า เอิงเอย คิดเห็นเช่นนั้นจริง แก ก็คงต้อง สมาทาน "วัตถุ ๕ ประการ" ของพระเทวทัต ไว้ปฏิบัติ น่ะสิ
อีกทั้งยังต้องสมาทาน "ปาณาติบาต" ของโจรองคุลีมาล แทน "ศีล" ของพระพุทธเจ้า ด้วยกระมัง ?
ที่สำคัญที่สุด ก็คือ เอิงเอย อย่าได้ลืม "ตรรกะ(บือ)" ของตนเองเสียเล่าว่า .......
(๑) อย่าได้บังอาจกล่าวว่าการกระทำ ปาณาติบาต ของ โจรองคุลีมาล เป็นสิ่งไม่ดี เป็นอันขาด
เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" ท่านพระองคุลีมาล ผู้เป็นพระอรหันต์
(๒) อย่าได้บังอาจกล่าวว่าการกระทำชั่วหยาบต่างๆ ของพระเทวทัต เป็นสิ่งไม่ดี เป็นอันขาด
เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" พระปัจเจกพุทธเจ้า ในอนาคต นะจ๊ะ
ซึ่งทั้งหมดนี้ ย่อมเป็นผล จากการวิเคราะห์ "หลักการ" ตามที่ เอิงเอย กล่าวไว้ว่า
ไม่สามารถกล่าวว่า อภิญญา ของพระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นมิจฉาทิฐิ
เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า !
ชัดเจนแล้ว นะครับ
**************************************************************************************
ที่จริงแล้ว อรรถกถาจารย์ ก็ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไว้พอสมควรนะครับ ตัวอย่างเช่น คนโง่บางพวก
เมื่อได้ฟัง "ประชุมชาดก" ว่า พระพุทธเจ้า ก็คือ พระเวสสันดร บ้าง เป็นพระมหาชนก บ้าง
มันก็คิดเลยเถิดไปว่า ขันธ์ใดขันธ์หนึ่งของพระโพธิสัตว์ ก็คือ ขันธ์อันเดียวกันกับพระพุทธเจ้า
แต่พวกที่โง่หนักไปกว่านั้น มันถึงกับคิดว่า พระโพธิสัตว์(สมมุติบัญญัติ) เป็นบุคคลเดียวกับพระพุทธเจ้า ไปเลยก็มี !
เอาอย่างนี้สิครับ ถ้า ล็อกอิน เอิงเอย มีความเคารพต่อ พระโพธิสัตว์ อย่างสูง ชนิดที่ใครๆ ก็ไม่สามารถ "แตะต้อง" ได้เลย
ผมขออนุญาตแนะนำ พระโพธิสัตว์ "ในตำนาน" เอาไว้ให้ เอิงเอย ได้กราบไหว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล ก็แล้วกัน นะครับ
ตามหลักฐานในชั้นอรรถกถา ยืนยันว่า พระพุทธเจ้า เคยเสวยพระชาติเป็น พญาตุ๊ดตู่ นะครับ
นั่นย่อมหมายความว่า เมื่อพิจารณาตาม "ตรรกะ(บือ)" ของ ล็อกอิน เอิงเอย แล้ว
ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ เราย่อมไม่สามารถนำเอา ฉายานาม "ตุ๊ดตู่" มาอ้างใช้เป็นคำ "ผรุสวาจา" ได้เลย
เพราะคำว่า "ตุ๊ดตู่" นี้เคยเป็นถึงชื่อของพระชาติ ของพระโพธิสัตว์ เลยทีเดียว นะครับ
ซึ่งหากใครนำคำๆ นี้มาใช้เป็น "คำด่า" ย่อมเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" พระโพธิสัตว์ พญาตุ๊ดตู่ เชียวนะจ๊ะ
ขอเรียนให้ท่านทั้งหลาย จงทราบไว้ว่า ถ้าใครยังขืนกระทำการ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เช่นนั้น ล็อกอิน เอิงเอย คงจะเคือง มิใช่น้อย !
ไหนๆ ก็ไหนๆ นะครับ ในเมื่อผมอุตส่าห์ "นิมนต์" พระโพธิสัตว์ พญาตุ๊ดตู่ มาถึง "โต๊ะศาสนา" ทั้งที
ล็อกอิน เอิงเอย ก็จงรีบ "คลานเข่า" เข้ามา "กราบ" ท่านตุ๊ดตู่ ให้สาสมกับความ "งมงาย" ของแก เสียสิ
อย่าให้ท่านต้องรอนาน นะจ๊ะ !
สวัสดี
ลามปามถึงเจ้าชายสิทธัตถะ(กู่ไม่กลับแล้วหละ)
การระลึกชาติ ของ พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นมิจฉาปฏิปทา
เป็นมิจฉาทิฐิ เพราะมิได้เป็นการระลึกด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนาญาณ
ซึ่งผมก็มิได้ "เพ้อเจ้อ" โดยอาศัย "อัตตโนมัติ" แห่งตน หากแต่เป็นการกล่าวตาม พุทธภาษิต และ มติของอรรถกถาจารย์ เท่านั้นเอง
แต่นางเอิงเอย ซึ่งกล่าวตู่พระธรรมวินัย ต่างกรรมต่างวาระ โดยมิอาจ "แก้ไข" แสดงความกระจ่างใดๆ ได้
กลับพยายาม "เบี่ยงเบน" ประเด็น โดยกล่าวหาผม อย่างโง่ๆ ว่ากำลัง "ลามปาม" เจ้าชายสิทธัตถะ !
**************************************************************************************
ที่จริงแล้ว เรื่องราวก็มิได้มีความสลับซับซ้อนอะไรเลย
มันก็แค่ "ข้อเท็จจริง" ที่ว่า อภิญญา ที่เป็น โลกียะ ทั้งหลาย หากเป็นไปในฝ่ายวัฏฏะ
หรือ คล้อยตามวัฏฏะ กล่าวคือ ยังตกอยู่ภายใต้อำนาจของ ตัณหา อุปาทาน ในภพ
ยังสำคัญมั่นหมายใน สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ย่อมถือว่าเป็น มิจฉาปฏิปทา เป็น มิจฉาทิฐิ ฯลฯ ทั้งสิ้น
ตราบจนเมื่อใดก็ตามที่ โยคาวจร สามารถพิจารณา อภิญญาเหล่านั้นด้วย วิปัสสนาญาณ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแล้วไซร้
อภิญญาเหล่านั้น จึงจะถือได้ว่าเป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริง !
แต่จะด้วยเหตุที่อับจนปัญญา หรือ หมดท่า ไม่สามารถ "โต้แย้ง" ด้วยเหตุผลใดๆ ได้แล้ว
นางเอิงเอย ผู้นี้ จึงทำได้แค่เพียง "กล่าวหา" ผู้อื่นแบบ "ชุ่ยๆ" ตามสันดานเดิมของมัน อีกครั้ง
ถ้าหากพิจารณา วิธีคิด ของคนพวกนี้ ให้รอบคอบ ท่านทั้งหลาย จะเห็นได้ว่า มันเป็นความคิดอ่านที่ "ขี้เท่อ" เต็มที
เพราะการกล่าว ข้อเท็จจริง ไปตามความเป็นจริง โดยอ้างอิงหลักฐานจากพระคัมภีร์ จะถือว่า "ลามปาม" ได้อย่างไร ?
หากตรรกะของ นางหญิงบ้าผู้นี้ เป็นจริง ชาวพุทธย่อมมิอาจกล่าวว่า การกระทำของ โจรองคุลีมาล เป็นความประพฤติหยาบช้า ฯลฯ
เพราะถ้ากล่าวแบบนั้นเมื่อใด มันก็จะกลายเป็นการ "ลามปาม" ท่านพระองคุลีมาล ผู้เป็นพระอรหันต์ ไปน่ะสิ !
จริงไหม ?
ประเด็นของเรื่อง ก็คือ แท้ที่จริงแล้ว ตรรกะดังกล่าวของ นางเอิงเอย จะถูกต้องได้ ก็ต่อเมื่อ
(๑) เราต้องเชื่อว่า พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นบุคคลเดียวกันกับ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(๒) เราต้องเชื่อว่า โจรองคุลีมาล เป็นบุคคลเดียวกันกับ ท่านพระองคุลีมาร ผู้เป็นพระอรหันต์
แต่ถ้าชาวพุทธมีความเชื่อโง่ๆ แบบนั้น
เขาจะมิต้องกลายเป็นพวก สัสสตทิฐิ กันไปหมด เหมือนกับ นางเอิงเอยและพวก หรืออย่างไร ?
ตัวอย่างเช่น เราทราบข้อมูลจากอรรถกถาจารย์ว่า ในอนาคต พระเทวทัต จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
แต่ด้วยเหตุดังว่านี้ ชาวพุทธจะไม่สามารถกล่าวว่า ความประพฤติชั่วหยาบทั้งหลาย ที่พระเทวทัตกระทำมา
เป็น ความชั่ว เป็น บาปอกุศล ที่ไม่ควรกระทำตาม กระนั้นหรือ ?
เพราะถ้า เอิงเอย คิดเห็นเช่นนั้นจริง แก ก็คงต้อง สมาทาน "วัตถุ ๕ ประการ" ของพระเทวทัต ไว้ปฏิบัติ น่ะสิ
อีกทั้งยังต้องสมาทาน "ปาณาติบาต" ของโจรองคุลีมาล แทน "ศีล" ของพระพุทธเจ้า ด้วยกระมัง ?
ที่สำคัญที่สุด ก็คือ เอิงเอย อย่าได้ลืม "ตรรกะ(บือ)" ของตนเองเสียเล่าว่า .......
(๑) อย่าได้บังอาจกล่าวว่าการกระทำ ปาณาติบาต ของ โจรองคุลีมาล เป็นสิ่งไม่ดี เป็นอันขาด
เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" ท่านพระองคุลีมาล ผู้เป็นพระอรหันต์
(๒) อย่าได้บังอาจกล่าวว่าการกระทำชั่วหยาบต่างๆ ของพระเทวทัต เป็นสิ่งไม่ดี เป็นอันขาด
เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" พระปัจเจกพุทธเจ้า ในอนาคต นะจ๊ะ
ซึ่งทั้งหมดนี้ ย่อมเป็นผล จากการวิเคราะห์ "หลักการ" ตามที่ เอิงเอย กล่าวไว้ว่า
ไม่สามารถกล่าวว่า อภิญญา ของพระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นมิจฉาทิฐิ
เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า !
ชัดเจนแล้ว นะครับ
**************************************************************************************
ที่จริงแล้ว อรรถกถาจารย์ ก็ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไว้พอสมควรนะครับ ตัวอย่างเช่น คนโง่บางพวก
เมื่อได้ฟัง "ประชุมชาดก" ว่า พระพุทธเจ้า ก็คือ พระเวสสันดร บ้าง เป็นพระมหาชนก บ้าง
มันก็คิดเลยเถิดไปว่า ขันธ์ใดขันธ์หนึ่งของพระโพธิสัตว์ ก็คือ ขันธ์อันเดียวกันกับพระพุทธเจ้า
แต่พวกที่โง่หนักไปกว่านั้น มันถึงกับคิดว่า พระโพธิสัตว์(สมมุติบัญญัติ) เป็นบุคคลเดียวกับพระพุทธเจ้า ไปเลยก็มี !
เอาอย่างนี้สิครับ ถ้า ล็อกอิน เอิงเอย มีความเคารพต่อ พระโพธิสัตว์ อย่างสูง ชนิดที่ใครๆ ก็ไม่สามารถ "แตะต้อง" ได้เลย
ผมขออนุญาตแนะนำ พระโพธิสัตว์ "ในตำนาน" เอาไว้ให้ เอิงเอย ได้กราบไหว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล ก็แล้วกัน นะครับ
ตามหลักฐานในชั้นอรรถกถา ยืนยันว่า พระพุทธเจ้า เคยเสวยพระชาติเป็น พญาตุ๊ดตู่ นะครับ
นั่นย่อมหมายความว่า เมื่อพิจารณาตาม "ตรรกะ(บือ)" ของ ล็อกอิน เอิงเอย แล้ว
ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ เราย่อมไม่สามารถนำเอา ฉายานาม "ตุ๊ดตู่" มาอ้างใช้เป็นคำ "ผรุสวาจา" ได้เลย
เพราะคำว่า "ตุ๊ดตู่" นี้เคยเป็นถึงชื่อของพระชาติ ของพระโพธิสัตว์ เลยทีเดียว นะครับ
ซึ่งหากใครนำคำๆ นี้มาใช้เป็น "คำด่า" ย่อมเท่ากับเป็นการ "ลามปาม" พระโพธิสัตว์ พญาตุ๊ดตู่ เชียวนะจ๊ะ
ขอเรียนให้ท่านทั้งหลาย จงทราบไว้ว่า ถ้าใครยังขืนกระทำการ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เช่นนั้น ล็อกอิน เอิงเอย คงจะเคือง มิใช่น้อย !
ไหนๆ ก็ไหนๆ นะครับ ในเมื่อผมอุตส่าห์ "นิมนต์" พระโพธิสัตว์ พญาตุ๊ดตู่ มาถึง "โต๊ะศาสนา" ทั้งที
ล็อกอิน เอิงเอย ก็จงรีบ "คลานเข่า" เข้ามา "กราบ" ท่านตุ๊ดตู่ ให้สาสมกับความ "งมงาย" ของแก เสียสิ
อย่าให้ท่านต้องรอนาน นะจ๊ะ !
สวัสดี