"Trips Macau - Hong Kong"
ตะลุย 3 เกาะสวรรค์เเดนเหนือ..
มาเก๊า.. เกาะสวรรค์นักพนัน
Disneyland.. เกาะแห่งความฝันของเด็กๆ
ฮ่องกง.. เกาะแห่งนัก Shipping
ความสนุกสนาน การหลงทาง ความอลังการ ตื่นตาตื่นใจ น้ำตา เสียงหัวเราะ ความเครียด การใช้ไหวพริบ ความอ่อนล้า เวลา และรอยยิ้ม... ทุกสิ่งล้วนคือประสบการณ์อันมีค่าที่ฝังลึกลงในความทรงจำ รอยยิ้มที่อิ่มเอมกับความสุขบนวิถีของนักเดินทาง ตั้งเเต่เริ่มต้นจนถึงวันที่จากลา ทุกสิ่งมีค่า และ diary ฉบับนี้คือความทรงจำนั้นของผม.... (ผมขอมองแด่ผู้หลงไหลในการผจญภัยทุกคน)
** ผมเพิ่งเคยเขียนไดอารี่ ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นมันอย่างไร เพราะมันเยอะมากจนผมเริ่มไม่ถูก ผมไม่ใช้นักเขียนหรือนักเเต่งกวี ทุกสิ่งที่เขียนออกมา ล้วนมาจากประสบการณ์ตรง ถ้อยคำของผมอาจไม่ได้สระสรวย แต่ประสบการณ์ของผมงดงามอย่างเเน่นอน
ผมพยายามจะเขียนให้ดีที่สุดเท่าที่เด็กคนนึงจะทำได้ เพราะเมื่อไหร่ที่ผมกลับมาอ่านมันอีกครั้ง มันจะได้มอบรอยยิ้มเเละความสุขคืนกลับมาให้ผม ถ้าคุณอยากจี้ประสบการณ์ผม ผมจะปล่อยให้คุณขโมย ถ้าคุณอยากชิงความสุข ผมจะให้คุณฉกฉวยมันไป แต่อย่างลืมรอยยิ้มหละ เพราะมันมีค่าเสมอ...
อย่างน้อย ก็สำหรับคนไทย ^^ (ในต่างเเดน)
-------------------------------------------------------------------------------------------
--21/10/56--
04:53 น.
ผมกำลังนั้งตรวจสัมภาระของตัวเองครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทางไป มาเก๊า-ฮ่องกง ความรู้สึกที่ยังไม่พร้อมกับงานที่อยู่ข้างหลังทำให้ความรู้สึกที่อยากเที่ยวดูจะลดลงฮวบฮาบ
อันที่จริงทริปนี้ค่อนข้างจะกระทันหันไปหน่อย ผมมีเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ในการเตรียมตัว ตั้งเเต่รู้ว่า 14 วันให้หลังผมจะต้องบินไปมาเก๊ากับเหล่าญาติๆ เเละทั้ง passport ที่ยังไม่มีตัวตนกับงานที่รกหัวรุงรัง ทุกอย่างต้องเคลียให้เรียบร้อย
มันยากนะ และมันก็ดูวุ่ยวาย แต่อย่างน้อยมันก็สนุกและผมเองก็ชอบความกดดัน มันตื่นเต้นทุกครั้งเวลาต้องเร่งรีบทำอะไร การเดินทางครั้งนี้ดูน่าจะวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากผมไม่ได้ไปเองเพียงลำพัง แต่ไปกับญาติกว่า 10 ชีวิต เเละ 2 ในนั้นยังเป็นเด็กเล็กๆที่พร้อมจะสร้างปัญหาได้ทุกเวลา (และก็นั้นเเหละ เจ้าตัวยุ่งไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง)
ก่อนออกเดินทาง 1 วันผมมานั้งจัดกระเป๋า ดูตารางการเดินทาง เตรียมสัมภาระต่างๆที่จำเป็นเเละพยายามจะไม่เอาพวกสัมภารกติดตัวไป ลดสิ่งไม่จำเป็นต่างๆออกให้มากที่สุด เเละพาเเค่ 2 เพื่อนรักติดตัวไป (iphone, ipad)
การเดินทางดูน่าจะเรียบง่ายเพราะผมมีเพียงกระเป๋าหนึ่งใบ ไอโพน ไอเเพดเผื่อใช้งาน เเละหนังสือ 1 เล่มซึ่งสุดท้ายได้อ่านไม่ถึง 4 บรรทัด (นี้เเหละสัมภารกอีกชิ้นนึง)
เงินดอลล่าฮ่องกงที่มีติดตัวเพียง 1700 เหรียญ หรือราวๆ 6800 บาท กับการเดินทาง 4 วัน 3 คืน (จะรอดไหมเนี้ย > < )
05:40 น.
เราเดินทางมาสนามบินโดยสรถีผู้ช่ำชองในการขับรถซึ่งก็คืออากู๋ผมเอง นี้เป็นครั้งที่ 6 แล้วที่ผมมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากส่งเพื่อนไปเที่ยวบ้าง เรียนบ้างอยู่หลายรอบ ก็ได้ฤกษ์บินเองเสียที ^^
มานั่งย้อยคิด ขนาดเพื่อนจะบินไปเที่ยวยังต้องถ่อมาส่งมันเลย ดีจริง! อาจจะเป็นเพราะบ้านผมอยู่แถวอ่อนนุช การจะมาสุวรรณภูมิก็เเค่เหยียบมิด ตรงมาเรื่อยๆ 15 นาทีก็ถึง และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ S&P ที่สุวรรณภูมิได้เงินผมไปร่วมกว่า 3,000 บาทเเล้วในรอบปี เพราะไม่รู้จะไปกินไหน
06:30 น.
ผมเเละญาติๆมารวมตัวกันที่ทางเข้า J เพื่อ check in กระเป๋าเดินทาง ก่อนเข้าภายในตัวอาคารผู้โดยสารขาออก เพื่อนร่วมเดินทางบางคนถูกขโมยครีมทาผิวที่มีขนาดเกินเกณฑ์มาตรฐานจากคนตรวจสอบสัมภาระ ก่อนจะไปเดินซื้อใหม่อีกครั้งภายในตัวอาคารปลอดภาษี -*- (เหมือนยัดเยียดขายของ) บางคนถูกขโมยขวดน้ำไป ทำให้ต้องตามหาน้ำเปล่าภายในตัวอาคารใหม่ ซึ่งหาไม่เจอ! เราเลยต้องเดินลึกลงไปตามทางที่จะต้องขึ้นเครื่องบิน คือ gate C9 สุดท้ายผมก็ไปร้านขายน้ำที่เเปะป้ายราคา 45 บาทกับโจ๊กหมูเทวดาในราคา 120 ผมยืนจ้องซักพักก่อนตัดสินใจเดินต่อ หวังไปกินน้ำบนเครื่องบินก็เเล้วกัน
07:00 น.
ทุกคนมารวมตัวกันตรงทางเข้า gate C9 เเต่ละคนดูพร้อมเเล้วสำหรับการเดินทางในเช้าวันนี้ วันเเห่งการผจญภัยกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ เเละเมื่อสมาชิกทั้ง 10 คนพร้อมเเล้วสำหรับทริปทัวร์เกาะสวรรค์ทั้ง 3 การเดินทางจึงเริ่มต้นขึ้น....
07:41 น.
ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในสายการบิน low cost เล็กๆชื่อ TG750 เป็นสายการบินเล็กๆของ Thai smile
กับตันเเจ้งว่าเราจะใช้เวลาบินโดยประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที กับเเอร์น่ารักๆที่ชื่อน้องผักบุ้ง น้องโบ และน้องตาหวาน ^^
การสาธิตอุปกรณ์ฉุกเฉินเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนเครื่องบินดูจะได้รับความสนใจจากผู้โดยสารอย่างมาก เมื่อเเอร์ทั้ง 3 ออกมาสาธิตด้วยตัวเอง > < (เสียดายลืมถ่ายรูปมา จ้องนานไปหน่อย)
หลังจากนั้นผมก็เสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั้งมองเครื่องบินเเหวกฝูงเมฆก้อนเเล้วก้อนเล่า มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก อย่างน้อยก็ลืมงานที่อยู่ข้างหลังไปหมด การนั้งมองเมฆมันสร้างความสบายใจที่น่าประหลาดชนิดที่หาไม่ได้จากการนั้งมองเเอร์สวยๆสาธิตอุปกรณ์ฉุนเฉิน (น้องตาหวาน ซึ่งจริงๆก็เป็นพี่ผมนั้งเเหละ)
10:30 น.
ผมกระโดดเหยียบแผ่นดินมาเก๊า นี้เป็นครั้งเเรกที่ผมมามาเก๊า แต่เป็นที่สองที่ผมมาเกาะฮ่องกงหลังจากการมาครั้งเเรกตอนอายุประมาณ 18 เดือน ซึ่งจำอะไรไม่ได้ ^^ ห่างกันไปกว่า 22 ปีผมก็ได้กลับมา
บรรยากาศที่นี้ดูอืมครึมเหมือนมีหมอกเมฆ ไม่รู้ว่ามันเป็นปรกติของที่นี้หรือเปล่าหรือเป็นเพราะช่วงนี้มีพายุหลายลูก อากาศที่คิดว่าหนาวเเน่เพราะโดนขู่ให้ติดเสื้อกันหนาวมา แต่ก็ต้องเเปลกใจปนผิดหวังที่อากาศติดเหมือนบ้านเราหรืออาจจะเย็นกว่านิดหน่อย
หลังจากนั้นหมู่คณะก็นั้งรถทั่วขนาดใหญ่เนื่องจากรถเล็กหมด เลยได้อานิสงค์นั่งรถทัวอีกครั้ง ซึ่งผมก็สถิตตรงที่นั้งหลังสุดเพื่อชมวิว ^^
ระหว่างทางเราผ่านคาซิโนของคุณเเซน (นักธุรกิจใหญ่ที่มาลงทุน) เพิ่งรู้ว่าคาซิโนที่นี้ถูกถมขึ้นมาจากทะเลมาทำเป็นคาซิโน คุณเเซนประกาศว่าจะคืนทุนภายใน 3 ปี แต่ผ่านไป 6 เดือนกำไรเหรียญเเรกก็ปรากฎ บ่งบอกถึงกำไรอันมหาศาลของบ่อนเมืองนอก ปัจจุบันมีคาซิโนกว่า 32 แห่งบนมาเก๊าที่เป็นของคุณเเซน เเละตึกน้อยใหญ่ของซ้อทั้ง 4 คน ภรรยาเยอะซะจริง!
ที่เเรกที่รถจอดคือร้านอาหาร VINTA ในตัวเมืองมาเก๊า ร้านอาหารส่วนใหญ่ในมาเก๊าจะเป็นอาหารสไตล์เเมงกานิส ที่ผสมผสานระหว่างจีนกับโปตุเกส เนื่องจากมาเก๊าเคยเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสมาก่อน ทำให้ที่นี้มีกลิ่นอายของวัฒธรรมโปตุเกสอยู่ทุกหนทุกเเห่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ความคิด ความเชื่อ เเละสิ่งปลูกสร้างรอบตัว
ค่าครองชีพที่นี้สูงกว่าบ้านเรา ดังนั้นทุกสิ่งที่สามารถคิดเป็นเงินได้ คนมาเก๊าจะตั้งราคาเอาไว้ทุกอย่าง ยกตัวอย่างจากอาหารมื้อเเรกที่ทาน เนยหอมที่ทากับขนมปังมีปริมาณเพียง 1/8 ในถ้วยเล็กๆ ซึ่งตอนเเรกผมนึกว่าเป็นของเหลือที่พนักงานลืมเก็บ ที่ไหนได้มันคือเนยของผมที่มีปริมาณที่สูดหายใจเข้าที่เดียวก็ไม่เหลือเเล้ว พนักงานจะนำอาหารมาเสริฟอย่างละนิดอย่างละหน่อย ถ้าคุณชอบ คุณต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อ 1 ถ้วยเต็มๆมาทาน
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยเเล้วเราก็ออกเดินทางกันอีกรอบ เเละนี้เป็นครั้งเเรกที่ผมได้ออกมาเห็นตัวเมืองมาเก๊าอย่างเเท้จริง
มาเก๊าเป็นเมืองที่สวยงามมาก การจัดวางฝังเมืองถือว่ามีระเบียบอย่างมาก คนส่วนใหญ่ท่ีใช้ชีวิตในมาเก๊าคือคนที่มีฐานะระดับหนึ่งเลยทีเดียว มาเก๊าถูกยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้นๆของโลกเเละมีสถานที่ๆจดทะเบียนเป็นมรดกโลกอยู่หลายๆเเห่ง
รัฐบาลพยายามผลักดันเกาะมาเก๊าให้เป็นเมืองท่องเที่ยวของโลก เพื่อดึงดูดเม็ดเงินอันมหาศาลจากนักท่องเที่ยว นักเล่น หรือนักเดินทางต่างๆ ดังนั้นกฏระเบียบที่นี้จึงค่อยข้างเเข็มงวด ชาวจีนที่ข้ามฝั้งมาถมน้ำลายที่ฝั้งมาเก๊า จะถูกปรับไม่ต่ำกว่า 1000 เหรียญ หรือเศษขี้บุหรี่ที่ทิ้งไม่ถูกที่จะถูกปรับอย่างมหาโหดเช่นกัน ซึ่งสำหรับผม ผมถือว่าเป็นกฏที่น่ายกย่องดี อย่างน้องก็เป็นระเบียบในสายตานักท่องเที่ยว
(เดี่ยวค่อยมาต่อนะครับ ง่วงนอนเเล้ว อยากให้เขียนอย่างไรก็เเจ้งมาได้นะครับ อยากให้มีประโยชน์กับเพื่อนๆให้ได้มากที่สุดครับ)
"Trips Macau - Hong Kong" ตะลุย 3 เกาะสวรรค์เเดนเหนือ..
ตะลุย 3 เกาะสวรรค์เเดนเหนือ..
มาเก๊า.. เกาะสวรรค์นักพนัน
Disneyland.. เกาะแห่งความฝันของเด็กๆ
ฮ่องกง.. เกาะแห่งนัก Shipping
ความสนุกสนาน การหลงทาง ความอลังการ ตื่นตาตื่นใจ น้ำตา เสียงหัวเราะ ความเครียด การใช้ไหวพริบ ความอ่อนล้า เวลา และรอยยิ้ม... ทุกสิ่งล้วนคือประสบการณ์อันมีค่าที่ฝังลึกลงในความทรงจำ รอยยิ้มที่อิ่มเอมกับความสุขบนวิถีของนักเดินทาง ตั้งเเต่เริ่มต้นจนถึงวันที่จากลา ทุกสิ่งมีค่า และ diary ฉบับนี้คือความทรงจำนั้นของผม.... (ผมขอมองแด่ผู้หลงไหลในการผจญภัยทุกคน)
** ผมเพิ่งเคยเขียนไดอารี่ ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นมันอย่างไร เพราะมันเยอะมากจนผมเริ่มไม่ถูก ผมไม่ใช้นักเขียนหรือนักเเต่งกวี ทุกสิ่งที่เขียนออกมา ล้วนมาจากประสบการณ์ตรง ถ้อยคำของผมอาจไม่ได้สระสรวย แต่ประสบการณ์ของผมงดงามอย่างเเน่นอน
ผมพยายามจะเขียนให้ดีที่สุดเท่าที่เด็กคนนึงจะทำได้ เพราะเมื่อไหร่ที่ผมกลับมาอ่านมันอีกครั้ง มันจะได้มอบรอยยิ้มเเละความสุขคืนกลับมาให้ผม ถ้าคุณอยากจี้ประสบการณ์ผม ผมจะปล่อยให้คุณขโมย ถ้าคุณอยากชิงความสุข ผมจะให้คุณฉกฉวยมันไป แต่อย่างลืมรอยยิ้มหละ เพราะมันมีค่าเสมอ...
อย่างน้อย ก็สำหรับคนไทย ^^ (ในต่างเเดน)
-------------------------------------------------------------------------------------------
--21/10/56--
04:53 น.
ผมกำลังนั้งตรวจสัมภาระของตัวเองครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทางไป มาเก๊า-ฮ่องกง ความรู้สึกที่ยังไม่พร้อมกับงานที่อยู่ข้างหลังทำให้ความรู้สึกที่อยากเที่ยวดูจะลดลงฮวบฮาบ
อันที่จริงทริปนี้ค่อนข้างจะกระทันหันไปหน่อย ผมมีเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ในการเตรียมตัว ตั้งเเต่รู้ว่า 14 วันให้หลังผมจะต้องบินไปมาเก๊ากับเหล่าญาติๆ เเละทั้ง passport ที่ยังไม่มีตัวตนกับงานที่รกหัวรุงรัง ทุกอย่างต้องเคลียให้เรียบร้อย
มันยากนะ และมันก็ดูวุ่ยวาย แต่อย่างน้อยมันก็สนุกและผมเองก็ชอบความกดดัน มันตื่นเต้นทุกครั้งเวลาต้องเร่งรีบทำอะไร การเดินทางครั้งนี้ดูน่าจะวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากผมไม่ได้ไปเองเพียงลำพัง แต่ไปกับญาติกว่า 10 ชีวิต เเละ 2 ในนั้นยังเป็นเด็กเล็กๆที่พร้อมจะสร้างปัญหาได้ทุกเวลา (และก็นั้นเเหละ เจ้าตัวยุ่งไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง)
ก่อนออกเดินทาง 1 วันผมมานั้งจัดกระเป๋า ดูตารางการเดินทาง เตรียมสัมภาระต่างๆที่จำเป็นเเละพยายามจะไม่เอาพวกสัมภารกติดตัวไป ลดสิ่งไม่จำเป็นต่างๆออกให้มากที่สุด เเละพาเเค่ 2 เพื่อนรักติดตัวไป (iphone, ipad)
การเดินทางดูน่าจะเรียบง่ายเพราะผมมีเพียงกระเป๋าหนึ่งใบ ไอโพน ไอเเพดเผื่อใช้งาน เเละหนังสือ 1 เล่มซึ่งสุดท้ายได้อ่านไม่ถึง 4 บรรทัด (นี้เเหละสัมภารกอีกชิ้นนึง)
เงินดอลล่าฮ่องกงที่มีติดตัวเพียง 1700 เหรียญ หรือราวๆ 6800 บาท กับการเดินทาง 4 วัน 3 คืน (จะรอดไหมเนี้ย > < )
05:40 น.
เราเดินทางมาสนามบินโดยสรถีผู้ช่ำชองในการขับรถซึ่งก็คืออากู๋ผมเอง นี้เป็นครั้งที่ 6 แล้วที่ผมมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากส่งเพื่อนไปเที่ยวบ้าง เรียนบ้างอยู่หลายรอบ ก็ได้ฤกษ์บินเองเสียที ^^
มานั่งย้อยคิด ขนาดเพื่อนจะบินไปเที่ยวยังต้องถ่อมาส่งมันเลย ดีจริง! อาจจะเป็นเพราะบ้านผมอยู่แถวอ่อนนุช การจะมาสุวรรณภูมิก็เเค่เหยียบมิด ตรงมาเรื่อยๆ 15 นาทีก็ถึง และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ S&P ที่สุวรรณภูมิได้เงินผมไปร่วมกว่า 3,000 บาทเเล้วในรอบปี เพราะไม่รู้จะไปกินไหน
06:30 น.
ผมเเละญาติๆมารวมตัวกันที่ทางเข้า J เพื่อ check in กระเป๋าเดินทาง ก่อนเข้าภายในตัวอาคารผู้โดยสารขาออก เพื่อนร่วมเดินทางบางคนถูกขโมยครีมทาผิวที่มีขนาดเกินเกณฑ์มาตรฐานจากคนตรวจสอบสัมภาระ ก่อนจะไปเดินซื้อใหม่อีกครั้งภายในตัวอาคารปลอดภาษี -*- (เหมือนยัดเยียดขายของ) บางคนถูกขโมยขวดน้ำไป ทำให้ต้องตามหาน้ำเปล่าภายในตัวอาคารใหม่ ซึ่งหาไม่เจอ! เราเลยต้องเดินลึกลงไปตามทางที่จะต้องขึ้นเครื่องบิน คือ gate C9 สุดท้ายผมก็ไปร้านขายน้ำที่เเปะป้ายราคา 45 บาทกับโจ๊กหมูเทวดาในราคา 120 ผมยืนจ้องซักพักก่อนตัดสินใจเดินต่อ หวังไปกินน้ำบนเครื่องบินก็เเล้วกัน
07:00 น.
ทุกคนมารวมตัวกันตรงทางเข้า gate C9 เเต่ละคนดูพร้อมเเล้วสำหรับการเดินทางในเช้าวันนี้ วันเเห่งการผจญภัยกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ เเละเมื่อสมาชิกทั้ง 10 คนพร้อมเเล้วสำหรับทริปทัวร์เกาะสวรรค์ทั้ง 3 การเดินทางจึงเริ่มต้นขึ้น....
07:41 น.
ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในสายการบิน low cost เล็กๆชื่อ TG750 เป็นสายการบินเล็กๆของ Thai smile
กับตันเเจ้งว่าเราจะใช้เวลาบินโดยประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที กับเเอร์น่ารักๆที่ชื่อน้องผักบุ้ง น้องโบ และน้องตาหวาน ^^
การสาธิตอุปกรณ์ฉุกเฉินเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนเครื่องบินดูจะได้รับความสนใจจากผู้โดยสารอย่างมาก เมื่อเเอร์ทั้ง 3 ออกมาสาธิตด้วยตัวเอง > < (เสียดายลืมถ่ายรูปมา จ้องนานไปหน่อย)
หลังจากนั้นผมก็เสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั้งมองเครื่องบินเเหวกฝูงเมฆก้อนเเล้วก้อนเล่า มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก อย่างน้อยก็ลืมงานที่อยู่ข้างหลังไปหมด การนั้งมองเมฆมันสร้างความสบายใจที่น่าประหลาดชนิดที่หาไม่ได้จากการนั้งมองเเอร์สวยๆสาธิตอุปกรณ์ฉุนเฉิน (น้องตาหวาน ซึ่งจริงๆก็เป็นพี่ผมนั้งเเหละ)
10:30 น.
ผมกระโดดเหยียบแผ่นดินมาเก๊า นี้เป็นครั้งเเรกที่ผมมามาเก๊า แต่เป็นที่สองที่ผมมาเกาะฮ่องกงหลังจากการมาครั้งเเรกตอนอายุประมาณ 18 เดือน ซึ่งจำอะไรไม่ได้ ^^ ห่างกันไปกว่า 22 ปีผมก็ได้กลับมา
บรรยากาศที่นี้ดูอืมครึมเหมือนมีหมอกเมฆ ไม่รู้ว่ามันเป็นปรกติของที่นี้หรือเปล่าหรือเป็นเพราะช่วงนี้มีพายุหลายลูก อากาศที่คิดว่าหนาวเเน่เพราะโดนขู่ให้ติดเสื้อกันหนาวมา แต่ก็ต้องเเปลกใจปนผิดหวังที่อากาศติดเหมือนบ้านเราหรืออาจจะเย็นกว่านิดหน่อย
หลังจากนั้นหมู่คณะก็นั้งรถทั่วขนาดใหญ่เนื่องจากรถเล็กหมด เลยได้อานิสงค์นั่งรถทัวอีกครั้ง ซึ่งผมก็สถิตตรงที่นั้งหลังสุดเพื่อชมวิว ^^
ระหว่างทางเราผ่านคาซิโนของคุณเเซน (นักธุรกิจใหญ่ที่มาลงทุน) เพิ่งรู้ว่าคาซิโนที่นี้ถูกถมขึ้นมาจากทะเลมาทำเป็นคาซิโน คุณเเซนประกาศว่าจะคืนทุนภายใน 3 ปี แต่ผ่านไป 6 เดือนกำไรเหรียญเเรกก็ปรากฎ บ่งบอกถึงกำไรอันมหาศาลของบ่อนเมืองนอก ปัจจุบันมีคาซิโนกว่า 32 แห่งบนมาเก๊าที่เป็นของคุณเเซน เเละตึกน้อยใหญ่ของซ้อทั้ง 4 คน ภรรยาเยอะซะจริง!
ที่เเรกที่รถจอดคือร้านอาหาร VINTA ในตัวเมืองมาเก๊า ร้านอาหารส่วนใหญ่ในมาเก๊าจะเป็นอาหารสไตล์เเมงกานิส ที่ผสมผสานระหว่างจีนกับโปตุเกส เนื่องจากมาเก๊าเคยเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสมาก่อน ทำให้ที่นี้มีกลิ่นอายของวัฒธรรมโปตุเกสอยู่ทุกหนทุกเเห่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ความคิด ความเชื่อ เเละสิ่งปลูกสร้างรอบตัว
ค่าครองชีพที่นี้สูงกว่าบ้านเรา ดังนั้นทุกสิ่งที่สามารถคิดเป็นเงินได้ คนมาเก๊าจะตั้งราคาเอาไว้ทุกอย่าง ยกตัวอย่างจากอาหารมื้อเเรกที่ทาน เนยหอมที่ทากับขนมปังมีปริมาณเพียง 1/8 ในถ้วยเล็กๆ ซึ่งตอนเเรกผมนึกว่าเป็นของเหลือที่พนักงานลืมเก็บ ที่ไหนได้มันคือเนยของผมที่มีปริมาณที่สูดหายใจเข้าที่เดียวก็ไม่เหลือเเล้ว พนักงานจะนำอาหารมาเสริฟอย่างละนิดอย่างละหน่อย ถ้าคุณชอบ คุณต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อ 1 ถ้วยเต็มๆมาทาน
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยเเล้วเราก็ออกเดินทางกันอีกรอบ เเละนี้เป็นครั้งเเรกที่ผมได้ออกมาเห็นตัวเมืองมาเก๊าอย่างเเท้จริง
มาเก๊าเป็นเมืองที่สวยงามมาก การจัดวางฝังเมืองถือว่ามีระเบียบอย่างมาก คนส่วนใหญ่ท่ีใช้ชีวิตในมาเก๊าคือคนที่มีฐานะระดับหนึ่งเลยทีเดียว มาเก๊าถูกยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้นๆของโลกเเละมีสถานที่ๆจดทะเบียนเป็นมรดกโลกอยู่หลายๆเเห่ง
รัฐบาลพยายามผลักดันเกาะมาเก๊าให้เป็นเมืองท่องเที่ยวของโลก เพื่อดึงดูดเม็ดเงินอันมหาศาลจากนักท่องเที่ยว นักเล่น หรือนักเดินทางต่างๆ ดังนั้นกฏระเบียบที่นี้จึงค่อยข้างเเข็มงวด ชาวจีนที่ข้ามฝั้งมาถมน้ำลายที่ฝั้งมาเก๊า จะถูกปรับไม่ต่ำกว่า 1000 เหรียญ หรือเศษขี้บุหรี่ที่ทิ้งไม่ถูกที่จะถูกปรับอย่างมหาโหดเช่นกัน ซึ่งสำหรับผม ผมถือว่าเป็นกฏที่น่ายกย่องดี อย่างน้องก็เป็นระเบียบในสายตานักท่องเที่ยว
(เดี่ยวค่อยมาต่อนะครับ ง่วงนอนเเล้ว อยากให้เขียนอย่างไรก็เเจ้งมาได้นะครับ อยากให้มีประโยชน์กับเพื่อนๆให้ได้มากที่สุดครับ)