มีหลายคนคิดอยากจะจ้างนักจัดสวน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน จะติดต่อนักจัดสวนได้อย่างไร เมื่อติดต่อไปแล้วจะถูกใจไหม จะจัดได้ตรงกับที่ใจต้องการหรือเปล่า ขั้นตอนการจัดสวนเขามีอย่างไร ต้องทำสัญญาแบบไหน มีการเบิกจ่ายเงินกันอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำถามที่อาจเกิดขึ้นได้กับหลายคน คอลัมน์ “คุยกับมืออาชีพ”ฉบับนี้ เราไปคุยกับ รองศาสตราจารย์เอื้อมพร วีสมหมาย อาจารย์ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์จะเล่าถึงขั้นตอนเหล่านั้นให้ทราบพอเป็นแนวทางกัน
ศึกษาก่อนจ้างนักจัดสวน
เจ้าของบ้านควรศึกษาหาข้อมูลก่อน ให้ตัวเองมีความรู้เรื่องจัดสวน หาอ่านจากหนังสือให้รู้ว่าการจัดสวนคืออะไร มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร เพื่อเป็นพื้นความรู้ก่อนไปจ้างนักจัดสวน นอกจากจะเป็นประโยชน์กับเจ้าของบ้านแล้ว ยังเป็นประโยชน์กับผู้รับจ้างทำงานนี้ด้วย เพราะทั้งสองฝ่ายจะเข้าใจกระบวนการทำงานและมองภาพในทิศทางเดียวกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คุยกันด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ไม่มีการโกงหรือหลอกลวงกัน เจ้าของบ้านไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดทั้งหมด แค่เข้าใจว่าวิธีการจัดที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร มีวิธีทำแบบไหน เรื่องราวพวกนี้หาอ่านได้ทั่วไป น่าจะช่วยให้ทั้งเจ้าของบ้านและนักจัดสวนทำงานร่วมกันได้อย่างสบายใจในระดับหนึ่ง
รู้หรือไม่
นักจัดสวนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
- กลุ่มร้านค้าต้นไม้ มีความชำนาญเรื่องการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้เป็นอย่างดี หากจะจ้างกลุ่มนี้สามารถสอบถามและขอดูผลงานจัดสวนที่เคยทำ ควรขอไปดูตัวอย่างผลงานจัดจริงด้วย เพราะการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเจ้าของบ้านที่เคยให้จัดสวนมาแล้ว จะได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง
- กลุ่มผู้รับเหมา อาจมีพื้นความรู้จากสาขาวิชาชีพอื่นที่มิใช่สาขาวิชาออกแบบจัดสวนโดยตรง แต่มีคนงานและเครื่องมือพร้อม ส่วนใหญ่มักไม่ได้เป็นผู้ออกแบบเอง แต่จะทำตามแบบที่เจ้าของบ้านมีอยู่แล้ว หรือเป็นแบบจากภูมิสถาปนิก นักจัดสวน หากเจ้าของบ้านต้องติดต่อให้ผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการจัดสวนให้ แนะนำให้ศึกษารายละเอียดต่างๆให้ดี เพราะบางครั้งแบบที่ได้รับการออกแบบไว้ เมื่อนำมาจัดจริงอาจไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่มี จึงต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนทุกขั้นตอน และมีการระบุในสัญญาให้ชัดเจน
- กลุ่มผู้ศึกษาทางด้านออกแบบจัดสวน ได้แก่ ภูมิสถาปนิก นักออกแบบภูมิทัศน์ หรือนักพืชสวนที่เชี่ยวชาญเรื่องต้นไม้ บางคนก็รับออกแบบอย่างเดียว บางคนก็รับออกแบบและรับเหมาจัดจนเสร็จไปด้วยในตัว โดยเจ้าของบ้านสามารถติดตามดูผลงานได้จากนิตยสาร หนังสือจัดสวน หรือการจัดสวนโชว์ในงานสวนและต้นไม้ต่างๆ
ขั้นตอนการว่าจ้าง
เมื่อติดต่อนักออกแบบจัดสวนได้ตรงกับแบบสวนที่อยากได้แล้ว ระหว่างที่นักจัดสวนเข้ามาเสนอแบบ เจ้าของบ้านก็สามารถเรียนรู้อุปนิสัย แนวคิด และแนวทางการทำงานร่วมกันกับนักจัดสวนคนนั้นได้ ในเรื่องของการว่าจ้าง ถ้าจะให้ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย น่าจะแบ่งขั้นตอนการจ่ายค่าจ้างเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการออกแบบ และ ขั้นตอนการจัดจริง เมื่อเจ้าของบ้านได้แบบมาแล้วก็สามารถเลือกหาผู้รับเหมาที่สามารถรับงานตรงตามงบประมาณที่มีอยู่ได้ ส่วนนักจัดสวนเองก็ไม่ต้องกังวลกับการถูกเจ้าของบ้านเบี้ยวค่าแบบ ที่สำคัญต้องคุยกันให้เข้าใจ และมีการร่างสัญญาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงขั้นตอนการจัดจริง ในสัญญาจะระบุถึงรายละเอียดในการเบิกจ่ายแต่ละครั้งว่างานที่ทำจะดำเนินการแล้วเสร็จไปถึงระดับไหน ในการตกลงเซ็นสัญญากันอาจมีการแนบสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของทั้งสองฝ่าย ให้แต่ละฝ่ายเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานฟ้องดำเนินคดีกันได้ หากพบว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา
รูปแบบการร่างสัญญา
โดยปกติสัญญาจ้างมักประกอบด้วยชื่อ “ผู้ว่าจ้าง” และ “ผู้รับจ้าง” และรายละเอียดของขอบเขตงานจ้างนั้นๆ ซึ่งแยกกล่าวได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
งานบริการออกแบบ หรือการรับจ้างออกแบบ ในสัญญาประกอบด้วยเนื้อหาหลักๆ ดังนี้
1. ขอบเขตงานบริการ ซึ่งจะเป็นตัวบอกว่าในการรับจ้างออกแบบนั้นประกอบด้วยขั้นตอนอะไร
1.1 การนำเสนอแนวคิดหลัก (Conceptual Design) เป็นขั้นตอนการศึกษาร่วมกันระหว่างผู้ออกแบบกับเจ้าของถึงแนวคิดและความต้องการ รวมทั้งวิเคราะห์สภาพทางกายภาพ ความชอบ เพื่อประมวลเป็นแบบร่างต่อไป
1.2 การนำเสนอแบบร่าง ส่วนใหญ่ได้แก่ ผังบริเวณทั้งโครงการหรือพื้นที่ ผังบริเวณเฉพาะส่วน รูปด้าน รูปตัด หรือรูปทัศนียภาพ
1.3 การนำเสนอแบบก่อสร้าง ประกอบด้วยผังบริเวณในแต่ละส่วน รูปด้าน รูปตัด ผังรายละเอียดชนิดต้นไม้ แบบโครงสร้างองค์ประกอบพิเศษต่างๆที่มี แบบระบบไฟฟ้า แบบระบบการให้น้ำ
2. ค่าจ้างงานบริการ ส่วนนี้จะสัมพันธ์กับส่วนแรก เพราะการเบิกจ่ายแต่ละครั้งจะสอดคล้องกับกระบวนการนำเสนอแบบแต่ละส่วน เช่น อาจแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด ดังนี้
* งวดที่ 1 เมื่อร่างสัญญา
* งวดที่ 2 เมื่อส่งแบบร่างครั้งสุดท้าย
* งวดที่ 3 เมื่อส่งแบบก่อสร้างแล้วทั้งหมด
* งวดที่ 4 เมื่อเริ่มลงมือก่อสร้าง ในสัดส่วนร้อยละ 20: 30: 40: 10
ค่าจ้างออกแบบจะขึ้นอยู่กับแบบต่างๆที่นักออกแบบจัดทำให้ รวมทั้งการบริการเข้าตรวจเยี่ยมระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ทั้งหมดนี้จะมีระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน
3. งานบริการรับเหมาจัดสวน สัญญาจ้างจะนำเสนอพร้อมรายการประเมินราคา โดยมีเนื้อหาหลักระบุถึงเรื่องการเบิกจ่ายที่สอดคล้องกับการดำเนินการที่แล้วเสร็จไว้อย่างชัดเจน เช่น บางรายอาจแบ่งการเบิกจ่ายเป็น 3 งวด ดังนี้
* งวดที่ 1 เมื่อเซ็นสัญญา จ่าย 60 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 2 เมื่อดำเนินงานแล้วเสร็จ 70 เปอร์เซ็นต์ของเนื้องาน จ่ายเป็นจำนวนเงินอีก 30 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 3 เมื่องานแล้วเสร็จ จ่ายอีก 10 เปอร์เซ็นต์
หรืออาจระบุให้ละเอียดและชัดเจนขึ้น เช่น
* งวดที่ 1 เมื่อเข้ามาปรับพื้นที่ จ่าย 40 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 2 เมื่อดำเนินการก่อสร้างฮาร์ดสเคปแล้วเสร็จ จ่าย 50 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 3 เตรียมพื้นที่ปลูกต้นไม้ จ่าย 10 เปอร์เซ็นต์ หรือบางรายที่มีการรับประกันต้นไม้และเข้าดูแลรักษาต่อเนื่อง ก็อาจเบิกจ่ายกันงวดสุดท้ายตอนนั้นอีกทีก็ได้ ทั้งนี้การสำรองจ่ายล่วงหน้านั้น ส่วนใหญ่นักจัดสวนจะนำไปใช้เป็นค่ามัดจำต้นไม้ หรือซื้อหาวัสดุก่อสร้างต่างๆนั่นเอง
TIPS
- ศึกษารายละเอียดเรื่องต้นไม้ให้ดีก่อน และต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันทั้งสองฝ่าย เพราะบางครั้งต้นไม้ที่ระบุไว้ในแบบผังต้นไม้หรือในใบเสนอราคา กับต้นไม้ที่หาซื้อได้จริงอาจไม่ใช่ขนาดหรือรูปทรงอย่างเดียวกัน เจ้าของบ้านต้องยอมรับว่าราคาต้นไม้จากนักจัดสวนย่อมสูงกว่าราคาต้นไม้จากแหล่งผลิตและจำหน่าย เนื่องจากต้องมีค่าดำเนินการหาต้นไม้ ค่าขนส่ง ค่าดำเนินการปลูก ค่ารับประกันต้นไม้ หากต้นไม้ที่ปลูกให้เกิดตายหรือเสียหายขึ้นมาระหว่างการจัดสวน หรือช่วงเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจ้าง
- นักจัดสวนที่ดีไม่ควรยัดเยียดชนิดต้นไม้ที่มีอยู่ในฟาร์มต้นไม้ของตนให้ลูกค้า และควรเลือกต้นไม้ให้ลูกค้าอย่างสมเหตุสมผล ทั้งในเรื่องของราคา ชนิด และรูปทรงพุ่ม บางครั้งจะพบว่าต้นไม้เฉพาะกลุ่มที่นักจัดสวนเลือกให้ ทำให้สวนบ้านเราไม่แตกต่างจากบ้านอื่นที่นักจัดสวนคนนั้นจัดให้
ขอขอบคุณ คุณปณัฐ สุมาลย์โรจน์ จากบริษัท PERGOLA จำกัด ให้ข้อมูลเรื่องการร่างสัญญา
เรื่อง : “grassy”
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ
หากคุณคิดจะจ้างนักจัดสวน ควรเตรียมตัวอย่างไร?
ศึกษาก่อนจ้างนักจัดสวน
เจ้าของบ้านควรศึกษาหาข้อมูลก่อน ให้ตัวเองมีความรู้เรื่องจัดสวน หาอ่านจากหนังสือให้รู้ว่าการจัดสวนคืออะไร มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร เพื่อเป็นพื้นความรู้ก่อนไปจ้างนักจัดสวน นอกจากจะเป็นประโยชน์กับเจ้าของบ้านแล้ว ยังเป็นประโยชน์กับผู้รับจ้างทำงานนี้ด้วย เพราะทั้งสองฝ่ายจะเข้าใจกระบวนการทำงานและมองภาพในทิศทางเดียวกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คุยกันด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ไม่มีการโกงหรือหลอกลวงกัน เจ้าของบ้านไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดทั้งหมด แค่เข้าใจว่าวิธีการจัดที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร มีวิธีทำแบบไหน เรื่องราวพวกนี้หาอ่านได้ทั่วไป น่าจะช่วยให้ทั้งเจ้าของบ้านและนักจัดสวนทำงานร่วมกันได้อย่างสบายใจในระดับหนึ่ง
รู้หรือไม่
นักจัดสวนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
- กลุ่มร้านค้าต้นไม้ มีความชำนาญเรื่องการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้เป็นอย่างดี หากจะจ้างกลุ่มนี้สามารถสอบถามและขอดูผลงานจัดสวนที่เคยทำ ควรขอไปดูตัวอย่างผลงานจัดจริงด้วย เพราะการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเจ้าของบ้านที่เคยให้จัดสวนมาแล้ว จะได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง
- กลุ่มผู้รับเหมา อาจมีพื้นความรู้จากสาขาวิชาชีพอื่นที่มิใช่สาขาวิชาออกแบบจัดสวนโดยตรง แต่มีคนงานและเครื่องมือพร้อม ส่วนใหญ่มักไม่ได้เป็นผู้ออกแบบเอง แต่จะทำตามแบบที่เจ้าของบ้านมีอยู่แล้ว หรือเป็นแบบจากภูมิสถาปนิก นักจัดสวน หากเจ้าของบ้านต้องติดต่อให้ผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการจัดสวนให้ แนะนำให้ศึกษารายละเอียดต่างๆให้ดี เพราะบางครั้งแบบที่ได้รับการออกแบบไว้ เมื่อนำมาจัดจริงอาจไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่มี จึงต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนทุกขั้นตอน และมีการระบุในสัญญาให้ชัดเจน
- กลุ่มผู้ศึกษาทางด้านออกแบบจัดสวน ได้แก่ ภูมิสถาปนิก นักออกแบบภูมิทัศน์ หรือนักพืชสวนที่เชี่ยวชาญเรื่องต้นไม้ บางคนก็รับออกแบบอย่างเดียว บางคนก็รับออกแบบและรับเหมาจัดจนเสร็จไปด้วยในตัว โดยเจ้าของบ้านสามารถติดตามดูผลงานได้จากนิตยสาร หนังสือจัดสวน หรือการจัดสวนโชว์ในงานสวนและต้นไม้ต่างๆ
ขั้นตอนการว่าจ้าง
เมื่อติดต่อนักออกแบบจัดสวนได้ตรงกับแบบสวนที่อยากได้แล้ว ระหว่างที่นักจัดสวนเข้ามาเสนอแบบ เจ้าของบ้านก็สามารถเรียนรู้อุปนิสัย แนวคิด และแนวทางการทำงานร่วมกันกับนักจัดสวนคนนั้นได้ ในเรื่องของการว่าจ้าง ถ้าจะให้ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย น่าจะแบ่งขั้นตอนการจ่ายค่าจ้างเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการออกแบบ และ ขั้นตอนการจัดจริง เมื่อเจ้าของบ้านได้แบบมาแล้วก็สามารถเลือกหาผู้รับเหมาที่สามารถรับงานตรงตามงบประมาณที่มีอยู่ได้ ส่วนนักจัดสวนเองก็ไม่ต้องกังวลกับการถูกเจ้าของบ้านเบี้ยวค่าแบบ ที่สำคัญต้องคุยกันให้เข้าใจ และมีการร่างสัญญาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงขั้นตอนการจัดจริง ในสัญญาจะระบุถึงรายละเอียดในการเบิกจ่ายแต่ละครั้งว่างานที่ทำจะดำเนินการแล้วเสร็จไปถึงระดับไหน ในการตกลงเซ็นสัญญากันอาจมีการแนบสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของทั้งสองฝ่าย ให้แต่ละฝ่ายเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานฟ้องดำเนินคดีกันได้ หากพบว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา
รูปแบบการร่างสัญญา
โดยปกติสัญญาจ้างมักประกอบด้วยชื่อ “ผู้ว่าจ้าง” และ “ผู้รับจ้าง” และรายละเอียดของขอบเขตงานจ้างนั้นๆ ซึ่งแยกกล่าวได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
งานบริการออกแบบ หรือการรับจ้างออกแบบ ในสัญญาประกอบด้วยเนื้อหาหลักๆ ดังนี้
1. ขอบเขตงานบริการ ซึ่งจะเป็นตัวบอกว่าในการรับจ้างออกแบบนั้นประกอบด้วยขั้นตอนอะไร
1.1 การนำเสนอแนวคิดหลัก (Conceptual Design) เป็นขั้นตอนการศึกษาร่วมกันระหว่างผู้ออกแบบกับเจ้าของถึงแนวคิดและความต้องการ รวมทั้งวิเคราะห์สภาพทางกายภาพ ความชอบ เพื่อประมวลเป็นแบบร่างต่อไป
1.2 การนำเสนอแบบร่าง ส่วนใหญ่ได้แก่ ผังบริเวณทั้งโครงการหรือพื้นที่ ผังบริเวณเฉพาะส่วน รูปด้าน รูปตัด หรือรูปทัศนียภาพ
1.3 การนำเสนอแบบก่อสร้าง ประกอบด้วยผังบริเวณในแต่ละส่วน รูปด้าน รูปตัด ผังรายละเอียดชนิดต้นไม้ แบบโครงสร้างองค์ประกอบพิเศษต่างๆที่มี แบบระบบไฟฟ้า แบบระบบการให้น้ำ
2. ค่าจ้างงานบริการ ส่วนนี้จะสัมพันธ์กับส่วนแรก เพราะการเบิกจ่ายแต่ละครั้งจะสอดคล้องกับกระบวนการนำเสนอแบบแต่ละส่วน เช่น อาจแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด ดังนี้
* งวดที่ 1 เมื่อร่างสัญญา
* งวดที่ 2 เมื่อส่งแบบร่างครั้งสุดท้าย
* งวดที่ 3 เมื่อส่งแบบก่อสร้างแล้วทั้งหมด
* งวดที่ 4 เมื่อเริ่มลงมือก่อสร้าง ในสัดส่วนร้อยละ 20: 30: 40: 10
ค่าจ้างออกแบบจะขึ้นอยู่กับแบบต่างๆที่นักออกแบบจัดทำให้ รวมทั้งการบริการเข้าตรวจเยี่ยมระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ทั้งหมดนี้จะมีระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน
3. งานบริการรับเหมาจัดสวน สัญญาจ้างจะนำเสนอพร้อมรายการประเมินราคา โดยมีเนื้อหาหลักระบุถึงเรื่องการเบิกจ่ายที่สอดคล้องกับการดำเนินการที่แล้วเสร็จไว้อย่างชัดเจน เช่น บางรายอาจแบ่งการเบิกจ่ายเป็น 3 งวด ดังนี้
* งวดที่ 1 เมื่อเซ็นสัญญา จ่าย 60 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 2 เมื่อดำเนินงานแล้วเสร็จ 70 เปอร์เซ็นต์ของเนื้องาน จ่ายเป็นจำนวนเงินอีก 30 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 3 เมื่องานแล้วเสร็จ จ่ายอีก 10 เปอร์เซ็นต์
หรืออาจระบุให้ละเอียดและชัดเจนขึ้น เช่น
* งวดที่ 1 เมื่อเข้ามาปรับพื้นที่ จ่าย 40 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 2 เมื่อดำเนินการก่อสร้างฮาร์ดสเคปแล้วเสร็จ จ่าย 50 เปอร์เซ็นต์
* งวดที่ 3 เตรียมพื้นที่ปลูกต้นไม้ จ่าย 10 เปอร์เซ็นต์ หรือบางรายที่มีการรับประกันต้นไม้และเข้าดูแลรักษาต่อเนื่อง ก็อาจเบิกจ่ายกันงวดสุดท้ายตอนนั้นอีกทีก็ได้ ทั้งนี้การสำรองจ่ายล่วงหน้านั้น ส่วนใหญ่นักจัดสวนจะนำไปใช้เป็นค่ามัดจำต้นไม้ หรือซื้อหาวัสดุก่อสร้างต่างๆนั่นเอง
TIPS
- ศึกษารายละเอียดเรื่องต้นไม้ให้ดีก่อน และต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันทั้งสองฝ่าย เพราะบางครั้งต้นไม้ที่ระบุไว้ในแบบผังต้นไม้หรือในใบเสนอราคา กับต้นไม้ที่หาซื้อได้จริงอาจไม่ใช่ขนาดหรือรูปทรงอย่างเดียวกัน เจ้าของบ้านต้องยอมรับว่าราคาต้นไม้จากนักจัดสวนย่อมสูงกว่าราคาต้นไม้จากแหล่งผลิตและจำหน่าย เนื่องจากต้องมีค่าดำเนินการหาต้นไม้ ค่าขนส่ง ค่าดำเนินการปลูก ค่ารับประกันต้นไม้ หากต้นไม้ที่ปลูกให้เกิดตายหรือเสียหายขึ้นมาระหว่างการจัดสวน หรือช่วงเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจ้าง
- นักจัดสวนที่ดีไม่ควรยัดเยียดชนิดต้นไม้ที่มีอยู่ในฟาร์มต้นไม้ของตนให้ลูกค้า และควรเลือกต้นไม้ให้ลูกค้าอย่างสมเหตุสมผล ทั้งในเรื่องของราคา ชนิด และรูปทรงพุ่ม บางครั้งจะพบว่าต้นไม้เฉพาะกลุ่มที่นักจัดสวนเลือกให้ ทำให้สวนบ้านเราไม่แตกต่างจากบ้านอื่นที่นักจัดสวนคนนั้นจัดให้
ขอขอบคุณ คุณปณัฐ สุมาลย์โรจน์ จากบริษัท PERGOLA จำกัด ให้ข้อมูลเรื่องการร่างสัญญา
เรื่อง : “grassy”
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ