อยากรู้ว่าทุกคนคิดยังไงบ้าง อยากได้ความเห็นหลายๆมุมคะ แสดงความเห็นได้เลยนะคะ
ปล. ถ้ายาวไปก็ขออภัยด้วยคะ 555
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีการแต่งใดใดทั้งสิ้นนะคะ
เริ่มเลยแล้วกัน....
ตอนนั้นเพิ่งเข้ามหาลัยเลยคะ ทุกอย่างใหม่ไปหมด ทั้งเพื่อน สภาพแวดล้อม กิจกรรม ตารางเรียน เดิมแล้วตัวเราเองจบมาจากโรงเรียนหญิงล้วน แน่นอนว่าไม่คุ้นเคยกับผู้ชายเลยคะ(แต่ก็ไม่ได้กลัวถึงขนาดเห็นแล้ววิ่งหนีนะ 55)..... แน่นอนว่าปี1เป็นปีแห่งกิจกรรม มีทั้งแข่งกีฬา ประกวดดาวเดือน สันทนาการ รับน้อง เข้าประชุมเชียร์(โดนว๊ากยังไงตอนนี้ยังจำได้เลย 555) เป็นอะไรที่สนุกที่สุดแล้วละคะ
ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่จะซ้อมกิจกรรมหรือมีประชุม ก็จะเป็นเวลาหลังเลิกเรียน ถ้าในรุ่นไม่นัดกันเองก็จะเป็นรุ่นพี่นัดคะ ซึ่งแน่นอนว่าฟ้าไม่สว่างเราไม่กลับ 555 ล้อเล่นนะคะ ตัวเราไม่ได้อยู่หอเพราะตกลงกับที่บ้านไว้ว่าไป-กลับ ถึงบางอารมณ์อยากจะลั้นล้ากับเพื่อนแค่ไหนก็ต้องกลับบ้านคะ บางครั้งที่บ้านถึงกับขับรถมารับที่มหาลัยเลยก็มีคะ(สงสัยที่บ้านกลัวนอกลู่นอกทาง)
ช่วงปี1 ตอนนั้นที่บ้านค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องเวลากลับบ้านมากคะ คือฟ้ามืดต้องอยู่บ้านแล้ว ตอนเรียนมอปลายเรียนใกล้บ้านคะ ไม่เกินชม.ก็ถึงบ้านแล้ว พอมามหาลัย อย่างที่บอกไปคะ มหาลัยไกลบ้านต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยชม.ครึ่ง(คือหลับ2ตื่นยังไม่ถึงบ้านเลยคะ เมื่อยมากบอกเลย) แล้วที่นี้เวลาทำงานหรือทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน กว่าจะซ้อมทำงานเสร็จก็ดึกแล้ว เราเลยจะรีบกลับบ้านทุกครั้ง ออกจากมอก็จะเดินไปขึ้นรถหน้ามอคะ ไกลเหมือนกัน ถ้าวิ่งนี่หอบขึ้นเลยคะ 55
ตอนนั้นรถเมล์ที่เราต้องขึ้นจากหน้ามอรอนานมาก ชนิดที่ว่าเคยรอนานสุด2ขม.ยังไม่มีมาซักคัน ยิ่งกลับดึกๆก็ยิ่งกลัวว่ารถหมด บางทีนั่งรอที่ป้ายรถเมล์จนเหลือเราแค่คนเดียว ถนนโล่งเลย ขอบอกเลยว่าวังเวงมากคะ แล้วจากมหาลัยไปบ้านต้องต่อรถเมล์2ต่อด้วย จำได้ว่าทุกครั้งที่รอรถต้องคอยลุ้นรถจะหมดมั้ย เพราะว่าออกจากมอไม่เคยก่อน2ทุ่มเลยคะ แต่ชอบทำงานตอนกลางคืนนะคะ ไม่มีแดด ชอบบรรยากาศในมอตอนกลางคืนด้วยคะ ^^
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศวังเวงเลยชอบหาเพื่อนไปรอรถเมล์ด้วยกันเป็นประจำคะ เพื่อนที่ว่านี่ก็ไม่ได้เจาะจงนะคะว่าจะให้ใครไปรอเป็นเพื่อน ใครขอได้ขอให้ไม่ต้องนั่งเปล่าเปลี่ยวคนเดียวเป็นพอคะ แบบว่ามันเสียวโดนปล้นคะ ฮ่าๆๆ.. เพื่อนก็บ่นนะคะว่าทำไมต้องไปรอเป็นเพื่อน โตแล้ว รถวิ่งเยอะแยะ แต่เราไม่สนใจคะ กลัว เหงาด้วยคะ 555
เข้าเรื่องดีกว่า ออกนอกทะเลไปนานเลยคะ 55... อย่างที่บอกเพื่อนที่ไปรอจะเป็นใครก็ได้คะ ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งหญิงและชาย(แต่ส่วนใหญ่เป็นหญิงนะคะ) แล้วมีเพื่อนผู้ชายคนนึงคะ คือตอนเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเรียนเราเรียนห้องเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมาก แทบจะนับคำที่คุยได้เลยคะ เรากับเขาอยู่คนละกลุ่ม เขาจะอยู่กับเพื่อนผู้หญิงอีก2คน แล้วเพื่อนผู้หญิง2คนนั้นเขาต้องเดินไปขึ้นรถที่หน้ามอเหมือนกันคะ บางทีเราเลยเดินกลับกับพวกเขาจะได้ไม่ต้องกวนให้เพื่อนในกลุ่มไปส่งคะ ทางเดียวกันด้วย ซึ่งบางทีถ้าเพื่อนกลุ่มเราไม่ว่างเขาก็จะถามว่า 'ยังไม่กลับหรอ?' 'จะกลับตอนไหน?' 'เดินไปเป็นเพื่อนมั้ย?' ประมาณนี้คะ... ถ้าไม่มีเขาก็จะเดินมาส่งคะ
เวลาเดินออกจากมอเราก็คุยแต่กับเพื่อนผู้หญิงนะคะ(ความเคยชินคะ) ก็มีคุยกับเขาบ้าง แรกๆไม่คุ้นคะ ไม่รู้จะคุยอะไร แต่เขาก็พยายามชวนคุยตลอดเลย จนตอนหลังๆไม่เกร็งแล้วคะ คุยได้เป็นปกติคะ บางทีเราจะเดินไปหน้ามอคนเดียวไม่มีเพื่อนกลับเลยเขาก็จะอาสาเดินไปเป็นเพื่อนคะ แรกๆก็เกรงใจ พอถึงหน้ามอก็ให้เขากลับเข้ามอไป เราก็นั่งรอรถเมล์คนเดียวคะ
จนมีคืนนึง เขาเดินออกมาเจอเรานั่งรอรถเมล์คนเดียวคะ ทั้งๆที่เราออกจากมอมานานแล้ว แต่รถเมล์มันไม่มีคะเลยต้องนั่งรอต่อไปเรื่อยๆ (ได้แต่นั่งมองตามคนอื่นเขาขึ้นรถไปที่ละคนสองคน) เขาก็เข้ามาถามนะว่า 'ยังไม่กลับอีกหรอ?' 'ทำไมรถรอนานจัง?' 'นึกว่ากลับไปแล้วนะเนี่ย' อะไรประมานนี้คะ เราก็ยิ้มเจื่อนๆกลับไป แล้วเขาก็อาสานั่งรอเป็นเพื่อนคะ ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรนะคะ ดีใจที่มีคนนั่งเป็นเพื่อนคะ เขาก็นั่งชวนคุยเรื่องนู้นเรื่องนี่ จนไปๆมาๆคุยกันยาวเลยคะ 55555 เขาก็นั่งรอจนกว่ารถเมล์ที่เราจะขึ้นมาทุกครั้ง พอเราขึ้นรถแล้วเขาถึงจะกลับหอคะ
เวลาเรียนในห้องหรือนั่งทำกิจกรรมเราก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขานะ คือนั่งกันคนละที่คนละกลุ่ม บางทีเวลากินข้าวกลุ่มเราสองคนไปด้วยกันก็ไม่ได้นั่งด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่เราจะกลับบ้านไปขึ้นรถหน้ามอกับเพื่อนกลุ่มเขา(ตอนนั้นเดินกลับกับกลุ่มเขาบ่อยคะ) เขาก็จะเดินมาเสมอคะ(เพื่อนกลุ่มเราเขาอยู่หอเกือบหมดเลย)
ถ้าตอนที่เดินออกจากมอแล้วถือของเยอะหรือกระเป๋าหนัก เขาก็จะถือให้คะ เราก็เกรงใจแต่เขาก็ยืนยันว่าไม่เป็นไร เดียวถือเขาเป็นผู้ชายแค่นี้ไม่หนักหรอก บ่อยครั้งที่เขาถือของถือกระเป๋าให้เรา(ของเพื่อนเขาด้วยคะ) ส่วนใหญ่แล้วเพื่อนเขาจะขึ้นรถไปก่อนเสมอคะเพราะว่ารถเพื่อนเขามาเร็ว เลยจะเหลือแค่เรากับเขาแค่2คน เขาก็นั่งรอที่ป้ายรถเมล์เป็นเพื่อนเราทุกครั้งนะคะ บางทีนั่งรอเป็นเพื่อนจนฝกตกเลยก็มี เราบอกให้เขาเอาร่มไปเดียวเปียก เพราะเขามาแต่ตัว กระเป๋าอยู่ในมอคะ เขาก็ไม่ยอมเอาไปบอกว่าวิ่งเอาก็ได้ไม่เป็นไร เราก็คิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี ความอดทนเขาสูงมากคะ บางทีนั่งรอจนเราเกรงใจบอกให้เขากลับไปก่อนเขาก็ไม่ยอม แล้วก็ได้แต่นั่งมองรถไปคุยกันไปคะ..
ทุกครั้งที่เรากลับถึงบ้าน แม่ก็จะถามว่ามีคนมานั่งรอรถเป็นเพื่อนมั้ย(จริงๆเคยเจอโรคจิตคะ แม่ก็เลยเป็นห่วง) เราก็จะเล่าทุกครั้งใครมารอก็เล่าไป ไม่โกหกคะ บางทีมารอคนเดียวก็บอกแม่ไปนะคะว่าเกรงใจเพื่อนแอบหนีออกมารอรถคนเดียว ^^ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่เป็นห่วงกลัวจะเจอคนไม่ดีน่ะคะ จนเวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ น่าจะประมานเกือบ2เดือนได้มั้งคะ แม่ก็ถามคะว่า'เขา'เป็นคนยังไง เป็นคนที่ไหน คือถามพวกรายละเอียดน่ะคะ -เราก็ไม่คิดอะไรรู้เท่าไหร่ก็ตอบเท่านั้น 555 จำได้แค่แม่พูดว่า 'เพื่อนดีๆอย่างนี้ก็คบไว้นะ' บางทีที่บ้านซื้อของมาแม่ก็บอกให้เอาไปฝากเขาด้วยคะ.. แหม เราก็สำนึกในบุญคุณที่เขามารอรถเป็นเพื่อน ก็เลยเอาของไปให้บ่อยคะ แต่ไม่ได้คิดอะไร...
ตอนเรียนในห้องบ่อยครั้งนะคะที่เขาจะเดินมาคุยด้วย ก็เรื่องที่คุยตอนรอรถด้วยกันนั้นแหละคะ คุยวนไปวนมา บางทีก็สักเกตุนะคะว่ามีคนมอง พอหันไปก็เจอเขามองมา พอสบตาเขาก็ยิ้มให้เราก็ยิ้มตอบกลับคะ เป็นอย่างนี้หลายครั้งมากๆ แต่ว่าตอนนั้นแอบชอบเพื่อนอีกคนนึงอยู่น่ะคะ แหะๆ เวลาอยู่บ้านก็มีคุยเอ็ม(เก่ามาก 55)คุยเฟสนะคะ(เฟสเพิ่งบูมเองคะ) ก็คุยกันตลอดเรื่องงาน การบ้าน ไร้สาระ เกม หนัง หลายเรื่องคะ แม้แต่คอมเจ๋งยังถามเขาเลยคะ ฮ่าๆๆ บางทีเอาคอมมาให้เขาลงโปรแกรม ลงหนัง ลงเกมให้ก็มี ก็ทำไม่เป็นหนิคะ ขี้เกียจโหลด ขอดูดจากคนที่มีง่ายกว่า ฮ่าๆๆๆ
....ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยๆจนจบปี1นั่นแหละคะ....
(อกหักจากคนที่แอบชอบเรียบร้อบคะ ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนตบหัวมัน เรายังเฉยๆเลยคะ 555)
พอปี2,3 ก็ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะเรียนไม่ตรงกัน เลือกวิชาเลือกไม่ตรงกันบ้าง แล้วเขาก็เริ่มอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายเยอะขึ้น นัดเล่นเกมบ่อยคะ เพื่อนๆตีดอทบ่อยมากตอนนั้น เราเองพอปี2,3ก็ไม่กลัวที่จะเดินคนเดียวแล้วคะ เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้คุยกันเท่าไหร่ แชทเฟสไม่มีเลยคะ มีก็แค่ทักทายในห้องเท่านั้นเอง และแล้วเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆคะ.....
อ่อ ขอเล่าแทรกนะคะ เหตุการณ์เกิดประมานปี3เทอม2นั้นแหละคะ ตอนนั้นเพื่อนๆในรุ่นชวนกันไปกินเลี้ยงวันเกิดเพื่อน พอดีมีบุฟเฟ่ลดอยู่ก็เลยชวนกันไปกินคะ เราก็ไม่รู้นะคะว่ามีใครไปบ้างรู้แต่ว่ามีเพื่อนในกลุ่มไปเราก็ไป(ชวนกินชวนง่ายคะ 555) คือว่าเราไปถึงร้านสายเพื่อนๆเข้ากันไปหมดแล้ว เราเองก็เดินตามขึ้นไปชั้นบน ก็เจอเลยคะ เสียงอย่างกับนกกระจอกแตกรัง 5555 ดังกว่านี้มีอีกมั้ย? ก็โดนเพื่อนจิกกัดตามปกติคะ(บ้านอยู่ใกล้ร้านอาหารแต่มาสายสุด) พอพวกมันด่าจนพอใจถึงจะปล่อยให้เรานั่งคะ มันเอากระเป๋าวางไว้บนเก้าอี้แล้วเอาเท้ามาพาดอีกทีคะ เป็นเพื่อนที่น่ารักจริงๆ TT
พอนั่งปุบก็เห็นว่า'เขา'นั่งอยู่เยื้องๆฝั่งตรงข้ามคะ เรานั่งริมสุด ฝั่งเขาซึ่งถัดจากเขาเป็นเพื่อนผู้ชายอีกคนนึงซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับเราเลยคะ เขาก็สบตายิ้มให้หน่อยๆมองว่า 'อ้าว มาแล้วหรอ' เราก็ตอบอืมแล้วยิ้มกลับคะ จริงๆไม่มีอะไรคะ ถ้า(-)คุณเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเรา ที่มันเอาขามาพาดเก้าอี้มันไม่จุดชนวนขึ้นมา...
ตอนนั้นก็นั่งกินปกติคะ กินไปเรากับเขาก็มีพูดคุยกันบ้าง บางครั้งก็รู้สึกนะคะว่าเขามอง แราเองก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง บางทีก็มีสบตาโดยบังเอิญเขาก็จะมองกลับนิ่งๆจนเราต้องเบนสายตาไปที่อื่นแทนคะ แอบเขินเบาๆ 555 จนเพื่อนตัวดีนั้นแหละพูดขึ้นมาว่า 'ฮิ้ววววๆๆ มองอะไรหรอ_(ชื่อเขาคะ)__' คือเสียงมันนี้ได้ยินทั้งโต๊ะคะ เราเองก็กำลังกินเลย เงยหน้าอีกทีตอนได้ยินเสียงเพื่อนนั้นแหละ เงยหน้าปุบสบตาปับเลยคะ เขินเลย 55 เพื่อนมันก็มองหน้าเขานะคะ แล้วก็ส่งสายตามาที่เราสลับไปสลับมา บอกได้เลยคะว่า ทำอะไรไม่ถูก ก้มหน้ากินต่อย่างเดียวคะ เราก็เหลือบมองเขานะ เขาก็ยิ้มๆไม่ได้หลบตาทั้งเราทั้งเพื่อน แค่หัวเราะเบาๆแล้วกินต่อคะ หลังจากนั้นเพื่อนมันก็ส่งสายตาล้อเลียนมาที่เราตลอดเลย อมยิ้ม02 จนกินอื่มก็แยกย้ายกันกลับบ้านคะ
จริงๆแล้วยังมีอีกหลายเหตุการณ์ยิบย่อยเลยคะ แต่ขอไม่เล่าดีกว่า สงสารคนอ่านคะ 555.....
จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้อยู่ปี4แล้วคะ (คือเราเพิ่งมารู้ตัวเพราะแม่ทักตอนประมานปี2นั้นแหละคะว่าเขาอาจจะคิดอะไรกับเรารึเปล่า แม่ก็ว่าเราว่าเขาทำอย่างนี้ไม่รู้ตัวเลยหรอ แหม ตอนนั้นชอบอีกคนนึงอยู่หนิคะ เลยทำให้ไม่ได้สังเกตุเขาเลย..) ช่วงนี้ก็คุยกับเขาบ้างนะคะ จริงๆแล้วกลับมาคุยกับเขาตั้งแต่ปี3เทอม2แล้วคะ แต่มาบ่อยจริงๆก็ช่วงนี้แหละคะ เราเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรานะคะ.. ช่วงนี้เจอเขาบ่อยคะ เฟสก็มีคุยบ้าง เวลาเขาเดินมาคุยเป็นเราเองคะที่ไม่กล้าสบตา ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เหมือนว่าทำอะไรไม่ถูกน่ะคะ ถามว่าเราชอบเขามั้ย บอกตามตรงว่ามีหวั่นไหวบ้างคะ แต่ก็ไม่ได้หวังว่าจะเป็นแฟน (พิมพ์เองเขินเอง ฮ่าๆ) บางทีนั่งเรียนหรืออยู่ในห้องเดียวกันก็เห็นว่าเขามองเราบ้าง(หรือคิดไปเองหวา?) แต่ไม่บ่อยเท่าตอนปี1นะคะ 555 เราคิดนะว่าเขาเป็นคนดี เพื่อนทุกคนในรุ่นยังพูดเลยว่าเขาเป็นคนดีมาก ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดี
ตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีใจนะคะ มีโอกาสก็จะคุยกับเขา เคยคิดจะถามเขานะคะว่าคิดอะไรกับเราหรือเปล่า แต่พอห่างๆกันไปก็คิดว่า เขาอาจจะไม่ได้ชอบหรือคิดอะไรกับเราแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้อะไรๆยังไม่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรา แล้วเราเองก็ไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไงกับเขาเหมือนกัน ก็ได้แต่แอบหวังว่าเขาจะเป็นคนมาพูดก่อนน่ะคะ
<<<อยากทราบว่าที่เขาทำเป็นแค่นิสัยดีรึเปล่าคะ ถ้าเขาชอบทำไมถึงไม่พูดหรือทำอะไรให้ชัดเจนคะ? ตอนนี้เลยกลัวว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองคะ อยากทราบความเห็นของคนหลายๆคน อยากได้มุมมองคนนอกคะ แล้วเราก็ไม่กล้าเอาไปปรึกษาเพื่อนด้วยคะ>>>
***วันนี้มีเรียนด้วยกันคะ แอบมีเหตุการณ์เขินนิดนึงนะคะ ใครอยากทราบหลังไมค์มาได้คะ
***
...อย่าลืมให้คำแนะนำหรือคอมเม้นด้วยนะคะ ขอบคุณคะ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ คลิกเพื่อซ่อนข้อความ
*แอบบอกนิดนึงคะว่ามีคนมาชอบเขาเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยมอปลาย มหาลัยก็มีคะ เขาเป็นลูกคนเดียว เขาอาศัยอยู่กับญาติคะ แอบไปถามจากเพื่อนเขามาคะ*
เขาทำแบบนี้เรียกว่า"มีใจ หรือ แค่อัธยาศัยดี ?"
ปล. ถ้ายาวไปก็ขออภัยด้วยคะ 555
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีการแต่งใดใดทั้งสิ้นนะคะ
เริ่มเลยแล้วกัน....
ตอนนั้นเพิ่งเข้ามหาลัยเลยคะ ทุกอย่างใหม่ไปหมด ทั้งเพื่อน สภาพแวดล้อม กิจกรรม ตารางเรียน เดิมแล้วตัวเราเองจบมาจากโรงเรียนหญิงล้วน แน่นอนว่าไม่คุ้นเคยกับผู้ชายเลยคะ(แต่ก็ไม่ได้กลัวถึงขนาดเห็นแล้ววิ่งหนีนะ 55)..... แน่นอนว่าปี1เป็นปีแห่งกิจกรรม มีทั้งแข่งกีฬา ประกวดดาวเดือน สันทนาการ รับน้อง เข้าประชุมเชียร์(โดนว๊ากยังไงตอนนี้ยังจำได้เลย 555) เป็นอะไรที่สนุกที่สุดแล้วละคะ
ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่จะซ้อมกิจกรรมหรือมีประชุม ก็จะเป็นเวลาหลังเลิกเรียน ถ้าในรุ่นไม่นัดกันเองก็จะเป็นรุ่นพี่นัดคะ ซึ่งแน่นอนว่าฟ้าไม่สว่างเราไม่กลับ 555 ล้อเล่นนะคะ ตัวเราไม่ได้อยู่หอเพราะตกลงกับที่บ้านไว้ว่าไป-กลับ ถึงบางอารมณ์อยากจะลั้นล้ากับเพื่อนแค่ไหนก็ต้องกลับบ้านคะ บางครั้งที่บ้านถึงกับขับรถมารับที่มหาลัยเลยก็มีคะ(สงสัยที่บ้านกลัวนอกลู่นอกทาง)
ช่วงปี1 ตอนนั้นที่บ้านค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องเวลากลับบ้านมากคะ คือฟ้ามืดต้องอยู่บ้านแล้ว ตอนเรียนมอปลายเรียนใกล้บ้านคะ ไม่เกินชม.ก็ถึงบ้านแล้ว พอมามหาลัย อย่างที่บอกไปคะ มหาลัยไกลบ้านต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยชม.ครึ่ง(คือหลับ2ตื่นยังไม่ถึงบ้านเลยคะ เมื่อยมากบอกเลย) แล้วที่นี้เวลาทำงานหรือทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน กว่าจะซ้อมทำงานเสร็จก็ดึกแล้ว เราเลยจะรีบกลับบ้านทุกครั้ง ออกจากมอก็จะเดินไปขึ้นรถหน้ามอคะ ไกลเหมือนกัน ถ้าวิ่งนี่หอบขึ้นเลยคะ 55
ตอนนั้นรถเมล์ที่เราต้องขึ้นจากหน้ามอรอนานมาก ชนิดที่ว่าเคยรอนานสุด2ขม.ยังไม่มีมาซักคัน ยิ่งกลับดึกๆก็ยิ่งกลัวว่ารถหมด บางทีนั่งรอที่ป้ายรถเมล์จนเหลือเราแค่คนเดียว ถนนโล่งเลย ขอบอกเลยว่าวังเวงมากคะ แล้วจากมหาลัยไปบ้านต้องต่อรถเมล์2ต่อด้วย จำได้ว่าทุกครั้งที่รอรถต้องคอยลุ้นรถจะหมดมั้ย เพราะว่าออกจากมอไม่เคยก่อน2ทุ่มเลยคะ แต่ชอบทำงานตอนกลางคืนนะคะ ไม่มีแดด ชอบบรรยากาศในมอตอนกลางคืนด้วยคะ ^^
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศวังเวงเลยชอบหาเพื่อนไปรอรถเมล์ด้วยกันเป็นประจำคะ เพื่อนที่ว่านี่ก็ไม่ได้เจาะจงนะคะว่าจะให้ใครไปรอเป็นเพื่อน ใครขอได้ขอให้ไม่ต้องนั่งเปล่าเปลี่ยวคนเดียวเป็นพอคะ แบบว่ามันเสียวโดนปล้นคะ ฮ่าๆๆ.. เพื่อนก็บ่นนะคะว่าทำไมต้องไปรอเป็นเพื่อน โตแล้ว รถวิ่งเยอะแยะ แต่เราไม่สนใจคะ กลัว เหงาด้วยคะ 555
เข้าเรื่องดีกว่า ออกนอกทะเลไปนานเลยคะ 55... อย่างที่บอกเพื่อนที่ไปรอจะเป็นใครก็ได้คะ ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งหญิงและชาย(แต่ส่วนใหญ่เป็นหญิงนะคะ) แล้วมีเพื่อนผู้ชายคนนึงคะ คือตอนเรียนปรับพื้นฐานก่อนเปิดเรียนเราเรียนห้องเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมาก แทบจะนับคำที่คุยได้เลยคะ เรากับเขาอยู่คนละกลุ่ม เขาจะอยู่กับเพื่อนผู้หญิงอีก2คน แล้วเพื่อนผู้หญิง2คนนั้นเขาต้องเดินไปขึ้นรถที่หน้ามอเหมือนกันคะ บางทีเราเลยเดินกลับกับพวกเขาจะได้ไม่ต้องกวนให้เพื่อนในกลุ่มไปส่งคะ ทางเดียวกันด้วย ซึ่งบางทีถ้าเพื่อนกลุ่มเราไม่ว่างเขาก็จะถามว่า 'ยังไม่กลับหรอ?' 'จะกลับตอนไหน?' 'เดินไปเป็นเพื่อนมั้ย?' ประมาณนี้คะ... ถ้าไม่มีเขาก็จะเดินมาส่งคะ
เวลาเดินออกจากมอเราก็คุยแต่กับเพื่อนผู้หญิงนะคะ(ความเคยชินคะ) ก็มีคุยกับเขาบ้าง แรกๆไม่คุ้นคะ ไม่รู้จะคุยอะไร แต่เขาก็พยายามชวนคุยตลอดเลย จนตอนหลังๆไม่เกร็งแล้วคะ คุยได้เป็นปกติคะ บางทีเราจะเดินไปหน้ามอคนเดียวไม่มีเพื่อนกลับเลยเขาก็จะอาสาเดินไปเป็นเพื่อนคะ แรกๆก็เกรงใจ พอถึงหน้ามอก็ให้เขากลับเข้ามอไป เราก็นั่งรอรถเมล์คนเดียวคะ
จนมีคืนนึง เขาเดินออกมาเจอเรานั่งรอรถเมล์คนเดียวคะ ทั้งๆที่เราออกจากมอมานานแล้ว แต่รถเมล์มันไม่มีคะเลยต้องนั่งรอต่อไปเรื่อยๆ (ได้แต่นั่งมองตามคนอื่นเขาขึ้นรถไปที่ละคนสองคน) เขาก็เข้ามาถามนะว่า 'ยังไม่กลับอีกหรอ?' 'ทำไมรถรอนานจัง?' 'นึกว่ากลับไปแล้วนะเนี่ย' อะไรประมานนี้คะ เราก็ยิ้มเจื่อนๆกลับไป แล้วเขาก็อาสานั่งรอเป็นเพื่อนคะ ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรนะคะ ดีใจที่มีคนนั่งเป็นเพื่อนคะ เขาก็นั่งชวนคุยเรื่องนู้นเรื่องนี่ จนไปๆมาๆคุยกันยาวเลยคะ 55555 เขาก็นั่งรอจนกว่ารถเมล์ที่เราจะขึ้นมาทุกครั้ง พอเราขึ้นรถแล้วเขาถึงจะกลับหอคะ
เวลาเรียนในห้องหรือนั่งทำกิจกรรมเราก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขานะ คือนั่งกันคนละที่คนละกลุ่ม บางทีเวลากินข้าวกลุ่มเราสองคนไปด้วยกันก็ไม่ได้นั่งด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่เราจะกลับบ้านไปขึ้นรถหน้ามอกับเพื่อนกลุ่มเขา(ตอนนั้นเดินกลับกับกลุ่มเขาบ่อยคะ) เขาก็จะเดินมาเสมอคะ(เพื่อนกลุ่มเราเขาอยู่หอเกือบหมดเลย)
ถ้าตอนที่เดินออกจากมอแล้วถือของเยอะหรือกระเป๋าหนัก เขาก็จะถือให้คะ เราก็เกรงใจแต่เขาก็ยืนยันว่าไม่เป็นไร เดียวถือเขาเป็นผู้ชายแค่นี้ไม่หนักหรอก บ่อยครั้งที่เขาถือของถือกระเป๋าให้เรา(ของเพื่อนเขาด้วยคะ) ส่วนใหญ่แล้วเพื่อนเขาจะขึ้นรถไปก่อนเสมอคะเพราะว่ารถเพื่อนเขามาเร็ว เลยจะเหลือแค่เรากับเขาแค่2คน เขาก็นั่งรอที่ป้ายรถเมล์เป็นเพื่อนเราทุกครั้งนะคะ บางทีนั่งรอเป็นเพื่อนจนฝกตกเลยก็มี เราบอกให้เขาเอาร่มไปเดียวเปียก เพราะเขามาแต่ตัว กระเป๋าอยู่ในมอคะ เขาก็ไม่ยอมเอาไปบอกว่าวิ่งเอาก็ได้ไม่เป็นไร เราก็คิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี ความอดทนเขาสูงมากคะ บางทีนั่งรอจนเราเกรงใจบอกให้เขากลับไปก่อนเขาก็ไม่ยอม แล้วก็ได้แต่นั่งมองรถไปคุยกันไปคะ..
ทุกครั้งที่เรากลับถึงบ้าน แม่ก็จะถามว่ามีคนมานั่งรอรถเป็นเพื่อนมั้ย(จริงๆเคยเจอโรคจิตคะ แม่ก็เลยเป็นห่วง) เราก็จะเล่าทุกครั้งใครมารอก็เล่าไป ไม่โกหกคะ บางทีมารอคนเดียวก็บอกแม่ไปนะคะว่าเกรงใจเพื่อนแอบหนีออกมารอรถคนเดียว ^^ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่เป็นห่วงกลัวจะเจอคนไม่ดีน่ะคะ จนเวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ น่าจะประมานเกือบ2เดือนได้มั้งคะ แม่ก็ถามคะว่า'เขา'เป็นคนยังไง เป็นคนที่ไหน คือถามพวกรายละเอียดน่ะคะ -เราก็ไม่คิดอะไรรู้เท่าไหร่ก็ตอบเท่านั้น 555 จำได้แค่แม่พูดว่า 'เพื่อนดีๆอย่างนี้ก็คบไว้นะ' บางทีที่บ้านซื้อของมาแม่ก็บอกให้เอาไปฝากเขาด้วยคะ.. แหม เราก็สำนึกในบุญคุณที่เขามารอรถเป็นเพื่อน ก็เลยเอาของไปให้บ่อยคะ แต่ไม่ได้คิดอะไร...
ตอนเรียนในห้องบ่อยครั้งนะคะที่เขาจะเดินมาคุยด้วย ก็เรื่องที่คุยตอนรอรถด้วยกันนั้นแหละคะ คุยวนไปวนมา บางทีก็สักเกตุนะคะว่ามีคนมอง พอหันไปก็เจอเขามองมา พอสบตาเขาก็ยิ้มให้เราก็ยิ้มตอบกลับคะ เป็นอย่างนี้หลายครั้งมากๆ แต่ว่าตอนนั้นแอบชอบเพื่อนอีกคนนึงอยู่น่ะคะ แหะๆ เวลาอยู่บ้านก็มีคุยเอ็ม(เก่ามาก 55)คุยเฟสนะคะ(เฟสเพิ่งบูมเองคะ) ก็คุยกันตลอดเรื่องงาน การบ้าน ไร้สาระ เกม หนัง หลายเรื่องคะ แม้แต่คอมเจ๋งยังถามเขาเลยคะ ฮ่าๆๆ บางทีเอาคอมมาให้เขาลงโปรแกรม ลงหนัง ลงเกมให้ก็มี ก็ทำไม่เป็นหนิคะ ขี้เกียจโหลด ขอดูดจากคนที่มีง่ายกว่า ฮ่าๆๆๆ
....ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยๆจนจบปี1นั่นแหละคะ....
(อกหักจากคนที่แอบชอบเรียบร้อบคะ ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนตบหัวมัน เรายังเฉยๆเลยคะ 555)
พอปี2,3 ก็ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะเรียนไม่ตรงกัน เลือกวิชาเลือกไม่ตรงกันบ้าง แล้วเขาก็เริ่มอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายเยอะขึ้น นัดเล่นเกมบ่อยคะ เพื่อนๆตีดอทบ่อยมากตอนนั้น เราเองพอปี2,3ก็ไม่กลัวที่จะเดินคนเดียวแล้วคะ เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้คุยกันเท่าไหร่ แชทเฟสไม่มีเลยคะ มีก็แค่ทักทายในห้องเท่านั้นเอง และแล้วเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆคะ.....
อ่อ ขอเล่าแทรกนะคะ เหตุการณ์เกิดประมานปี3เทอม2นั้นแหละคะ ตอนนั้นเพื่อนๆในรุ่นชวนกันไปกินเลี้ยงวันเกิดเพื่อน พอดีมีบุฟเฟ่ลดอยู่ก็เลยชวนกันไปกินคะ เราก็ไม่รู้นะคะว่ามีใครไปบ้างรู้แต่ว่ามีเพื่อนในกลุ่มไปเราก็ไป(ชวนกินชวนง่ายคะ 555) คือว่าเราไปถึงร้านสายเพื่อนๆเข้ากันไปหมดแล้ว เราเองก็เดินตามขึ้นไปชั้นบน ก็เจอเลยคะ เสียงอย่างกับนกกระจอกแตกรัง 5555 ดังกว่านี้มีอีกมั้ย? ก็โดนเพื่อนจิกกัดตามปกติคะ(บ้านอยู่ใกล้ร้านอาหารแต่มาสายสุด) พอพวกมันด่าจนพอใจถึงจะปล่อยให้เรานั่งคะ มันเอากระเป๋าวางไว้บนเก้าอี้แล้วเอาเท้ามาพาดอีกทีคะ เป็นเพื่อนที่น่ารักจริงๆ TT
พอนั่งปุบก็เห็นว่า'เขา'นั่งอยู่เยื้องๆฝั่งตรงข้ามคะ เรานั่งริมสุด ฝั่งเขาซึ่งถัดจากเขาเป็นเพื่อนผู้ชายอีกคนนึงซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับเราเลยคะ เขาก็สบตายิ้มให้หน่อยๆมองว่า 'อ้าว มาแล้วหรอ' เราก็ตอบอืมแล้วยิ้มกลับคะ จริงๆไม่มีอะไรคะ ถ้า(-)คุณเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเรา ที่มันเอาขามาพาดเก้าอี้มันไม่จุดชนวนขึ้นมา...
ตอนนั้นก็นั่งกินปกติคะ กินไปเรากับเขาก็มีพูดคุยกันบ้าง บางครั้งก็รู้สึกนะคะว่าเขามอง แราเองก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง บางทีก็มีสบตาโดยบังเอิญเขาก็จะมองกลับนิ่งๆจนเราต้องเบนสายตาไปที่อื่นแทนคะ แอบเขินเบาๆ 555 จนเพื่อนตัวดีนั้นแหละพูดขึ้นมาว่า 'ฮิ้ววววๆๆ มองอะไรหรอ_(ชื่อเขาคะ)__' คือเสียงมันนี้ได้ยินทั้งโต๊ะคะ เราเองก็กำลังกินเลย เงยหน้าอีกทีตอนได้ยินเสียงเพื่อนนั้นแหละ เงยหน้าปุบสบตาปับเลยคะ เขินเลย 55 เพื่อนมันก็มองหน้าเขานะคะ แล้วก็ส่งสายตามาที่เราสลับไปสลับมา บอกได้เลยคะว่า ทำอะไรไม่ถูก ก้มหน้ากินต่อย่างเดียวคะ เราก็เหลือบมองเขานะ เขาก็ยิ้มๆไม่ได้หลบตาทั้งเราทั้งเพื่อน แค่หัวเราะเบาๆแล้วกินต่อคะ หลังจากนั้นเพื่อนมันก็ส่งสายตาล้อเลียนมาที่เราตลอดเลย อมยิ้ม02 จนกินอื่มก็แยกย้ายกันกลับบ้านคะ
จริงๆแล้วยังมีอีกหลายเหตุการณ์ยิบย่อยเลยคะ แต่ขอไม่เล่าดีกว่า สงสารคนอ่านคะ 555.....
จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้อยู่ปี4แล้วคะ (คือเราเพิ่งมารู้ตัวเพราะแม่ทักตอนประมานปี2นั้นแหละคะว่าเขาอาจจะคิดอะไรกับเรารึเปล่า แม่ก็ว่าเราว่าเขาทำอย่างนี้ไม่รู้ตัวเลยหรอ แหม ตอนนั้นชอบอีกคนนึงอยู่หนิคะ เลยทำให้ไม่ได้สังเกตุเขาเลย..) ช่วงนี้ก็คุยกับเขาบ้างนะคะ จริงๆแล้วกลับมาคุยกับเขาตั้งแต่ปี3เทอม2แล้วคะ แต่มาบ่อยจริงๆก็ช่วงนี้แหละคะ เราเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรานะคะ.. ช่วงนี้เจอเขาบ่อยคะ เฟสก็มีคุยบ้าง เวลาเขาเดินมาคุยเป็นเราเองคะที่ไม่กล้าสบตา ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เหมือนว่าทำอะไรไม่ถูกน่ะคะ ถามว่าเราชอบเขามั้ย บอกตามตรงว่ามีหวั่นไหวบ้างคะ แต่ก็ไม่ได้หวังว่าจะเป็นแฟน (พิมพ์เองเขินเอง ฮ่าๆ) บางทีนั่งเรียนหรืออยู่ในห้องเดียวกันก็เห็นว่าเขามองเราบ้าง(หรือคิดไปเองหวา?) แต่ไม่บ่อยเท่าตอนปี1นะคะ 555 เราคิดนะว่าเขาเป็นคนดี เพื่อนทุกคนในรุ่นยังพูดเลยว่าเขาเป็นคนดีมาก ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดี
ตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีใจนะคะ มีโอกาสก็จะคุยกับเขา เคยคิดจะถามเขานะคะว่าคิดอะไรกับเราหรือเปล่า แต่พอห่างๆกันไปก็คิดว่า เขาอาจจะไม่ได้ชอบหรือคิดอะไรกับเราแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้อะไรๆยังไม่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรา แล้วเราเองก็ไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไงกับเขาเหมือนกัน ก็ได้แต่แอบหวังว่าเขาจะเป็นคนมาพูดก่อนน่ะคะ
<<<อยากทราบว่าที่เขาทำเป็นแค่นิสัยดีรึเปล่าคะ ถ้าเขาชอบทำไมถึงไม่พูดหรือทำอะไรให้ชัดเจนคะ? ตอนนี้เลยกลัวว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองคะ อยากทราบความเห็นของคนหลายๆคน อยากได้มุมมองคนนอกคะ แล้วเราก็ไม่กล้าเอาไปปรึกษาเพื่อนด้วยคะ>>>
***วันนี้มีเรียนด้วยกันคะ แอบมีเหตุการณ์เขินนิดนึงนะคะ ใครอยากทราบหลังไมค์มาได้คะ ***
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้