ปกติหนังที่กระแสแย่ๆแต่เราอยากดู พอทำใจไปก่อนส่วนมากจะพอผ่านไปได้
อาศัยเลือกดูเฉพาะส่วนที่อยากดู ที่เหลือคิดซะว่าของแถม ผมเป็นแฟนหนังแอ๊คชั่น
แบบดูจริง สะใจ หนังของจาก็ชอบหลายเรื่อง องค์บากน่าจะดีสุด
แต่กับต้มยำกุ้ง 2 นี่ขนาดเผื่อแล้วเผื่ออีกยังรับไม่ได้กับสิ่งที่ต้องใช้คำว่าทนดู!
ต้องใช้คำว่าทนดูจริงๆ เพราะไม่คิดว่านี่คือบทหนังที่สร้างในยุคนี้ จะว่าเป็นบทแบบซื่อๆ
เน้นเข้าฉากแอ๊คชั่นก็ไม่ได้ ต้องใช้คำว่ามักง่ายกันเลยทีเดียว
เปิดฉากแรกมาก็โดนเลย มีอย่างที่ไหนจะเล่าว่ามวยของจาไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน
ก็ให้ชาวบ้านเดินมาด่าซะอย่างงั้น หาวิธีแยบยลกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ หรือดึงจังหวะบ้าง
ฉากแบบนี้มันต้องสร้างความกดดันให้ตัวเอกสิ ไม่ใช่ใส่มาแล้วก็ผ่านเลยไป
แผลใหญ่มากอีกแผลตอนช้างโดนขโมยไป หลังจากตัวร้ายที่กรุงเทพโทรศัพท์เสร็จ กล้องตัดไป
จับที่เพดานเหมือนจะมีอะไร จู่ๆก็ตัดไปที่จาขึ้นมาเจอตัวร้ายนั่งเก้าอี้ตายซะงั้น ขอโทษ ถ่ายมาไม่พอเหรอ?
แล้วจะรีบไปไหน? มากรุงเทพในพริบตายังกะหายตัวมา
หลังจากนั้นก็ผจญกับ CG แบบกระป๋องๆ ขนาดไม่สังเกตยังแทบทะลุออกมาทิ่มตายิ่งกว่า 3D อีก
แทนที่จะขายจุดแข็งที่แสดงจริงเจ็บจริง กลับไปใส่ CG ที่แข่งกับใครไม่ได้ให้หมดค่าซะอย่างนั้น
ไม่รู้คิดอะไรอยู่ เสียดายวัตถุดิบดีๆ
หนังมีเหตุผล แต่มีก็เหมือนไม่มี ใส่ๆมาคั่นฉากแอ๊คชั่นเท่านั้น ราวกับบทหนังติดเรททั้งหลาย
ที่มีไว้กดผ่านไป แถมทิ้งคำถามไว้ในหัวมากมายจนหลุดออกมาจากเรื่องเป็นระยะ
ฉากที่เป็นจุดขายอย่างฉากแว๊นซ์ก็ดูตลกๆ เหมือนแก๊งแว๊นซ์นี่ตัวติดกับมอเตอร์ไซค์ เอะอะก็ต้องพุ่งชน
แล้วก็ไม่โดน หรือชนกันเอง ฉากรางรถไฟฟ้าที่คุยว่าแก้ปัญหาเรื่องนักแสดงไม่ยอมถอดรองเท้านี่ยิ่งตลก
ตอนแรกนึกว่าเป็นรางรถไฟแบบแคบๆเลยต้องยืนบนราง นี่อะไรกว้างยังกะสนามบาส ทำไมต้องไปยืนสู้กัน
ให้ไฟดูดเล่น? รถไฟอีก ชินคันเซนเรอะ จะเร็วไปไหน?
ฉากจบก็ เฮ่อ...พอแล้ว ขออภัยที่ระบายยาวเลย เสียดายเงินและเวลาจริงๆ นี่ถ้าเปลี่ยนทิศทางของเรื่อง
เน้นไปที่รายละเอียดอื่นๆในเรื่องบ้างจะช่วยให้ฉากแอ๊คชั่นน่ารอคอยกว่านี้ หนังแอ๊คชั่นที่มีแต่ฉากแอ๊คชั่น
ก็ไม่ต่างอะไรจากโชว์รีลบริษัทสตั๊นท์ดีๆนี่เอง
ต้มยำกุ้ง 2 ความผิดพลาดของพ่อครัวหรือคนคิดสูตร? (สปอยล์เละ)
อาศัยเลือกดูเฉพาะส่วนที่อยากดู ที่เหลือคิดซะว่าของแถม ผมเป็นแฟนหนังแอ๊คชั่น
แบบดูจริง สะใจ หนังของจาก็ชอบหลายเรื่อง องค์บากน่าจะดีสุด
แต่กับต้มยำกุ้ง 2 นี่ขนาดเผื่อแล้วเผื่ออีกยังรับไม่ได้กับสิ่งที่ต้องใช้คำว่าทนดู!
ต้องใช้คำว่าทนดูจริงๆ เพราะไม่คิดว่านี่คือบทหนังที่สร้างในยุคนี้ จะว่าเป็นบทแบบซื่อๆ
เน้นเข้าฉากแอ๊คชั่นก็ไม่ได้ ต้องใช้คำว่ามักง่ายกันเลยทีเดียว
เปิดฉากแรกมาก็โดนเลย มีอย่างที่ไหนจะเล่าว่ามวยของจาไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน
ก็ให้ชาวบ้านเดินมาด่าซะอย่างงั้น หาวิธีแยบยลกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ หรือดึงจังหวะบ้าง
ฉากแบบนี้มันต้องสร้างความกดดันให้ตัวเอกสิ ไม่ใช่ใส่มาแล้วก็ผ่านเลยไป
แผลใหญ่มากอีกแผลตอนช้างโดนขโมยไป หลังจากตัวร้ายที่กรุงเทพโทรศัพท์เสร็จ กล้องตัดไป
จับที่เพดานเหมือนจะมีอะไร จู่ๆก็ตัดไปที่จาขึ้นมาเจอตัวร้ายนั่งเก้าอี้ตายซะงั้น ขอโทษ ถ่ายมาไม่พอเหรอ?
แล้วจะรีบไปไหน? มากรุงเทพในพริบตายังกะหายตัวมา
หลังจากนั้นก็ผจญกับ CG แบบกระป๋องๆ ขนาดไม่สังเกตยังแทบทะลุออกมาทิ่มตายิ่งกว่า 3D อีก
แทนที่จะขายจุดแข็งที่แสดงจริงเจ็บจริง กลับไปใส่ CG ที่แข่งกับใครไม่ได้ให้หมดค่าซะอย่างนั้น
ไม่รู้คิดอะไรอยู่ เสียดายวัตถุดิบดีๆ
หนังมีเหตุผล แต่มีก็เหมือนไม่มี ใส่ๆมาคั่นฉากแอ๊คชั่นเท่านั้น ราวกับบทหนังติดเรททั้งหลาย
ที่มีไว้กดผ่านไป แถมทิ้งคำถามไว้ในหัวมากมายจนหลุดออกมาจากเรื่องเป็นระยะ
ฉากที่เป็นจุดขายอย่างฉากแว๊นซ์ก็ดูตลกๆ เหมือนแก๊งแว๊นซ์นี่ตัวติดกับมอเตอร์ไซค์ เอะอะก็ต้องพุ่งชน
แล้วก็ไม่โดน หรือชนกันเอง ฉากรางรถไฟฟ้าที่คุยว่าแก้ปัญหาเรื่องนักแสดงไม่ยอมถอดรองเท้านี่ยิ่งตลก
ตอนแรกนึกว่าเป็นรางรถไฟแบบแคบๆเลยต้องยืนบนราง นี่อะไรกว้างยังกะสนามบาส ทำไมต้องไปยืนสู้กัน
ให้ไฟดูดเล่น? รถไฟอีก ชินคันเซนเรอะ จะเร็วไปไหน?
ฉากจบก็ เฮ่อ...พอแล้ว ขออภัยที่ระบายยาวเลย เสียดายเงินและเวลาจริงๆ นี่ถ้าเปลี่ยนทิศทางของเรื่อง
เน้นไปที่รายละเอียดอื่นๆในเรื่องบ้างจะช่วยให้ฉากแอ๊คชั่นน่ารอคอยกว่านี้ หนังแอ๊คชั่นที่มีแต่ฉากแอ๊คชั่น
ก็ไม่ต่างอะไรจากโชว์รีลบริษัทสตั๊นท์ดีๆนี่เอง