เมย์ก็ไม่รู้ว่าเมย์เข้าใจถูกมั้ย แต่มีประสบการณ์อยากเล่าให้ฟัง เพราะไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบตัวเองค่ะ
เมื่อปี 54 มีคนเอาแมวโต อายุน่าจะเกิน 1 ปีมาทิ้งที่บ้าน ทิ้งไว้ 3 ตัว ตอนนั้นไม่รู้จะทำไงเลยต้องเลี้ยงไว้ แต่ไม่ให้เข้าบ้านเพราะกลัวเอาโรคมาติดแมวในบ้าน พอเลี้ยงมาได้เดือนกว่าเห็นเขาแข็งแรงดี จึงได้พาเขาไปฉีดยาค่ะ วันนั้นฉีดพิษสุนัขบ้า ไข้หัด ไข้หวัด ไป แต่ฉีดไข้หัดได้แค่ 2 ตัว เพราะอีกตัวมีไข้ หมอเลยไม่ฉีดให้

พอสองวันหลังจากฉีดยา น้องแมงที่ฉีดยามีอาการซึม แล้วก็ไม่กินอาหาร ท้องเสีย วันต่อมาก็ชัก และตายลง ตอนนั้นตกใจมากเพราะตัวนี้ดูแข็งแรงมากที่สุด

อีกสองวันแมวอีกตัวที่ฉีดก็ซึมลง เลยรีบพาไปหาหมอที่โรงบาลสัตว์ ตอนแรกที่ฉีดฉีดที่คลีนิคเพราะคิดว่า "แค่ฉีดวัคซีน" พอไปโรงบาลสัตว์ตรวจเลือดปรากฎว่าเค้าติดเชื้อ หมอคิดว่าเป็นหัด ตอนนั้นก็ฉีดยากระตุ้นภูมิให้น้ำเกลือ แต่เค้าก็ไม่รอด

ตอนนั้นได้ลองคุยกับหมอที่โรงบาล หมอสันนิษฐานว่าแมวมีเชื้อหัดอยู่ แล้วหมอที่ฉีดวัคซีนไม่รู้เพราะเขาไม่มีไข้เลยฉีดให้ หมอที่โรงบาลบอกว่าก่อนฉีดวัคซีนควรตรวจเลือดก่อน เพราะความชัวร์

ตอนนั้นเสียใจมากๆที่เหมือนเป็นต้นเหตุให้เขาตายเร็วขึ้น

ส่วนน้องตัวที่ไม่ได้ฉีดก็ไม่เป็นอะไร แต่สุดท้ายน้องก็จากไปด้วยโรคเอดส์แมว

อยากนำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์ค่ะว่าควรตรวจเลือดแมวก่อนทำวัคฉีน ถ้าหมอไม่ตรวจก็ควรบอกหมอค่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจแบบเรา