กองทัพของเล่าเจี้ยงครั้งนี้ นำมาโดยฮองตง และเงียมหงัน สองขุนพลสูงวัย ครั้งก่อนเมื่อมือปราบฮองตงตามล่าเผิงเสียนในคดีวางเพลิง ฆ่าขุนนางนั้น เขาโดนกลลวงของเผิงเสียน ให้ติดตามมาผิดเส้นทาง ออกมาทางทิศตะวันตกอันกันดาร และโดนพิษไข้ป่าเล่นงานเข้า จนเป็นไข้หมดสติไป โชคดีที่นายพรานเงียมหงันกำลังพาเล่าเจี้ยงกับกองทหาร ล่าสัตว์ผ่านทางมาพบเข้า จึงช่วยชีวิตไว้ และวางใจมอบตำแหน่งทางทหารให้ดูแลแทนงานมือปราบ ซึ่งฮองตงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งยังชักชวนเงียมหงัน ผู้มีพระคุณนั้น ให้เข้ามารับราชการด้วยอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นสองนักรบคู่หู กำลังสำคัญให้กับเล่าเจี้ยงมาเนิ่นนาน
ผู้วิเศษกระเรียน อาศัยการพรางกายลอบวางยาพิษในลำธาร และเผาเสบียงในกองทัพของเล่าเจี้ยงอย่างง่ายดาย ทำให้แม่ทัพสูงวัยฝ่ายเล่าเจี้ยงทั้งสองคนต่างชะลอทัพให้ช้าลง เพื่อดูท่าทีของเตียวล่อ พันธมิตรอีกฝ่ายหนึ่ง แต่เตียวล่อกลับตีความไปว่า ทัพเล่าเจี้ยง หาเหตุถ่วงเวลา ไม่ได้เต็มใจไปร่วมรบ จึงพลอยระแวง และตั้งทัพรั้งรอไปด้วยอีกข้างหนึ่ง ทำให้ฝ่าย ป้องกันอย่างแฮหัวเอี๋ยน โจหยิน และกาเซี่ยงมีเวลาในการตั้งรับและซ้อมรบได้ อย่างสบายใจ ไม่เปลืองเรี่ยวแรง
ที่จริงแล้ว เตียวล่อ ดาวปกครองแห่งกลุมสัตตดารา ยึดครองเมืองฮั่นตงมาเนิ่นนาน จนเริ่มเคยชินกับความสุขสบายตามแบบฉบับเจ้านครทั่วไป แลเห็นแต่ความพยายามที่สูญเปล่าของพรรคฟ้าเหลือง และกลุ่มสัตตดาราบ่อยครั้งจนเหนื่อยหน่าย จึงไม่ใคร่เต็มใจให้ความร่วมมือกับท่านประมุขจูล่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ทางหนึ่งก็ยังไม่กล้าแสดงตนออกมาให้ชัดเจนเกินไป เมื่อมีสาเหตุให้บ่ายเบี่ยงการศึกได้ จึงรีบใช้โอกาสนั้นทันที
หากนับเตียวสิ้วแห่งอ้วนเซียที่ตายไปก่อน และเตียวล่อแห่งฮั่นตงที่เริ่มตีตนออกห่างแล้ว กลุ่มสัตตดาราก็เท่ากับสูญเสียเมืองที่มั่นทั้งสองเมืองไปในเวลาไล่เลี่ยกัน คงเหลือแต่ประเภท กุนซือ ขุนพล และนางงามที่แฝงตัวอยู่ตามขุมกำลังต่างๆเท่านั้นแล้ว เป็นสาเหตุให้การทำงานใต้ดินของขุมกำลังนี้เริ่มเกิดปัญหาแล้ว
...
ฝ่ายนางแอ่นเตียวหุยกับเหยี่ยวดำลอบปลอมปนเป็นนายกองในกองทัพของเล่าเปียว ชักนำให้กองทหารของทัพซุนกวนเคลื่อนเข้าไปใกล้กองทัพฝ่ายเล่าเปียวจนผิดสังเกต สร้างความระแวงให้กับชัวมอ เตียวอุ๋น แม่ทัพฝ่ายเล่าเปียว จนต้องส่งคนติดตามความเคลื่อนไหวของทัพซุนกวนอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ฝ่ายซุนฮกมีปัจจัยซ่อนเร้นในการช่วยเหลือฝ่ายซุนกวนเป็นทุนเดิม จึงผลักดันให้ แฮหัวตุ้น โจหอง ยกทัพเข้าปะทะกับชัวมอ เตียวอุ๋นในทันที ทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อกองทัพของจิวยี่ อุยกายมาถึง ซุนฮกจึงให้ยกทัพกลับไป ตั้งรับนิ่งเฉยเสีย ทำให้ทัพเล่าเปียวอ่อนล้า ทัพซุนกวนสดชื่น เป็นที่ขัดตาขัดใจของฝ่ายเล่าเปียวเป็นยิ่งนัก จนสงสัยในท่าทีของทัพซุนกวนมากยิ่งขึ้น
เพื่อแสดงความจริงใจในการร่วมรบแบบพันธมิตรระหว่างซุนกวนกับเล่าเปียว ในค่ำคืนนั้น จิวยี่ พร้อมกับไทสูจู้ กำเหลง จิวท่าย นำทหารจำนวนน้อย จัดทัพแบบ กองโจรตามแบบที่ฝ่ายกังตั๋งถนัด ลอบบุกเข้าไปหมายจะสังหารคนสำคัญ ในกองทัพอย่างเช่น แฮหัวตุ้น โจหอง และซุนฮก สักคนสองคน แต่เหมือนกับซุนฮกจะเตรียมพร้อมการตั้งรับ ไว้ก่อนแล้ว จัดวางกองทหารยาม ซ้อนเป็นวงๆหลายชั้น พวกจิวยี่จึงไม่อาจบุกเข้าไปถึงวงในได้อย่างที่คาดหวัง และการต่อสู้ยืดเยื้อกันไปจนเกือบสว่าง จนทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ อาบเลือดกันถ้วนหน้า พวกจิวยี่เองก็ล้มตายจนเหลือเพียงไม่กี่สิบคนแล้ว
ครั้นฟ้าสว่างจนเห็นว่าใครเป็นใครชัดตา ซุนฮกกลับสั่งการให้เปิดทางถอยแก่ข้าศึก โดยอ้างกับแฮหัวตุ้นว่า เป็นเพียงนายทหารไร้ชื่อเสียงเพียงไม่กี่คน จึงให้ปล่อยไปเสียก่อน จะทำให้ฝ่ายเล่าเปียว เกิดความระแวงสงสัย การศึกด้านใต้นี้ก็จะผ่อนคลายลง
ด้วยเหตุนี้ พวกจิวยี่จึงรอดตัวจากความตายไปอย่างหวุดหวิดที่สุด ด้วยความคิดพิสดารของซุนฮกคนเดียวแท้ๆ ฤาซุนฮกตาต่ำ ดูไม่ออกว่า นี่คือ พวกขุนพลชั้นเอกของพวกกังตั๋งแทบทั้งสิ้น
แต่เมื่อทัพเล่าเปียว ซุนกวนต่างก็มีการสูญเสีย และเกิดความหวาดระแวงต่อกัน การศึกทางด้านใต้นี้ จึงตกอยู่ในภาวะตั้งยันกันต่อไปตามแผนของซุนฮกอีกเช่นกัน นับว่า ซุนฮกลงทุนครั้งนี้ ไม่เสียเปล่าจริงๆ
...
ทางด้านอีกากับฮัวโต๋ กลับปล่อยทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว คือ งันเหลียง บุนทิว เดินทัพ ผ่านเลยออกไป เป้าหมายของทั้งสองคือการมุ่งหน้าไปสกัดทัพหลวงของโจโฉ โดยหมอฮัวโต๋แยกไปทางต้นลำธาร เพื่อลอบวางยาพิษในน้ำดื่ม ส่วนอีกานั้น ปีนขึ้นเขาไปเพื่อเรียกพายุฝนมาสกัดให้ทัพหลวงเดินทางด้วยความลำบาก และบังคับให้ต้องหยุดพักทัพลงในจุดที่มีลำธารพิษไหลผ่านทางด้านหลังพอดี
หน้าผาแห่งนี้ ในอดีต เคยเป็นสถานที่ที่พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ตั้งทัพ และเอาชนะศึกเผ่าซงหนูในอดีตกาล รอยจารึกเฉลิมพระเกียรติยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจน ขณะที่อีกากำลังชื่นชมทิวทัศน์ และผลงานการเรียกลมฝนของตนเองอยู่นั้น เสียงยะเยียบก็ดังขึ้นด้านหลัง
“เมื่อเห็นเค้าฝนใหญ่เคลื่อนมาใกล้ทัพ ข้าก็นึกได้แล้วว่าจะเจอเจ้าที่นี่ อีกาน้อย”
อีกาสะดุ้งใจ เมื่อหันมาเผชิญหน้ากับอ้วนเสี้ยวในชุดขุนศึกเต็มยศ ประกายรังสี อำมหิตชัดเจนจนไม่ต้องคาดเดาอันใดอีก คราวนี้ คงเป็นวาระตัดสินชีวิตของเขาแล้ว
“พี่ท่านคิดจะฝืนชะตาฟ้าดินจริงหรือ ท่านลืมคำสาบานต่อองค์การเราแล้วหรือ” อีกาลองท้วงติงครั้งสุดท้าย
“ความคิดของข้า คือ ลิขิตใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์ ใครขวางข้า ต้องตาย”
“ความตายของข้า จะทำให้ท่านกลับตัวกลับใจไม่ได้อีกแล้ว”
“ข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกันกับเจ้า อีกาน้อย เดินหน้าเปลี่ยนแปลง ไม่คิดเปลี่ยนใจ”
กระบี่ของอ้วนเสี้ยวพุ่งตรงเข้าใส่หน้าอกของอีกาอย่างแรง ปลิดชีพคนในหน่วยปักษาสวรรค์คนแรกในทันที พร้อมกับเสียงฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงลงที่ก้อนหินด้านหลังอ้วนเสี้ยว เหมือนพลาดเป้าหมายที่มุ่งหวังไปอย่างเฉียดฉิว
ที่แท้ อีกาก็พยายามใช้ความสามารถพิเศษของตนในการพลิกสถานการณ์เช่นกัน แต่ช้าไปเพียงชั่ววูบเดียวเท่านั้น
“คนที่ป้องกันได้ยากสำหรับกองทัพรูปแบบโบราณเช่นนี้ มีเพียงสามคน อีกา ผู้เรียกลมฝนได้ ก็ตายไปแล้ว อีกคนก็คือ กระเรียน ผู้วิเศษนักล่องหนนั่นเอง ส่วนอินทรี ผู้นำหน่วย จะยังไม่ปรากฏกาย อีกนานหลายปีตามแผนที่ระบุไว้ นอกนั้น ก็เพียงต่อสู้กันด้วยการรบ หรือเป็นพวก หัวสมอง ความสามารถเฉพาะด้าน ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง” อ้วนเสี้ยวพึมพำเบาๆ ขณะเดินจากไป
หมอฮัวโต๋ แอบซ่อนกายในพุ่มไม้ด้านหลัง ตัวสั่นระริก แต่สงบเสียงไว้ มองเห็นเหตุการณ์ ฆ่าฟันโดยตลอดอย่างหวาดกลัวเป็นที่สุด หน่วยปักษาสวรรค์เริ่มฆ่าฟันกันเองเสียแล้ว
การที่คนในหน่วยปักษาสวรรค์แตกแยก ทำลายล้างกัน ย่อมกระทบต่อแผนการที่วางไว้ หากเป็นเช่นนี้ พวกมันคงต้องปรับเปลี่ยนแผนไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า ไม่อาจพึ่งพาแผนเดิมที่ต้นสังกัดเตรียมการไว้เสียแล้ว
...
จินตนิยายสามก๊ก 2013 (ฉบับปรับปรุงใหม่) - ปักษาก่อกวนทัพ
ผู้วิเศษกระเรียน อาศัยการพรางกายลอบวางยาพิษในลำธาร และเผาเสบียงในกองทัพของเล่าเจี้ยงอย่างง่ายดาย ทำให้แม่ทัพสูงวัยฝ่ายเล่าเจี้ยงทั้งสองคนต่างชะลอทัพให้ช้าลง เพื่อดูท่าทีของเตียวล่อ พันธมิตรอีกฝ่ายหนึ่ง แต่เตียวล่อกลับตีความไปว่า ทัพเล่าเจี้ยง หาเหตุถ่วงเวลา ไม่ได้เต็มใจไปร่วมรบ จึงพลอยระแวง และตั้งทัพรั้งรอไปด้วยอีกข้างหนึ่ง ทำให้ฝ่าย ป้องกันอย่างแฮหัวเอี๋ยน โจหยิน และกาเซี่ยงมีเวลาในการตั้งรับและซ้อมรบได้ อย่างสบายใจ ไม่เปลืองเรี่ยวแรง
ที่จริงแล้ว เตียวล่อ ดาวปกครองแห่งกลุมสัตตดารา ยึดครองเมืองฮั่นตงมาเนิ่นนาน จนเริ่มเคยชินกับความสุขสบายตามแบบฉบับเจ้านครทั่วไป แลเห็นแต่ความพยายามที่สูญเปล่าของพรรคฟ้าเหลือง และกลุ่มสัตตดาราบ่อยครั้งจนเหนื่อยหน่าย จึงไม่ใคร่เต็มใจให้ความร่วมมือกับท่านประมุขจูล่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ทางหนึ่งก็ยังไม่กล้าแสดงตนออกมาให้ชัดเจนเกินไป เมื่อมีสาเหตุให้บ่ายเบี่ยงการศึกได้ จึงรีบใช้โอกาสนั้นทันที
หากนับเตียวสิ้วแห่งอ้วนเซียที่ตายไปก่อน และเตียวล่อแห่งฮั่นตงที่เริ่มตีตนออกห่างแล้ว กลุ่มสัตตดาราก็เท่ากับสูญเสียเมืองที่มั่นทั้งสองเมืองไปในเวลาไล่เลี่ยกัน คงเหลือแต่ประเภท กุนซือ ขุนพล และนางงามที่แฝงตัวอยู่ตามขุมกำลังต่างๆเท่านั้นแล้ว เป็นสาเหตุให้การทำงานใต้ดินของขุมกำลังนี้เริ่มเกิดปัญหาแล้ว
...
ฝ่ายนางแอ่นเตียวหุยกับเหยี่ยวดำลอบปลอมปนเป็นนายกองในกองทัพของเล่าเปียว ชักนำให้กองทหารของทัพซุนกวนเคลื่อนเข้าไปใกล้กองทัพฝ่ายเล่าเปียวจนผิดสังเกต สร้างความระแวงให้กับชัวมอ เตียวอุ๋น แม่ทัพฝ่ายเล่าเปียว จนต้องส่งคนติดตามความเคลื่อนไหวของทัพซุนกวนอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ฝ่ายซุนฮกมีปัจจัยซ่อนเร้นในการช่วยเหลือฝ่ายซุนกวนเป็นทุนเดิม จึงผลักดันให้ แฮหัวตุ้น โจหอง ยกทัพเข้าปะทะกับชัวมอ เตียวอุ๋นในทันที ทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อกองทัพของจิวยี่ อุยกายมาถึง ซุนฮกจึงให้ยกทัพกลับไป ตั้งรับนิ่งเฉยเสีย ทำให้ทัพเล่าเปียวอ่อนล้า ทัพซุนกวนสดชื่น เป็นที่ขัดตาขัดใจของฝ่ายเล่าเปียวเป็นยิ่งนัก จนสงสัยในท่าทีของทัพซุนกวนมากยิ่งขึ้น
เพื่อแสดงความจริงใจในการร่วมรบแบบพันธมิตรระหว่างซุนกวนกับเล่าเปียว ในค่ำคืนนั้น จิวยี่ พร้อมกับไทสูจู้ กำเหลง จิวท่าย นำทหารจำนวนน้อย จัดทัพแบบ กองโจรตามแบบที่ฝ่ายกังตั๋งถนัด ลอบบุกเข้าไปหมายจะสังหารคนสำคัญ ในกองทัพอย่างเช่น แฮหัวตุ้น โจหอง และซุนฮก สักคนสองคน แต่เหมือนกับซุนฮกจะเตรียมพร้อมการตั้งรับ ไว้ก่อนแล้ว จัดวางกองทหารยาม ซ้อนเป็นวงๆหลายชั้น พวกจิวยี่จึงไม่อาจบุกเข้าไปถึงวงในได้อย่างที่คาดหวัง และการต่อสู้ยืดเยื้อกันไปจนเกือบสว่าง จนทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ อาบเลือดกันถ้วนหน้า พวกจิวยี่เองก็ล้มตายจนเหลือเพียงไม่กี่สิบคนแล้ว
ครั้นฟ้าสว่างจนเห็นว่าใครเป็นใครชัดตา ซุนฮกกลับสั่งการให้เปิดทางถอยแก่ข้าศึก โดยอ้างกับแฮหัวตุ้นว่า เป็นเพียงนายทหารไร้ชื่อเสียงเพียงไม่กี่คน จึงให้ปล่อยไปเสียก่อน จะทำให้ฝ่ายเล่าเปียว เกิดความระแวงสงสัย การศึกด้านใต้นี้ก็จะผ่อนคลายลง
ด้วยเหตุนี้ พวกจิวยี่จึงรอดตัวจากความตายไปอย่างหวุดหวิดที่สุด ด้วยความคิดพิสดารของซุนฮกคนเดียวแท้ๆ ฤาซุนฮกตาต่ำ ดูไม่ออกว่า นี่คือ พวกขุนพลชั้นเอกของพวกกังตั๋งแทบทั้งสิ้น
แต่เมื่อทัพเล่าเปียว ซุนกวนต่างก็มีการสูญเสีย และเกิดความหวาดระแวงต่อกัน การศึกทางด้านใต้นี้ จึงตกอยู่ในภาวะตั้งยันกันต่อไปตามแผนของซุนฮกอีกเช่นกัน นับว่า ซุนฮกลงทุนครั้งนี้ ไม่เสียเปล่าจริงๆ
...
ทางด้านอีกากับฮัวโต๋ กลับปล่อยทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว คือ งันเหลียง บุนทิว เดินทัพ ผ่านเลยออกไป เป้าหมายของทั้งสองคือการมุ่งหน้าไปสกัดทัพหลวงของโจโฉ โดยหมอฮัวโต๋แยกไปทางต้นลำธาร เพื่อลอบวางยาพิษในน้ำดื่ม ส่วนอีกานั้น ปีนขึ้นเขาไปเพื่อเรียกพายุฝนมาสกัดให้ทัพหลวงเดินทางด้วยความลำบาก และบังคับให้ต้องหยุดพักทัพลงในจุดที่มีลำธารพิษไหลผ่านทางด้านหลังพอดี
หน้าผาแห่งนี้ ในอดีต เคยเป็นสถานที่ที่พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ตั้งทัพ และเอาชนะศึกเผ่าซงหนูในอดีตกาล รอยจารึกเฉลิมพระเกียรติยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจน ขณะที่อีกากำลังชื่นชมทิวทัศน์ และผลงานการเรียกลมฝนของตนเองอยู่นั้น เสียงยะเยียบก็ดังขึ้นด้านหลัง
“เมื่อเห็นเค้าฝนใหญ่เคลื่อนมาใกล้ทัพ ข้าก็นึกได้แล้วว่าจะเจอเจ้าที่นี่ อีกาน้อย”
อีกาสะดุ้งใจ เมื่อหันมาเผชิญหน้ากับอ้วนเสี้ยวในชุดขุนศึกเต็มยศ ประกายรังสี อำมหิตชัดเจนจนไม่ต้องคาดเดาอันใดอีก คราวนี้ คงเป็นวาระตัดสินชีวิตของเขาแล้ว
“พี่ท่านคิดจะฝืนชะตาฟ้าดินจริงหรือ ท่านลืมคำสาบานต่อองค์การเราแล้วหรือ” อีกาลองท้วงติงครั้งสุดท้าย
“ความคิดของข้า คือ ลิขิตใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์ ใครขวางข้า ต้องตาย”
“ความตายของข้า จะทำให้ท่านกลับตัวกลับใจไม่ได้อีกแล้ว”
“ข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกันกับเจ้า อีกาน้อย เดินหน้าเปลี่ยนแปลง ไม่คิดเปลี่ยนใจ”
กระบี่ของอ้วนเสี้ยวพุ่งตรงเข้าใส่หน้าอกของอีกาอย่างแรง ปลิดชีพคนในหน่วยปักษาสวรรค์คนแรกในทันที พร้อมกับเสียงฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงลงที่ก้อนหินด้านหลังอ้วนเสี้ยว เหมือนพลาดเป้าหมายที่มุ่งหวังไปอย่างเฉียดฉิว
ที่แท้ อีกาก็พยายามใช้ความสามารถพิเศษของตนในการพลิกสถานการณ์เช่นกัน แต่ช้าไปเพียงชั่ววูบเดียวเท่านั้น
“คนที่ป้องกันได้ยากสำหรับกองทัพรูปแบบโบราณเช่นนี้ มีเพียงสามคน อีกา ผู้เรียกลมฝนได้ ก็ตายไปแล้ว อีกคนก็คือ กระเรียน ผู้วิเศษนักล่องหนนั่นเอง ส่วนอินทรี ผู้นำหน่วย จะยังไม่ปรากฏกาย อีกนานหลายปีตามแผนที่ระบุไว้ นอกนั้น ก็เพียงต่อสู้กันด้วยการรบ หรือเป็นพวก หัวสมอง ความสามารถเฉพาะด้าน ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง” อ้วนเสี้ยวพึมพำเบาๆ ขณะเดินจากไป
หมอฮัวโต๋ แอบซ่อนกายในพุ่มไม้ด้านหลัง ตัวสั่นระริก แต่สงบเสียงไว้ มองเห็นเหตุการณ์ ฆ่าฟันโดยตลอดอย่างหวาดกลัวเป็นที่สุด หน่วยปักษาสวรรค์เริ่มฆ่าฟันกันเองเสียแล้ว
การที่คนในหน่วยปักษาสวรรค์แตกแยก ทำลายล้างกัน ย่อมกระทบต่อแผนการที่วางไว้ หากเป็นเช่นนี้ พวกมันคงต้องปรับเปลี่ยนแผนไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า ไม่อาจพึ่งพาแผนเดิมที่ต้นสังกัดเตรียมการไว้เสียแล้ว
...