แทบจะหานักการเมืองคนไหนในประวัติศาสตร์ไทยที่มี “ต้นทุนทางการเมือง” เพรียบพร้อมเท่ากับอภิสิทธิ์ ได้ยาก ไม่ว่าจะชาติตระกูล ฐานะ การศึกษา หรือแบ็คอัพที่หนักแน่นอย่างเจ้าประโยคที่ว่า “ประเทศไทยโชคดี(ที่ได้อภิสิทธิ์เป็นนายก)” และที่สำคัญคือหน้าตา ปัจจัยเหล่านี้ถือว่าเป็นกำลังสำคัญที่จะผลักดันให้นักการเมืองก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ ดูเหมือนว่าประชาธิปัตย์จะทราบดีในเรื่องนี้ และการผลักดันให้อภิสิทธิ์ให้ก้าวสู่จุดสูงสุดทางการเมืองจึงเป็นไปในลักษณะเร่งรีบ(“มะม่วงจำบ่ม” สมัคร สุนทรเวชเคยอุปมาเอาไว้)
ตลอดเส้นทางเดินทางการเมืองของอภิสิทธิ์แทบจะเรียกได้ว่าคนอื่นปูทางให้แทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการลั่นกลองตั้งแต่ไก่โห่ว่าเขาคือ “ชวน2” เมื่อเขาได้รับเลือกตั้งใหม่ๆ....เล่นเอา บัญญัติ บรรทัดฐาน ที่จ่อจะเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ หรือแม้แต่การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอภิสิทธิ์ ล้วนเป็นฝีมือคนอื่นที่ “จัดให้” แล้วป๋าเปรมก็ตีตราประทับการรันตี “เป็นความโชคดี” ของประเทศอีกทอดหนึ่ง ตราบเท่าทุกวันนี้...อภิสิทธิ์ยังเคอะเขินและเลี่ยงที่จะตอบคำถามเรื่องการจัดรัฐบาลในค่ายทหาร
การที่ถูกประคบประหงมและคนอื่นจัดให้มาตั้งแต่ต้น อภิสิทธิ์เป็นเหมือน a spoiled child(เด็กที่ถูกเลี้ยงไม่ถูกทาง) ไม่ได้มีโอกาสใช้ “ศักยภาพ” และ “ต้นทุนทางการเมือง” ของตัวเองมาแต่ต้น ในทางตรงกันข้าม....พฤติกรรมที่แสดงออกไม่ว่าจะด้านกายกรรมและวจีกรรมล้วนแล้วแต่บั่นทอน “ต้นทุนทางการเมือง” ของตัวเองลงไปเรื่อยๆ เช่น..การกล่าวคำผรุสวาส หลายวาระหลายโอกาสโจมตีรัฐบาล ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยและโยงไปถึง ชาติตระกูล และการศึกษาที่สูงส่งของเขา ต่อให้หล่อเหลาจากฟากฟ้าสุลาลัยขนาดไหน ลงได้แสดงพฤติกรรมเยี่ยงนี้ก็ “หมดหล่อ” ได้ทันที!!
..........อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ : "เดินหมากพลาดตาเดียว พ่ายทั้งกระดาน"........
ตลอดเส้นทางเดินทางการเมืองของอภิสิทธิ์แทบจะเรียกได้ว่าคนอื่นปูทางให้แทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการลั่นกลองตั้งแต่ไก่โห่ว่าเขาคือ “ชวน2” เมื่อเขาได้รับเลือกตั้งใหม่ๆ....เล่นเอา บัญญัติ บรรทัดฐาน ที่จ่อจะเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ หรือแม้แต่การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอภิสิทธิ์ ล้วนเป็นฝีมือคนอื่นที่ “จัดให้” แล้วป๋าเปรมก็ตีตราประทับการรันตี “เป็นความโชคดี” ของประเทศอีกทอดหนึ่ง ตราบเท่าทุกวันนี้...อภิสิทธิ์ยังเคอะเขินและเลี่ยงที่จะตอบคำถามเรื่องการจัดรัฐบาลในค่ายทหาร
การที่ถูกประคบประหงมและคนอื่นจัดให้มาตั้งแต่ต้น อภิสิทธิ์เป็นเหมือน a spoiled child(เด็กที่ถูกเลี้ยงไม่ถูกทาง) ไม่ได้มีโอกาสใช้ “ศักยภาพ” และ “ต้นทุนทางการเมือง” ของตัวเองมาแต่ต้น ในทางตรงกันข้าม....พฤติกรรมที่แสดงออกไม่ว่าจะด้านกายกรรมและวจีกรรมล้วนแล้วแต่บั่นทอน “ต้นทุนทางการเมือง” ของตัวเองลงไปเรื่อยๆ เช่น..การกล่าวคำผรุสวาส หลายวาระหลายโอกาสโจมตีรัฐบาล ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยและโยงไปถึง ชาติตระกูล และการศึกษาที่สูงส่งของเขา ต่อให้หล่อเหลาจากฟากฟ้าสุลาลัยขนาดไหน ลงได้แสดงพฤติกรรมเยี่ยงนี้ก็ “หมดหล่อ” ได้ทันที!!