สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เอาผมเป็นกรณี ศึกษาก็ได้ จบโท 2 ใบ กำลังจะไปทำงานเป็น พนง บ. ธรรมดา
ขณะที่เพื่อนผม 2 คน ตอนเรียนลอกข้อสอบผมประจำ ตอนนี้ สองคนนี้ ไปไกลมากแล้ว ทั้งๆที่เริ่มจาก 0 เลยนะครับ
คนแรก ช โง่ เกรดห่วย แต่มันอัธยาศัยดี คอนเน็กชั่นเยอะ เอาตัวรอดเก่ง ไม่งันคงไม่จบได้ภายใน 4 ปี พร้อมเพื่อนๆ ทั้งๆที่ติด F เพียบ
จนเพื่อนๆ แซวมันว่า จบ วิทยาศาสตร์บัณฑิต เอก พละศึกษา (จริงๆไม่ใช่เอกนี้) แต่เพราะมันลงเรียนวิชาพละ เกือบทุกตัว เพราะเอามาดึงเกรดไม่งัน มันโดนไทร์แน่ๆ บาส บอล ว่ายน้ำ ปิ่งป้อง วิ่ง ดำน้ำ มันลงหมดดดดดดด
ที่ทำให้มันไปไกลได้ดีกว่าคนอื่น + ได้ไวกว่าคนอื่น (น่าจะประมาณ 2-3 ปี เห็นความแตกต่างเลยครับ) เพราะ ความจน ตัวเดียวเลยครับ
เรียกว่าหลัง ชนฝา เลยครับ พอป่วย แม่ค้าขาย ขายของชำ กำไรวันละ 200 อยู่กัน 3 ปาก
มันไปทำงานในไลน์ 6-7 เดือน ได้เงินเดือน 5000 บ. ทำให้เห็นช่องทางทำเงิน นั้นคือปล่อยดอกครับ
เริ่มจากน้อยๆก่อน หลักพัน หลักหมื่น เป็นหลักแสน สุดท้าย ยอดรวมคือ ปล่อย 2 ล. ครับ ดอกร้อยละ 15 รายได้เข้าเดือนละ 3 แสน
2. ความกล้าครับ มันได้เงินมา มันเอาไปดาวตึก อาคารพานิช แถว ม. ราคาห้องละ 4 ล. ตอนนั้นมันมีเงินใน บัญชี 4 แสน ต้องผ่อนดาว์ เดือนละเกือบ 9 หมื่น รวม 12 เดือน รวมๆแล้วเกือบ 1 ล. ณ ตอนนั้นมีเงิน 4 แสน เป็นคุณๆคงไม่กล้า เป็นผมๆก็ไม่กล้า ถึงจะมีเงินเข้าเดือนละ 3 แสนก็เหอะ เพราะมันเป็นเงินร้อน ไม่รู้เขาจะเบียวเราเมือไร แต่มันกล้า
พอตึกเสร็จ มันปล่อยเช่า ได้เดือนละ 4-5 หมื่นต่อเดือน ณ ตอนนี้ 6 ปีผ่านไป ตึกนั้นตอนนี้ ซื้อขายกันอยู่ที่ 12 - 16 ล้าน ต่อห้องแล้วครับ
พอมีเงินก้อนแน่ๆจากปล่อยเช่าตีก ก็ทยอย เลิกปล่อยดอก มาหางานสีขาวทำ ก็คือเอาค่าดอก มาซื้อบ้านชั้นเดียว ปล่อยเช่า ตอนนี้มี 4 หลังแล้ว ได้ค่าเช่า อีกเดือนละ 2 หมื่น แค่ สองอย่างนี้ ก็ 70000 ต่อเดือน แล้วพอที่จะเลี้ยงพ่อ เลียงแม่ ให้สบายได้
แต่มันยังไมพอครับ มันยังรับเขียนห่วย ได้ต่องวดไม่ได้ๆ ก็ได้ค่าเปอร์เซ็น 4000 - 6000 นั้นคือ ต่อ 1 เดือน มันได้อีก ประมาณ 10000 บ.
รวม ก็ 80000 ต่อเดือนแล้วครับ ที่นี้ มีเงินเพิ่มขึ้นมันก็ทำอะไรง่ายขึ้น
.........................
เพื่อนอีกคน เป็น ญ อันนี้ก็เรียกว่าที่มาไกลได้ ก็เพราะ ชีวิต บีบ บังคับ ครับ
พ่อแม่แยก ทางกัน แม่อยู่กับ ลุกพ่อไปมี ครอบครัวใหม่ แต่จากกันด้วยดีนะครับ แต่ด้วยศักยภาพของ พ่อเขาตอนนั้น ส่งเสียใครไม่ได้ มีรายได้แค่พอเลี้ยงตัวเอง ภาระแม่ เลยมาตกอยู่กับ ลูก มันเลยต้องให้เงินแม่ใช้ เดือนละ 7000 บ. ต่อเดือน ในขณะที่เงินเดือน ผจก ไอติม สเวนเซ็น ตอนนั้น 12000 บ. ค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ยังไงก็ไม่พอ
เริ่มมา ขายเสื้อผ้าตลาดนัด มาเป็นเลขา มาเป็นเซลล์ จนท้ายที่สุด มาทำเซลล์ นี้แหละเห็นช่องทาง เลยออกมาเปิด บ. เอง ตอนนี้สบายไปแล้ว
กำไรต่อเดือนตอนนี้ ไม่ต่ำกว่า 2 แสน
......................
เท่าที่สังเกตุ คนที่ไปได้ไกล และได้ดี เป็นเพราะ ความจน บังคับ ไม่ทำก็อดตาย จะคอยให้ใครเลี้ยงไม่ได้
ตาต้องไว มองหาลู่ทางที่ทำเงินตลอด อันไหนทำเงินได้ไวกว่า เหนือยน้อยกว่า ต้องทำ ไม่ใช้จมปรักอยู่ที่เดิม ถ้าเป็นคนประเภทเรื่อยๆ อันนี้ก็ดีแล้วเพื่อนรวมงานดี สังคมดี ไม่ย้าย ไม่เปลียน
อย่างเพื่อนผมคนที่ 2 ป่านนี้ก็คงยังเป็น ผจก ไอติมสเวนเซ้นอยู่ หรือไม่ก็ยังเป็นแม่ค้าขายของ ตลาดนัดอยู่
เพราะมันดูลุ่ทางตลอด ที่บ้านยังต้องเพิ่งมัน มันเลยต้องหาอะไร ที่ได้เงินเร็ว ไว เหนื่อยน้อยกว่าทำ
อย่างตอนทำ ไอติม ได้เงินเดือน รวมทุกอย่าง ประมาณ 15000 บ. มาขายเสื้อผ้าตลาดนัด ตกได้เดือนละ 20000 ++ ขึ้น อันนี้เหนือยน้อยกว่า ขายตลาดนัดวันละไม่กี่ ชม ตอนกลางวันว่าง
ถ้ามันพอใจแค่นั้น ปานนี้ มันก็คงเป็นได้แค่ แม่ค้าตลาดนัด ที่พอใจกับรายได้ประมาณ 2-30000 แค่นั้น
มันต้องมองอนาคตครับ เพื่อนผมคนนี้ มันเลิกเป็นแม่ค้า ตอนนี้วันๆแต่งตัวสวยๆ ชิวๆ สบายไปแล้ว
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ มันผ่านอะไรมาเยอะมาก อย่างที่คนอื่น ไม่เคยผ่านด้วยซ้ำ
ผิดกับผม ผมจบ ตรี ที่บ้าน ส่งเรียนต่อโท จบโท ที่บ้านให้ไปช่วยงานญาติ มีกิน มีใช้ แต่ไม่มีเก็บเพราะไม่ได้เงินเดือน ออกแนวกงสี
ไม่ลำบาก แต่ก็ไม่สบาย นอนห้องแอร์ มีเน็ตเล่น ดูหนังบ้าง เทียวหาเพื่อนบ้าง ตามประสา มานึกย้อนดู วันนี้ เพื่อนเราผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าเราเยอะ
ไม่แปลกใจ ทำไม เพื่อนเราถึงไปไกลกว่าเราเยอะมาก
อย่างเพื่อนคนที่สอง ถามว่าลำบากไหม ก็คงไม่ ถ้ารักสบายกลับบ้าน ตจว ค้าขายเล็กๆหน่อยๆ ก็อยู่ได้ แต่เลือกที่จะสู้อยู่ ในเมือง เพื่ออนาคต
ผมไม่แปลกใจเลย ทำไมเพื่อนไปไกลกว่าเรา ก็เพราะเพื่อนผม เขาก้าวเดินมานานแล้ว ในขณะที่ผมไม่เคยก้าวเดิน เลย เรียกว่าถูกโอ มาตลอด
จะทำอะไรก็ อย่าทำเลย เงินแค่นี้ เดียวพ่อให้ เดียวน้าให้ อย่าทำเลย เดียวก็เจ๊ง เหนื่อยเปล่าๆ ได้ไม่คุ้มเสียหรอก
อะไรแบบนั้น
ถ้าไปไกล กว่าคนอื่น ต้องกล้าที่จะก้าวเดินครับ เอา ปสก แย่ๆของผม มาบอก จะได้ไม่มีใครเป็นแบบนี้อีกครับ
ไม่ช้าที่จะก้าว แค่ขอให้ก้าว อย่างผมก็เช่นกัน เดือนสองเดือนนี้ก็จะเริ่มก้าวแรกเหมือนกันครับ
ขณะที่เพื่อนผม 2 คน ตอนเรียนลอกข้อสอบผมประจำ ตอนนี้ สองคนนี้ ไปไกลมากแล้ว ทั้งๆที่เริ่มจาก 0 เลยนะครับ
คนแรก ช โง่ เกรดห่วย แต่มันอัธยาศัยดี คอนเน็กชั่นเยอะ เอาตัวรอดเก่ง ไม่งันคงไม่จบได้ภายใน 4 ปี พร้อมเพื่อนๆ ทั้งๆที่ติด F เพียบ
จนเพื่อนๆ แซวมันว่า จบ วิทยาศาสตร์บัณฑิต เอก พละศึกษา (จริงๆไม่ใช่เอกนี้) แต่เพราะมันลงเรียนวิชาพละ เกือบทุกตัว เพราะเอามาดึงเกรดไม่งัน มันโดนไทร์แน่ๆ บาส บอล ว่ายน้ำ ปิ่งป้อง วิ่ง ดำน้ำ มันลงหมดดดดดดด
ที่ทำให้มันไปไกลได้ดีกว่าคนอื่น + ได้ไวกว่าคนอื่น (น่าจะประมาณ 2-3 ปี เห็นความแตกต่างเลยครับ) เพราะ ความจน ตัวเดียวเลยครับ
เรียกว่าหลัง ชนฝา เลยครับ พอป่วย แม่ค้าขาย ขายของชำ กำไรวันละ 200 อยู่กัน 3 ปาก
มันไปทำงานในไลน์ 6-7 เดือน ได้เงินเดือน 5000 บ. ทำให้เห็นช่องทางทำเงิน นั้นคือปล่อยดอกครับ
เริ่มจากน้อยๆก่อน หลักพัน หลักหมื่น เป็นหลักแสน สุดท้าย ยอดรวมคือ ปล่อย 2 ล. ครับ ดอกร้อยละ 15 รายได้เข้าเดือนละ 3 แสน
2. ความกล้าครับ มันได้เงินมา มันเอาไปดาวตึก อาคารพานิช แถว ม. ราคาห้องละ 4 ล. ตอนนั้นมันมีเงินใน บัญชี 4 แสน ต้องผ่อนดาว์ เดือนละเกือบ 9 หมื่น รวม 12 เดือน รวมๆแล้วเกือบ 1 ล. ณ ตอนนั้นมีเงิน 4 แสน เป็นคุณๆคงไม่กล้า เป็นผมๆก็ไม่กล้า ถึงจะมีเงินเข้าเดือนละ 3 แสนก็เหอะ เพราะมันเป็นเงินร้อน ไม่รู้เขาจะเบียวเราเมือไร แต่มันกล้า
พอตึกเสร็จ มันปล่อยเช่า ได้เดือนละ 4-5 หมื่นต่อเดือน ณ ตอนนี้ 6 ปีผ่านไป ตึกนั้นตอนนี้ ซื้อขายกันอยู่ที่ 12 - 16 ล้าน ต่อห้องแล้วครับ
พอมีเงินก้อนแน่ๆจากปล่อยเช่าตีก ก็ทยอย เลิกปล่อยดอก มาหางานสีขาวทำ ก็คือเอาค่าดอก มาซื้อบ้านชั้นเดียว ปล่อยเช่า ตอนนี้มี 4 หลังแล้ว ได้ค่าเช่า อีกเดือนละ 2 หมื่น แค่ สองอย่างนี้ ก็ 70000 ต่อเดือน แล้วพอที่จะเลี้ยงพ่อ เลียงแม่ ให้สบายได้
แต่มันยังไมพอครับ มันยังรับเขียนห่วย ได้ต่องวดไม่ได้ๆ ก็ได้ค่าเปอร์เซ็น 4000 - 6000 นั้นคือ ต่อ 1 เดือน มันได้อีก ประมาณ 10000 บ.
รวม ก็ 80000 ต่อเดือนแล้วครับ ที่นี้ มีเงินเพิ่มขึ้นมันก็ทำอะไรง่ายขึ้น
.........................
เพื่อนอีกคน เป็น ญ อันนี้ก็เรียกว่าที่มาไกลได้ ก็เพราะ ชีวิต บีบ บังคับ ครับ
พ่อแม่แยก ทางกัน แม่อยู่กับ ลุกพ่อไปมี ครอบครัวใหม่ แต่จากกันด้วยดีนะครับ แต่ด้วยศักยภาพของ พ่อเขาตอนนั้น ส่งเสียใครไม่ได้ มีรายได้แค่พอเลี้ยงตัวเอง ภาระแม่ เลยมาตกอยู่กับ ลูก มันเลยต้องให้เงินแม่ใช้ เดือนละ 7000 บ. ต่อเดือน ในขณะที่เงินเดือน ผจก ไอติม สเวนเซ็น ตอนนั้น 12000 บ. ค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ยังไงก็ไม่พอ
เริ่มมา ขายเสื้อผ้าตลาดนัด มาเป็นเลขา มาเป็นเซลล์ จนท้ายที่สุด มาทำเซลล์ นี้แหละเห็นช่องทาง เลยออกมาเปิด บ. เอง ตอนนี้สบายไปแล้ว
กำไรต่อเดือนตอนนี้ ไม่ต่ำกว่า 2 แสน
......................
เท่าที่สังเกตุ คนที่ไปได้ไกล และได้ดี เป็นเพราะ ความจน บังคับ ไม่ทำก็อดตาย จะคอยให้ใครเลี้ยงไม่ได้
ตาต้องไว มองหาลู่ทางที่ทำเงินตลอด อันไหนทำเงินได้ไวกว่า เหนือยน้อยกว่า ต้องทำ ไม่ใช้จมปรักอยู่ที่เดิม ถ้าเป็นคนประเภทเรื่อยๆ อันนี้ก็ดีแล้วเพื่อนรวมงานดี สังคมดี ไม่ย้าย ไม่เปลียน
อย่างเพื่อนผมคนที่ 2 ป่านนี้ก็คงยังเป็น ผจก ไอติมสเวนเซ้นอยู่ หรือไม่ก็ยังเป็นแม่ค้าขายของ ตลาดนัดอยู่
เพราะมันดูลุ่ทางตลอด ที่บ้านยังต้องเพิ่งมัน มันเลยต้องหาอะไร ที่ได้เงินเร็ว ไว เหนื่อยน้อยกว่าทำ
อย่างตอนทำ ไอติม ได้เงินเดือน รวมทุกอย่าง ประมาณ 15000 บ. มาขายเสื้อผ้าตลาดนัด ตกได้เดือนละ 20000 ++ ขึ้น อันนี้เหนือยน้อยกว่า ขายตลาดนัดวันละไม่กี่ ชม ตอนกลางวันว่าง
ถ้ามันพอใจแค่นั้น ปานนี้ มันก็คงเป็นได้แค่ แม่ค้าตลาดนัด ที่พอใจกับรายได้ประมาณ 2-30000 แค่นั้น
มันต้องมองอนาคตครับ เพื่อนผมคนนี้ มันเลิกเป็นแม่ค้า ตอนนี้วันๆแต่งตัวสวยๆ ชิวๆ สบายไปแล้ว
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ มันผ่านอะไรมาเยอะมาก อย่างที่คนอื่น ไม่เคยผ่านด้วยซ้ำ
ผิดกับผม ผมจบ ตรี ที่บ้าน ส่งเรียนต่อโท จบโท ที่บ้านให้ไปช่วยงานญาติ มีกิน มีใช้ แต่ไม่มีเก็บเพราะไม่ได้เงินเดือน ออกแนวกงสี
ไม่ลำบาก แต่ก็ไม่สบาย นอนห้องแอร์ มีเน็ตเล่น ดูหนังบ้าง เทียวหาเพื่อนบ้าง ตามประสา มานึกย้อนดู วันนี้ เพื่อนเราผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าเราเยอะ
ไม่แปลกใจ ทำไม เพื่อนเราถึงไปไกลกว่าเราเยอะมาก
อย่างเพื่อนคนที่สอง ถามว่าลำบากไหม ก็คงไม่ ถ้ารักสบายกลับบ้าน ตจว ค้าขายเล็กๆหน่อยๆ ก็อยู่ได้ แต่เลือกที่จะสู้อยู่ ในเมือง เพื่ออนาคต
ผมไม่แปลกใจเลย ทำไมเพื่อนไปไกลกว่าเรา ก็เพราะเพื่อนผม เขาก้าวเดินมานานแล้ว ในขณะที่ผมไม่เคยก้าวเดิน เลย เรียกว่าถูกโอ มาตลอด
จะทำอะไรก็ อย่าทำเลย เงินแค่นี้ เดียวพ่อให้ เดียวน้าให้ อย่าทำเลย เดียวก็เจ๊ง เหนื่อยเปล่าๆ ได้ไม่คุ้มเสียหรอก
อะไรแบบนั้น
ถ้าไปไกล กว่าคนอื่น ต้องกล้าที่จะก้าวเดินครับ เอา ปสก แย่ๆของผม มาบอก จะได้ไม่มีใครเป็นแบบนี้อีกครับ
ไม่ช้าที่จะก้าว แค่ขอให้ก้าว อย่างผมก็เช่นกัน เดือนสองเดือนนี้ก็จะเริ่มก้าวแรกเหมือนกันครับ
ความคิดเห็นที่ 39
ถ้านำคนเก่ง จบการศึกษาสูง 1,000 คน กับคนไม่เก่ง ไม่จบการศึกษาขั้นต่ำ 1,000 คน
มุมมองของสังคมคือ
จับ 1 คนที่ล้มเหลว ในกลุ่มคนเก่งมา แล้วถามคำถามกับสังคมว่า "ทำไมคนเรียนเก่ง ถึงไม่ประสบความสำเร็จ ?" ... แต่ไม่มอง 999 คนที่มีคุณภาพชีวิตในระดับสูง
จับ 1 คนที่สำเร็จ ในกลุมคนไม่เก่งมา แล้วบอกกับสังคมว่า "ไม่จำเป็นต้องจบสูง ๆ ก็ประสบความสำเร็จได้ ?" ... แต่ไม่มองอีก 999 คนที่หาเช้ากินค่ำ
ตรรกะเพี้ยน ๆ
มุมมองของสังคมคือ
จับ 1 คนที่ล้มเหลว ในกลุ่มคนเก่งมา แล้วถามคำถามกับสังคมว่า "ทำไมคนเรียนเก่ง ถึงไม่ประสบความสำเร็จ ?" ... แต่ไม่มอง 999 คนที่มีคุณภาพชีวิตในระดับสูง
จับ 1 คนที่สำเร็จ ในกลุมคนไม่เก่งมา แล้วบอกกับสังคมว่า "ไม่จำเป็นต้องจบสูง ๆ ก็ประสบความสำเร็จได้ ?" ... แต่ไม่มองอีก 999 คนที่หาเช้ากินค่ำ
ตรรกะเพี้ยน ๆ
ความคิดเห็นที่ 15
ส่วนตัวผมนะครับ นิยามของความสำเร็จในชีวิตคือ "การได้เห็นครอบครัวอยู่อย่างสุขสบายครับ"
ผมเรียนไม่จบ เพิ่งลาออกมาได้ 4 เดือนกว่าๆ ออกมาตามหาความฝัน ( ความฝันคือมีกิจการขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง เลี้ยงดูได้ทั้งครอบครัว )
ตอนนี้เริ่มทำเล็กๆแล้ว รายได้หลัก 3-4 หมื่นต่อเดือน มีแนวโน้มขยับขึ้นทุกเดือน แต่แค่นี้ยังไม่สำเร็จเพราะครอบครัวยังต้องทำงานกันทุกคน ยังลำบากอยู่ ผมจะทำให้ทุกคนในครอบครัวอยู่อย่างสบาย พ่อแม่ไม่ต้องทำงานอีกต่อไป นี่แหละคือความสำเร็จในชีวิตของผมครับ
ผมเรียนไม่จบ เพิ่งลาออกมาได้ 4 เดือนกว่าๆ ออกมาตามหาความฝัน ( ความฝันคือมีกิจการขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง เลี้ยงดูได้ทั้งครอบครัว )
ตอนนี้เริ่มทำเล็กๆแล้ว รายได้หลัก 3-4 หมื่นต่อเดือน มีแนวโน้มขยับขึ้นทุกเดือน แต่แค่นี้ยังไม่สำเร็จเพราะครอบครัวยังต้องทำงานกันทุกคน ยังลำบากอยู่ ผมจะทำให้ทุกคนในครอบครัวอยู่อย่างสบาย พ่อแม่ไม่ต้องทำงานอีกต่อไป นี่แหละคือความสำเร็จในชีวิตของผมครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนเรียนเก่ง...ถึงไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตครับ
แต่ในชีวิตจริงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิตท่าที่ควร...
แชร์ความคิดกันครับผม...