***ภาพทั้งหมดถ่ายจากกล้อง iPhone ครับ***
เรื่องมันเริ่มจากการที่ผมอยากไปแบ็คแพ็คครับ เว้นว่างจากการแบ็คแพ็คไปเกือบเครึ่งปีแล้ว
คิดอะไรไม่ออกก็แอร์เอเชีย ไปมาเลเซียไว้ก่อน
จองตั๋วต้นเดือน โดนไป 3109 บาทครับ เพิ่งไปเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง ผมแลกเงินไป 220 ริงกิตครับ
ห้องพักจองไว้แล้วที่ Tune Hotel Downtown โดนไป 88 ริงกิตมั้งถ้าจำไม่ผิด (เป็นห้องมีแอร์ มีทีวีครับ แต่แคบไปหน่อย อยู่คนเดียวก็โอเค)
เนื่องจากไปไฟลท์วันศุกร์เย็น เลิกงานเลยต้องรีบบึ่งจากอโศกไปดอนเมือง
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟฟ้าลงหมอชิตแล้วต่อแท็กซี่ขึ้นทางด่วนครับ
พอมาถึงก็ 6.30 ครับ เช็คอินในมือถือแล้วแต่ต้องเอาไปปรินท์ตั๋วก่อน เสียเวลาต่อคิวนิดหน่อย จากนั้นก็เข้าไปรอในเกตเลย
ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงครับ พอผ่าน ตม. มาเลเซียปุ๊บ สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกเลยคือ
ซื้อซิมการ์ดครับ เพราะชีวิตติด Facebook มาก 555
เอาล่ะ สำหรับคำแนะนำ (ที่ได้มาจากเพื่อนชาวมาเลอีกที) คือ เดินออกจาก ตม. มา จะเจอร้านมือถืออย่าเพิ่งซื้อที่นั่น
ให้เดินลงบันไดมา จะเจอร้านสีแดง ยี่ห้อ Hotlink อยู่ ให้ซื้อที่ร้านนี้
ผมโดนไป 500MB 5 วัน 20 ริงกิตครับ โอเคมากครับเพราะ อัพรูปบ่อย เช็คอินบ่อยเพราะเก็บเป็น record ว่าเราไปไหนแล้วบ้าง
พอออกจากสนามบิน ถ้าจะขึ้นรถบัสให้เดินไปตามทาง
ออกมาปุ๊บเลี้ยวซ้าย เดินไปตามทาง เลี้ยวขวา แล้วจะเจอที่ขึ้นรถบัสไป Kuala Lumpur ครับ
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็จะถึงสถานีรถไฟ KL Sentral จากนั้นผมนั่งแท็กซี่ไปโรงแรม
เนื่องจากถึงสถานีหลังเที่ยงคืนแล้ว ดังนั้น พี่แท็กเลยอัพค่าตัว
ระยะทางสั้นๆ เหมือนโดนปล้น จ่ายไป 25 ริงกิต จากตอนแรกที่พี่แกเรียก 30 ผมต่อรอง (เจอคนไทยต่อของสิ! 555)
แท็กซี่ที่นี่ค่อนข้างเก่านะครับ ทุกคันเลย และแท็กซี่ของแท้ต้องป้ายทะเบียนขึ้นต้นด้วย H เท่านั้น
ถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพในเวลาเพียง 5 นาที ข้างนอกสวยดี แต่ข้างใน... โอ้ว สมแล้วที่เป็น budget hotel ...ก็เอาเหอะ
ภาพโรงแรม ผ่านอีกทีตอนกลางวัน
ตื่นเช้ามาเจอกับภาพที่น่าประทับใจ เนื่องจากเป็นวันเสาร์เช้า คนยังไม่ตื่น เลยมีรถน้อย
ผมออกจากโรงแรม เดินไปสถานี monorail ไป KL Sentral อีกครั้ง เพื่อนั่งรถไฟ KTM ไปเจอเพื่อนที่ Shah Alam
สถานี Monorail
ภายในรถไฟ KTM
เจอเพื่อนปั๊บ ก็ไปกินข้าวกันครับ มื้อแรก บักกุแต๋ กินที่ Klang Teluk Pulai Bak Kut Teh เพื่อนบอกว่าที่ Klang เป็นต้นกำเนิดของอาหารชนิดนี้ครับ
จากนั้นเราไปที่ Istana Negara ครับ เป็นพระราชวังที่ใหญ่โตโอ่อ่ามาก แต่เข้าได้แค่ตรงประตู - -
ที่นี่มีพี่ยามทหารเหมือนวัดพระแก้วด้วย
//เมื่อยจัง ทำโยคะซะหน่อยดีกว่า
จากนั้นก็ไป National Monument ครับ สร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเป็นเกียรติแด่บรรพชนผู้เสียสละในสงคราม
เนื่องจากมาเลเซียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางประชากรครับ
ถ้าเราไปดูแค่ชาวมาเลก็คงจะไม่คุ้มสักเท่าไหร่
ไปตะลุย Little India ดีกว่านายจ๋า อีนี่อยู่เมืองแขก ต้องทำท่าแขกด้วยนะนาย
ต่อด้วย China Town ที่ไม่มีอะไร ของที่ขายก็หาได้ทั่วไป ดีไม่ดีที่ไทยถูกกว่าอีก ไปแค่ถ่ายรูปข้างหน้าละออกมาดีกว่า
ใกล้ๆ ไชน่าทาวน์จะมีถนนคนเดินครับ ชื่อ Kasturi Walk ติดกับ Central Market (ซึ่งจริงๆ คือ อันเดียวกัน แค่แบบ indoor กับ outdoor)
ถ้าจะซื้อของฝาก แนะนำที่นี่นะครับ ราคาถูกกว่าที่อื่น
โมเดลตึกแฝดอันเล็ก ข้างนอกแพง แต่ข้างใน Central Market แค่ 5 ริงกิตเองครับ
ซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ เสร็จแล้วไป KL City Gallery
ทำงานก่อน เดี๋ยวมาต่อครับ
แบ็คแพ็คสองวัน สุขสันต์ที่มาเลเซีย
เรื่องมันเริ่มจากการที่ผมอยากไปแบ็คแพ็คครับ เว้นว่างจากการแบ็คแพ็คไปเกือบเครึ่งปีแล้ว
คิดอะไรไม่ออกก็แอร์เอเชีย ไปมาเลเซียไว้ก่อน
จองตั๋วต้นเดือน โดนไป 3109 บาทครับ เพิ่งไปเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง ผมแลกเงินไป 220 ริงกิตครับ
ห้องพักจองไว้แล้วที่ Tune Hotel Downtown โดนไป 88 ริงกิตมั้งถ้าจำไม่ผิด (เป็นห้องมีแอร์ มีทีวีครับ แต่แคบไปหน่อย อยู่คนเดียวก็โอเค)
เนื่องจากไปไฟลท์วันศุกร์เย็น เลิกงานเลยต้องรีบบึ่งจากอโศกไปดอนเมือง
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟฟ้าลงหมอชิตแล้วต่อแท็กซี่ขึ้นทางด่วนครับ
พอมาถึงก็ 6.30 ครับ เช็คอินในมือถือแล้วแต่ต้องเอาไปปรินท์ตั๋วก่อน เสียเวลาต่อคิวนิดหน่อย จากนั้นก็เข้าไปรอในเกตเลย
ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงครับ พอผ่าน ตม. มาเลเซียปุ๊บ สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกเลยคือ
ซื้อซิมการ์ดครับ เพราะชีวิตติด Facebook มาก 555
เอาล่ะ สำหรับคำแนะนำ (ที่ได้มาจากเพื่อนชาวมาเลอีกที) คือ เดินออกจาก ตม. มา จะเจอร้านมือถืออย่าเพิ่งซื้อที่นั่น
ให้เดินลงบันไดมา จะเจอร้านสีแดง ยี่ห้อ Hotlink อยู่ ให้ซื้อที่ร้านนี้
ผมโดนไป 500MB 5 วัน 20 ริงกิตครับ โอเคมากครับเพราะ อัพรูปบ่อย เช็คอินบ่อยเพราะเก็บเป็น record ว่าเราไปไหนแล้วบ้าง
พอออกจากสนามบิน ถ้าจะขึ้นรถบัสให้เดินไปตามทาง
ออกมาปุ๊บเลี้ยวซ้าย เดินไปตามทาง เลี้ยวขวา แล้วจะเจอที่ขึ้นรถบัสไป Kuala Lumpur ครับ
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็จะถึงสถานีรถไฟ KL Sentral จากนั้นผมนั่งแท็กซี่ไปโรงแรม
เนื่องจากถึงสถานีหลังเที่ยงคืนแล้ว ดังนั้น พี่แท็กเลยอัพค่าตัว
ระยะทางสั้นๆ เหมือนโดนปล้น จ่ายไป 25 ริงกิต จากตอนแรกที่พี่แกเรียก 30 ผมต่อรอง (เจอคนไทยต่อของสิ! 555)
แท็กซี่ที่นี่ค่อนข้างเก่านะครับ ทุกคันเลย และแท็กซี่ของแท้ต้องป้ายทะเบียนขึ้นต้นด้วย H เท่านั้น
ถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพในเวลาเพียง 5 นาที ข้างนอกสวยดี แต่ข้างใน... โอ้ว สมแล้วที่เป็น budget hotel ...ก็เอาเหอะ
ภาพโรงแรม ผ่านอีกทีตอนกลางวัน
ตื่นเช้ามาเจอกับภาพที่น่าประทับใจ เนื่องจากเป็นวันเสาร์เช้า คนยังไม่ตื่น เลยมีรถน้อย
ผมออกจากโรงแรม เดินไปสถานี monorail ไป KL Sentral อีกครั้ง เพื่อนั่งรถไฟ KTM ไปเจอเพื่อนที่ Shah Alam
สถานี Monorail
ภายในรถไฟ KTM
เจอเพื่อนปั๊บ ก็ไปกินข้าวกันครับ มื้อแรก บักกุแต๋ กินที่ Klang Teluk Pulai Bak Kut Teh เพื่อนบอกว่าที่ Klang เป็นต้นกำเนิดของอาหารชนิดนี้ครับ
จากนั้นเราไปที่ Istana Negara ครับ เป็นพระราชวังที่ใหญ่โตโอ่อ่ามาก แต่เข้าได้แค่ตรงประตู - -
ที่นี่มีพี่ยามทหารเหมือนวัดพระแก้วด้วย
//เมื่อยจัง ทำโยคะซะหน่อยดีกว่า
จากนั้นก็ไป National Monument ครับ สร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเป็นเกียรติแด่บรรพชนผู้เสียสละในสงคราม
เนื่องจากมาเลเซียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางประชากรครับ
ถ้าเราไปดูแค่ชาวมาเลก็คงจะไม่คุ้มสักเท่าไหร่
ไปตะลุย Little India ดีกว่านายจ๋า อีนี่อยู่เมืองแขก ต้องทำท่าแขกด้วยนะนาย
ต่อด้วย China Town ที่ไม่มีอะไร ของที่ขายก็หาได้ทั่วไป ดีไม่ดีที่ไทยถูกกว่าอีก ไปแค่ถ่ายรูปข้างหน้าละออกมาดีกว่า
ใกล้ๆ ไชน่าทาวน์จะมีถนนคนเดินครับ ชื่อ Kasturi Walk ติดกับ Central Market (ซึ่งจริงๆ คือ อันเดียวกัน แค่แบบ indoor กับ outdoor)
ถ้าจะซื้อของฝาก แนะนำที่นี่นะครับ ราคาถูกกว่าที่อื่น
โมเดลตึกแฝดอันเล็ก ข้างนอกแพง แต่ข้างใน Central Market แค่ 5 ริงกิตเองครับ
ซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ เสร็จแล้วไป KL City Gallery
ทำงานก่อน เดี๋ยวมาต่อครับ