คนไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด บาป-บุญ เวลามีโอกาสให้ทำชั่วเขาจะทำเลยโดยไม่ยั้งคิด
แต่คนที่เชื่อว่าตายแล้วเกิด เชื่อเรื่องบุญ-บาป เมื่อมีโอกาสทำชั่ว เขาก็ไม่ทำครับ
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าการเชื่อเรื่องตายแล้วเกิด บุญ-บาปย่อมดีกว่าไม่เชื่อ
-------------------------------------
แนวคิดอย่างนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะแสดงว่ายังเป็นผู้หลง มัวเมาด้วยกิเลสตัณหา มีมิจฉาทิฏฐิคือความเห็นผิดตั้งมั่นอยู่
การที่คนจะทำความดีเพราะอยากไปสวรรค์ อยากไปเสวยสุข บนสุขคติภูมิ ไม่อยากทำความชั่วเพราะไม่อยากลงนรก
ทรมาน เร่าร้อน ด้วยกองไฟ และกระทะทองแดง แบบนี้น่ากลัวยิ่งนัก นั่นหมายความว่าพวกเขาเหล่าไม่ได้ทำความดีละเว้นความชั่ว
เพราะ หิริ คือความละลายต่อบาป แต่เพราะโอตัปปะ คือเขาเหล่านั้นเกรงกลัวต่อบาป ถ้าวันหนึ่งเขารู้ว่า ทำดี ทำชั่ว ตายไปก็สูญเหมือนกันหมด
เขาจะต้องเป็นบุคคลที่น่ากลัว และพร้อมจะทำความชั่วทุกเมื่อ
ส่วนผมนั้น ทำความดี และละเว้นความชั่วไม่ใช่เพราะกลัวจะตกนรก หรืออยากขึ้นสวรรค์แต่ทำความดีเพราะอยากทำ ใจเป็นสุข
ไม่หวังผลตอบแทน ผมทำเพราะ หิริ ไม่ใช่เพราะ โอตัปปะ
ศีล และจริยธรรม Ethics มีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องมีศาสนามาบอก คนบนโลกนี้มากมายที่เป็น atheist ไม่เชื่อ
เรื่องบุญบาปก็ไม่เห็นออกมาฆ่าใคร
มีแต่พวกคลั่งศาสนาที่เอาเครื่องบินไปชนตึก ตอนนี้ยังดีที่แม้สิ่งที่คุณเชื่อเรื่องนรก สวรรค์เป็นสิ่งที่ผิด ไม่มีอยู่จริง แต่เพราะคุณพร้อมจะเชื่อกับอะไรที่ศาสนาบอกไว้โดยไม่รู้จักคิดเอง วันหนึ่งถ้าพวกคุณได้รับการบอกว่าการฆ่าคนจะได้ขึ้นสวรรค์คุณก็จะอกมาทำร้ายคนอื่น เพราะคุณคิดไม่เป็น
จริยธรรม Ethics มีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องมีศาสนามาบอก
มนุษย์ทำความดีและละเว้นความชั่วได้เอง มิใช่เพราะถูกเอาสวรรค์มาล่อและเอานรกมาขู่
แนวคิดมนุษยนิยม Humanism เชื่อว่า ยืนยันถึงความสง่างามและคุณค่าของมนุษย์ทุกคน โดยอาศัยหลักความสามารถของบุคคลนั้นในการบ่งชี้ได้ด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ยอมรับโดยมนุษย์ทั่วไปที่มีคุณภาพ
ความสามารถในการกำหนดและตัดสินได้ด้วยตนเอง มนุษยนิยมจะไม่รับการชั่งใจและตัดสินใจโดยสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจ เช่นการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับ ความเชื่อที่ปราศจากเหตุผล สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือด้วยคำทำนายที่อ้างไว้ในคัมภีร์ใดๆ
คนที่ทำความดีและละเว้นความชั่วเพราะถูกสวรรค์มาล่อและเอานรกมาขู่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
แต่คนที่เชื่อว่าตายแล้วเกิด เชื่อเรื่องบุญ-บาป เมื่อมีโอกาสทำชั่ว เขาก็ไม่ทำครับ
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าการเชื่อเรื่องตายแล้วเกิด บุญ-บาปย่อมดีกว่าไม่เชื่อ
-------------------------------------
แนวคิดอย่างนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะแสดงว่ายังเป็นผู้หลง มัวเมาด้วยกิเลสตัณหา มีมิจฉาทิฏฐิคือความเห็นผิดตั้งมั่นอยู่
การที่คนจะทำความดีเพราะอยากไปสวรรค์ อยากไปเสวยสุข บนสุขคติภูมิ ไม่อยากทำความชั่วเพราะไม่อยากลงนรก
ทรมาน เร่าร้อน ด้วยกองไฟ และกระทะทองแดง แบบนี้น่ากลัวยิ่งนัก นั่นหมายความว่าพวกเขาเหล่าไม่ได้ทำความดีละเว้นความชั่ว
เพราะ หิริ คือความละลายต่อบาป แต่เพราะโอตัปปะ คือเขาเหล่านั้นเกรงกลัวต่อบาป ถ้าวันหนึ่งเขารู้ว่า ทำดี ทำชั่ว ตายไปก็สูญเหมือนกันหมด
เขาจะต้องเป็นบุคคลที่น่ากลัว และพร้อมจะทำความชั่วทุกเมื่อ
ส่วนผมนั้น ทำความดี และละเว้นความชั่วไม่ใช่เพราะกลัวจะตกนรก หรืออยากขึ้นสวรรค์แต่ทำความดีเพราะอยากทำ ใจเป็นสุข
ไม่หวังผลตอบแทน ผมทำเพราะ หิริ ไม่ใช่เพราะ โอตัปปะ
ศีล และจริยธรรม Ethics มีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องมีศาสนามาบอก คนบนโลกนี้มากมายที่เป็น atheist ไม่เชื่อ
เรื่องบุญบาปก็ไม่เห็นออกมาฆ่าใคร
มีแต่พวกคลั่งศาสนาที่เอาเครื่องบินไปชนตึก ตอนนี้ยังดีที่แม้สิ่งที่คุณเชื่อเรื่องนรก สวรรค์เป็นสิ่งที่ผิด ไม่มีอยู่จริง แต่เพราะคุณพร้อมจะเชื่อกับอะไรที่ศาสนาบอกไว้โดยไม่รู้จักคิดเอง วันหนึ่งถ้าพวกคุณได้รับการบอกว่าการฆ่าคนจะได้ขึ้นสวรรค์คุณก็จะอกมาทำร้ายคนอื่น เพราะคุณคิดไม่เป็น
จริยธรรม Ethics มีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องมีศาสนามาบอก
มนุษย์ทำความดีและละเว้นความชั่วได้เอง มิใช่เพราะถูกเอาสวรรค์มาล่อและเอานรกมาขู่
แนวคิดมนุษยนิยม Humanism เชื่อว่า ยืนยันถึงความสง่างามและคุณค่าของมนุษย์ทุกคน โดยอาศัยหลักความสามารถของบุคคลนั้นในการบ่งชี้ได้ด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ยอมรับโดยมนุษย์ทั่วไปที่มีคุณภาพ
ความสามารถในการกำหนดและตัดสินได้ด้วยตนเอง มนุษยนิยมจะไม่รับการชั่งใจและตัดสินใจโดยสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจ เช่นการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับ ความเชื่อที่ปราศจากเหตุผล สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือด้วยคำทำนายที่อ้างไว้ในคัมภีร์ใดๆ