12ปี กับการตามความฝันวุฒิปริญญาตรีของคนที่เกิดมาบนกองดิน

อยากแชร์ประสบการณ์ขีวิตที่สุดแสนจะเหนื่อยยาก และให้กำลังใจกับหลายๆคนที่ไม่ได้เกิดมาบนกองทองคำ~~

     ผมเกิดมาจากครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน มีพ่อเป็นคนขับรถ Taxi แม่ไม่ได้ทำงานอยู่แต่บ้านเลี้ยงลูกๆ มีลูกสามคน
ตอนเด็กเคยเป็นโรคประหลาดเกือบทำให้พิการ พ่อต้องหาเงินมารักษาโดยขอญาติพี่น้องเนื่องจากลำพังพ่อคนเดียว
ไม่สามารถแบกรับค่ารักษาโรคนี้ได้แน่นอน พอผมอายุ14ปีจึงหายขาดจากโรคนี้

     เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นพี่สาวไม่ได้เรียนต่อมหาลัยจึงออกไปทำงาน (มาเรียนต่อภายหลังเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย) ผมเองก็เรียนศึกษาผู้ใหญ่
เพราะเนื่องจากทางบ้านไม่มีเงินส่งเรียน พอผมจบจึงขอเรียนต่อมหาลัยแต่ทางบ้านปฏิเสธเพราะไม่มีใครส่งเสีย ผมจึงอาละวาดด้วยความโกรธใช่วันนั้นเมื่อ12ปีก่อนผมรู้เลยว่า "ความฝันของผมสลายไปแล้ว" ผมจึงเริ่มออกตามหาฝันด้วยตัวเอง

     ช่วงอายุ23ปี เป็นช่วงชีวิตที่อยากร้องเพลงนี้
"รอนแรมมาเนิ่นนานเพียงหนึ่งใจกับทางที่โรยเอาไว้ด้วยขวากหนาม สุดแหลมคม ทิ่มแทง จนมันแทบจะทนไม่ไหว"
พี่สาวแต่งงานไปผมแทบจะต้องแบกรับภาระคนเดียวทุกอย่าง พ่อที่ชอบดื่มแต่เหล้า แม่ไม่ได้ทำงาน น้องที่อายุน้อยกว่าถึงสิบปี
ผมเริ่มทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารด้วยเงินเดือน 7500 บาท กับ สี่ชีวิต(รวมผมที่ต้องดูแล!!) แน่นอนความฝันของการเรียนปริญญาตรีแทบจะเป็นไปไม่ได้!! ผมได้แต่มองเพื่อนแต่งตัวดีดี ควงสาวสวยๆ ไปเที่ยว ส่วนผม แต่งตัวเสื้อผ้าเก่าๆ มีอยู่วันหนึ่ง ไปทำงานที่ดอนเมืองผมมีเงินติดตัวแค่ 5 บาท ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ห้าบาท ผมไม่มีตังซื้อข้าวกลางวันกินหรอก ผมใช้วิธีซื้อขนมปังราคา5บาทแถวโกดังสินค้าแล้วกินน้ำจากอ่างล้างหน้าในห้องน้ำเอา แต่ผมก็รอดมาได้กับชีวิตที่สุดแสนจะมันส์~

     ผมมาได้งานเป็นพนักงานรายวันในโรงแรมแห่งหนึ่งแต่นั่นก็ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นเพราะข้าวกินฟรี และ อยูใกล้บ้าน ผมจึงเดินมาทำงานหรือปั่นจักรยานผมแอบชอบสาวเพื่อนร่วมงานน่ารักคนนึง แต่ผมก็ได้แต่คิดว่า "คนจนอย่างเราใครจะมาสนใจ " ใช่หล่อนก็คบกับหนุ่มอีกคนหนึ่งในโรงแรมเหมือนกันที่เป็นนักศึกษามาฝึกงานใส่สูทสวยๆ ผมเห็นสายตาของผู้หญิงมองผมบางคนก็ดูถูกบางคนก็มองธรรมดา "ผมปลอบใจตัวเอง ก็มันเป็นความจริงนี่นา" ผมจึงทะเยอะทะยาน เข้าคอร์สเรียนภาษาที่ทางโรงแรมจัดให้ทุกคอร์ส!!

     หนึ่งปีผ่านไป ผมสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษจนสอบผ่านได้เป็นพนักงานประจำที่โรงแรมแห่งใหม่ ขอขอบคุณอาจารย์ จอนห์ ที่ทำให้ชีวิตคนกรุงเทพแต่จนสุดๆอย่างผมก้าวมาได้จนวันนี้ ที่โรงแรมแห่งใหม่ผมได้เงินมากกว่าเดิม แต่ พ่อของผมก็ยังคงขอเงินผมไปซื้อเหล้ามากขึ้นอีก แต่ผมก็ยังประคองชีวิตไปได้ ผมจีงเริ่มเรียนต่อ ปวส ด้านคอมพิวเตอร์เพื่อตามความฝันให้เป็นจริง ที่โรงแรมแห่งนี้ ผมได้พบรักกับสาวท่านนึงและเหตุผลที่เธอเลิกไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะผมจน เธอจึงไปคบกับชาวต่างชาติแทน
     
     ผมลาออกจากโรงแรมมาทำงานด้านคอมเพื่อตามความฝัน ผมก็ได้รับข่าวดีจากพี่สาวเธอเปิดกิจการสปา จนสามารถตั้งตัวได้แล้วจึงส่งเงินมาช่วยเหลือมากขึ้นและยังพาผมไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ

     ผมกลับมาจากต่างประเทศเรียนต่อปริญญาตรีเพื่อให้ความฝันของผมเป็นจริง การเรียนไม่ใช่ง่ายผมต้องผ่านอุปสรรคมากมายที่รบกวนจิตใจ สาวก็ทิ้ง พ่อก็มาจากไปผมต้องไปสอบทั้งที่งานศพพ่อยังไม่เสร็จ(เหตุการ์ณนี้เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน)

     ตอนนี้ผมเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ผมใช้เวลา 12ปี กับการตามความฝันของผม ผมมีบ้านแล้ว และกำลังวางแผนจะซื้อบ้านเดี่ยวเพิ่มอีกร่วมกับพี่สาว ส่วนผู้หญิงที่ผมคบ ผมจะบอกทุกคนว่าชีวิตผมเคยเป็นแบบนี้(โดยเฉพาะเรื่องอาหารกลางวันราคา5บาท) ทุกรายหนีหมดแต่ผมไม่เคยบอกว่า ผมกำลังจะซื้อบ้านใหม่ราคา3ล้าน หึหึหึผมพิสูจน์ใจคนไง... แน่นอนผมยังคงโสดอยู่ทุกวันนี้ ผมยังคงขับมอเตอร์ไซด์ไม่แสดงออกอะไรทั้งนั้น ไม่โชว์ว่ามีเงิน (จริงๆก็ไม่มีจะโชว์แหละ แหะๆ)

ขอเป็นกำลังใจให้คนที่ต้องสู้ชีวิตทุกคนครับ
ปล ชีวิตที่ผ่านมาสอนให้ผมรู้ว่า "หาผู้หญิงพร้อมจะก้าวไปพร้อมเราหายากครับสมัยนี้มีแต่ เงินเท่านั้น" รักแท้มีแค่รุ่นพ่อแม่เราเท่านั้น(ประมาณ50ปีก่อน)
ปล ชีวิตสอนให้รู้ว่าการต่อสู้มันเป็นยังไง

ขอมอบบทเพลงนี้ให้คนสู้ชีวิต

รอนแรมมาเนิ่นนานเพียงหนึ่งใจ
กับทางที่โรยเอาไว้ด้วยขวากหนาม
สุดแหลมคม ทิ่มแทง จนมันแทบจะทนไม่ไหว
ชีวิต ถ้าไม่ยากเย็นขนาดนั้น
สองมือจะมีเรี่ยวแรงขนาดไหน
แต่หัวใจของคน ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ
ในค่ำคืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาว อยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้าวไป
ยังคงมีรักแท้ เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง
วัน เวลาไม่เคยจะหยุดเดิน ไม่ว่าอะไรเราคงต้องเดินไปกับมัน
เก็บทุกความผิด พลั้งเป็นคำเตือนให้เราเข้าใจ
ชีวิตเริ่มต้นที่คำว่าฝ่าฟัน ขอเพียงใจเรา เท่านั้นไม่หวั่นไหว
บทชีวิตของเรา เราจะทำให้มีความหมาย
ในค่ำ คืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาวอยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้าวไป
ยังคงมีรักแท้ นัยว่าแสงนำไปในคืนที่หลงทาง
กับที่ๆความฝันนั้นพร้อมเป็นเพื่อนตาย เส้นทางนี้ ฉันยังมีจุดหมาย
ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร จะไปจนถึงแสงสุดท้าย
ความเดียวดาย ในคืนเหน็บหนาว แหงนมองฟ้ายังนึกถึงวันเก่า
มันคงชินที่ทางยาวไกล กร่อนหัวใจ
ภาวนา กับความมืดมิด ขอให้รักยังคุ้มครองเราอยู่
เตือนคืนวันให้ใจดวงนี้ ไม่ยอมแพ้
ในค่ำคืนที่ฟ้าท้าทายใจคน อยู่ตรงนี้ และฉันยังคงก้าวไป
ยัง คงมีรักแท้ นัยว่าแสงนำไปในคืนที่หลงทาง
กับที่ๆความฝันนั้นพร้อมเป็น เพื่อนตาย เส้นทางนี้ ฉันยังมีจุดหมาย
ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร จะไปจนถึงแสงสุดท้าย
ไปยังแสงสุดท้าย ตราบใดที่ปลายท้องฟ้า ตราบ ใดที่ปลายท้องฟ้า . . .

http://youtu.be/BqLhkRaze_k
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่