ใครดู the purge แล้วมาคุยกัน (สปอย)

หลังจากที่ได้ดูโฆษณาหนังตัวอย่างเรื่องนี้เรียกได้ว่ากระตุ้นต่อมอยากชมของผมมาก กับแนวคิดใหม่ กฎหมายออกแบบมาให้ทุกคนฆ๋ากันเองได้ทุก 1 คืนในหนึ่งปี โดยเลือกว่าจะเป็นผู้ล่า หรือผู้ถูกล่า(ซึ่งไม่ได้เลือกเอง) เป็นการลดอาชญกรรม ซึ่งในวันนั้นจะไม่มีตำรวจ รถพยาบาล ไม่มีใครช่วยนอกจากตัวเองและคนอื่นๆที่อยากจะช่วย ครอบครัวเเซนติน คือตัวละครในหนังที่เลือกที่จะอยู่กับบ้านกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงของบ้านเพราะ หัวหน้าตรอบตรัวทำงานขาย ระบบความปลอดภัย แต่แล้วลูกชายเจ้ากรรมดันช่วยชายคนหนึ่งมาจากข้างนอก ทำให้ผู้คนที่อารมณ์ค้างเพราะเหยื่อฆ่าพวกพ้องของตนไปหนึ่ง ตามมาจนถึงบ้านครอบครัวเเซนติน ที่ส่งเงื่อนไขให้ครอบครัวนี้ส่งเหยื่อที่ควรจะได้คืนมา

ผมจึงได้ลองไปดูผลปรากฎว่าเป็นที่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ใช้ไอเดียที่มีให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร เนื้อเรื่องไม่มีหักมุมอะไรมากมาย(หรือแทบไม่มี) หนังพยายามที่จะบอกความนัยว่าทุกคนย่อมใส่หน้ากากหากันคนที่คุณคิดว่าดีอาจจะมาฆ่าคุณได้ ตามที่ฆาตกรใช้การสวมหน้ากาก แต่กลับเอาลูกเล่นนั้นมาทำให้เกิดประโยขน์เพียงน้อยนิด กลายเป็นหนังฆาตกรรมโรคจิตดาษดื่นที่เห็นกันทั่วไป การบิ้วอารมณ์ความรู้สึกในเรื่อง ที่ควรจะค่อยๆตื่นเต้นที่ละนิด แล้วทำให้คนดูผวากลับ ดูจืดชืด เนิบนาบไร้ความกดดัน หวาดผวาแต่อย่างใด

นักแสดงที่แสดงเรื่องนี้อย่างลูกชายของครอบครัว กลับแสดงได้แข็งทื่อ ในจังหวะอารมณ์ที่ควรประหม่า ตื่นตกใจกลับนิ่งเฉย ดูเหมือนไม่ยี่หระต่อความตายที่กระชั้นเข้ามา (ลองเอาไปเทียบกับแคสนิส ในเรื่อง ฮักเกอร์เกมส์ ภาคแรก ตอนลงสู่สนามจะเห็นความต่าง) ซึ่งผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับนักแสดงคนนี้เพราะยังโนเนม อันนั้นเขาออสการ์ แต่ก็ควรจะบ่งบอกอารมณ์ให้มากกว่านี้

หนังเล่นกับคำถามที่ว่า พวกเรามนุษย์ จะยังคงความเป็นคนได้รึไม่ จะทำใจยอมรับได้ไหมว่าการเพิร์จทำให้คนหมู่มากยินดี แต่ในขณะเดียวกันก็ก่อสร้างความแค้น และสร้างความเดือดร้อนให้คนหมู่น้อย คล้ายๆคำถามว่า หากเลือกช่วยคนจมน้ำสองคน ที่หนึ่งเป็นเด็ก 3 ขวบ กันคนทีสองที่เป็น เด็กทารก เป็นคุณจะเลือกใคร เพราะหากเลือกใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องตาย อีกหนึ่งรอด รวมแล้วถ้าเต็ม 10 ผมให้แค่ 4 ละกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่