credit : FB คุณนิ้วโป้ง Fundamental VI
------
คำถามซุปเปอร์คลาสสิก คือ ควรลงทุนหุ้นตัวไหนดี ?
ซึ่งผมคิดว่า เราควรตั้งคำถามว่า จะลงทุนหุ้น "แบบไหน" จะดีกว่า
หุ้นที่ผมคิดว่ามันน่าลงทุนมากๆ คือหุ้น "เหินฟ้า"
เครื่องบินที่อยู่บนพื้น มันต้องออกแรงวิ่งมหาศาล จนความเร็วได้ระดับ (จำได้ว่า 240 km/hr) จนเกิดสภาวะยกตัว ต้านลมต้านอากาศ จนกระทั่ง ลอยเหนือน่านฟ้า
เครื่องบินที่จะบินขึ้นได้ ต้องมีทั้ง "เครื่องยนต์ที่ดี" และมี "ระยะเวลา"ในการวิ่งบนรันเวย์
เครื่องยนต์ดี คือ "Good Asset" หุ้นตัวนั้นต้องเป็นเจ้าของ Asset ที่ใช้หากินได้ดี มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และโดยส่วนตัว ผมชอบ Asset ใหญ่ๆลงทุนสูงในช่วงแรก หรือที่เรียกกันว่า Capital Intensive เช่น กิจการโทรคมนาคม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สนามบิน ...เหล่านี้คือหุ้นที่ต้องลงทุนหนักๆตั้งแต่เริ่มกิจการ
จุดสำคัญคือเราต้องให้"เวลา" กิจการได้วิ่งบนรันเวย์ ระยะหนึ่ง เมื่อถึงจุดนึง มันจะเทคออฟขึ้นไป กิจการแบบนี้มักจะลงทุนหนักเพื่อสร้างฐานสินทรัพย์ในช่วง 2-3 ปี แรกๆ แล้วยังใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่รายได้ จะค่อยๆมา cover ต้นทุน CAPEX
ช่วงเริ่มใหม่ๆ รายได้จะโตช้า (ลองนึกถึงอพาร์ทเม้นท์ 80 ห้อง เปิดปุ๊บ มันคงไม่เต็มปั๊บ ... ต้องค่อยๆทำไปเรื่อง จนเป็นที่รู้จัก กว่าห้องพักจะเต็ม) กำไรสุทธิก็ไม่ค่อยมีเหลือเพราะค่าเสื่อมกินหมด แถม CAPEX งบลงทุนยังต้องใส่เข้าไปเรื่อยๆอีก
ผมว่า นั่นคือ "ช่วง เก็บ สะสม หุ้น" ครับ จริงอยู่ที่ว่า เป็นช่วงที่ กำไรสุทธิไม่ดี เงินสดก็ตึงมือ ใช้มากกว่ารับ ... แต่ถ้าเรามั่นใจในภาพ 2-3 ปี ว่างบลงทุนจะค่อยๆลดลง ค่าเสื่อมจะทยอยตัด และเมื่อตัดหม่ด... รายได้ที่เพิ่มมันจะยิงตรงมาที่กำไรสุทธิ (bottom line) ทันที
ขอยกตัวอย่างหุ้น "A" มีลักษณะหุ้นเหินฟ้าทุกประการ
ปี52 net profit margin = 3%
ปี53 net profit margin = 5.59%
ปี54 net profit margin = 8.55%
ปี55 net profit margin = 20.01%
ปี56(Q2) net profit margin = 35.19%
กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นๆปีแล้วปีเล่า... และราคาหุ้น ก็ "เหินฟ้า" ไปแล้วครับ ได้แต่มองตาม มันลิบๆ
หุ้นที่ควรลงทุน
------
คำถามซุปเปอร์คลาสสิก คือ ควรลงทุนหุ้นตัวไหนดี ?
ซึ่งผมคิดว่า เราควรตั้งคำถามว่า จะลงทุนหุ้น "แบบไหน" จะดีกว่า
หุ้นที่ผมคิดว่ามันน่าลงทุนมากๆ คือหุ้น "เหินฟ้า"
เครื่องบินที่อยู่บนพื้น มันต้องออกแรงวิ่งมหาศาล จนความเร็วได้ระดับ (จำได้ว่า 240 km/hr) จนเกิดสภาวะยกตัว ต้านลมต้านอากาศ จนกระทั่ง ลอยเหนือน่านฟ้า
เครื่องบินที่จะบินขึ้นได้ ต้องมีทั้ง "เครื่องยนต์ที่ดี" และมี "ระยะเวลา"ในการวิ่งบนรันเวย์
เครื่องยนต์ดี คือ "Good Asset" หุ้นตัวนั้นต้องเป็นเจ้าของ Asset ที่ใช้หากินได้ดี มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และโดยส่วนตัว ผมชอบ Asset ใหญ่ๆลงทุนสูงในช่วงแรก หรือที่เรียกกันว่า Capital Intensive เช่น กิจการโทรคมนาคม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สนามบิน ...เหล่านี้คือหุ้นที่ต้องลงทุนหนักๆตั้งแต่เริ่มกิจการ
จุดสำคัญคือเราต้องให้"เวลา" กิจการได้วิ่งบนรันเวย์ ระยะหนึ่ง เมื่อถึงจุดนึง มันจะเทคออฟขึ้นไป กิจการแบบนี้มักจะลงทุนหนักเพื่อสร้างฐานสินทรัพย์ในช่วง 2-3 ปี แรกๆ แล้วยังใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่รายได้ จะค่อยๆมา cover ต้นทุน CAPEX
ช่วงเริ่มใหม่ๆ รายได้จะโตช้า (ลองนึกถึงอพาร์ทเม้นท์ 80 ห้อง เปิดปุ๊บ มันคงไม่เต็มปั๊บ ... ต้องค่อยๆทำไปเรื่อง จนเป็นที่รู้จัก กว่าห้องพักจะเต็ม) กำไรสุทธิก็ไม่ค่อยมีเหลือเพราะค่าเสื่อมกินหมด แถม CAPEX งบลงทุนยังต้องใส่เข้าไปเรื่อยๆอีก
ผมว่า นั่นคือ "ช่วง เก็บ สะสม หุ้น" ครับ จริงอยู่ที่ว่า เป็นช่วงที่ กำไรสุทธิไม่ดี เงินสดก็ตึงมือ ใช้มากกว่ารับ ... แต่ถ้าเรามั่นใจในภาพ 2-3 ปี ว่างบลงทุนจะค่อยๆลดลง ค่าเสื่อมจะทยอยตัด และเมื่อตัดหม่ด... รายได้ที่เพิ่มมันจะยิงตรงมาที่กำไรสุทธิ (bottom line) ทันที
ขอยกตัวอย่างหุ้น "A" มีลักษณะหุ้นเหินฟ้าทุกประการ
ปี52 net profit margin = 3%
ปี53 net profit margin = 5.59%
ปี54 net profit margin = 8.55%
ปี55 net profit margin = 20.01%
ปี56(Q2) net profit margin = 35.19%
กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นๆปีแล้วปีเล่า... และราคาหุ้น ก็ "เหินฟ้า" ไปแล้วครับ ได้แต่มองตาม มันลิบๆ