จาก Godzilla 1954 ถึง 2014(ในอนาคตอันใกล้)

Godzilla 1954 - ต้นฉบับ ก็อตซิลล่า ตัวแรกสุด
Director: Ishirô Honda
Writers: Ishirô Honda, Shigeru Kayama
Stars: Takashi Shimura, Akihiko Hirata, Akira Takarada

ปี ค.ศ.1954 ก็อตซิลล่าตัวแรกสุดได้ปรากฏตัว ซึ่งทางค่ายหนังบริษัท Toho ได้เปิดตัวภาคแรกนี้ในรูปแบบภาพยนต์ขาวดำ ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์ของญี่ปุ่นในยุคนั้นก็ว่าได้ อันกำกับโดยผู้กำกับนาม Ishiro Honda (ผู้เป็นเพื่อนสนิทและเคยกำกับผลงานร่วมกับ ผกก. ชื่อดังระดับตำนานของญี่ปุ่นอีกคน นั้นคือ "Akira Kurosawa" หนังที่ได้ร่วมงานกันก็อาทิ เรื่อง Dreams, Kagemusha หรือ Ran เป็นต้น)

* โปสเตอร์ Godzilla 1954


เผยในท้องเรื่องว่า ก็อตซิลล่า คือ สิ่งมีชีวิตสัตว์ประหลาดในตำนานของญี่ปุ่น มันเป็น "Kaiju" ชนิดหนึ่ง ไคจูในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง สัตว์ประหลาดยักษ์ อันเป็นความเชื่อปรัมปราของชาวบ้านแถบชายทะเล ที่ได้เล่าขานสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วว่า ภาวะปกติมันจะหลับใหลอยู่ใต้พื้นมหาสมุทรลึกลับ แต่จะออกมาอาละวาดบางครั้งคราวเมื่อธรรมชาติเกิดอาเพศวิปริต! ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวโยงกับสิ่งศักดิ์เชิงศาสนา และเล่ากันว่าสมัยก่อนยังมีพิธีกรรมสวดวิงวอน ทั้งผนวกการบูชายัญสังเวยชัวิตคน ปล่อยลอยไปสู่กลางทะเลให้มันกิน! อีกด้วยต่างหาก (*ตรงนี้สื่อว่าในอดีตอันไกลโพ้น มันก็เคยปรากฏตัวให้เห็นกันบ้างแล้วเหมือนกัน?) โดยดั้งเดิมนั้นถูกเรียกชื่อว่า "โกจิร่า" (Gojira) ซึ่งมาจากคำว่า Gorila หรือ ลิงกอริลล่า + Kujira ญี่ปุ่นแปลว่า ปลาวาฬ ... ส่วนในเชิงวิชาการ/วิทยาศาสตร์ที่สมมุติฐานต่อมาในยุคหลังนี้ให้ความเห็นว่า ก็อตซิลล่า แต่เดิมอาจเคยเป็นไดโนเสาร์พันธุ์หนึ่งในปลายยุคครีเตเชียสในชื่อ ก็อดซิลล่าซอรัส ซึ่งเมื่อเกิดวิกฤติการณ์สูญพันธุ์ไดโนเสาร์ครั้งใหญ่ มันกลับหนีรอดชีวิตไปได้ โดยไปซ่อนตัวจำศีลอยู่ในถ้ำใต้ทะเลลึกมานานนับล้านๆปี !แล้ว (ซึ่งแน่นอนหน้าตาดั้งเดิมแท้ของมันคงไม่ใช่ ก็อตซิลล่า ที่คุ้นเคยกันในหนังเสียทีเดียว แต่จะเป็นอย่างไรนั้นก็คงไม่มีใครทราบได้)

ต่อมาพอมาถึงยุคใหม่ที่มนุษย์ได้มีการทดลองรังสีปรมาณูหรือนิวเคลียร์ใต้ทะเล ที่เรียกว่า H-Bomb (A-bomb = Atomic Bomb เป็นนิวเคลียร์ฟิสชั่น ใช้หลักการยิงอะตอมธาตุพวกกัมมันตรังสี ด้วยนิวตรอน แล้วไปชนอะตอมอื่นๆอีก จนเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ เป็นการระเบิด ... ส่วน H-bomb = Hydrogen Bomb เป็นนิวเคลียร์ฟิวชั่น(แบบเดียวกับดวงอาทิตย์) ใช้หลักการหลอมรวมอะตอมไฮโดรเจนให้กลายเป็นอะตอมของฮีเลียม ให้พลังงานออกมามากกว่าฟิสชั่นหลายเท่า ข้อมูลว่า ปริมาณเท่ากัน H-bomb 1 ลูก = A-bomb 1000 ลูก ) ผลข้างเคียงที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ การระเบิดกลับเป็นกระตุ้นให้ โกจิร่า ในตำนานฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งทำปฏิกริยากับสารกัมมันตรังสีกลายพันธุ์มาเป็น ก็อตซิลล่า ตัวดำทะมึน ที่คุ้นจักกันดีในปัจจุบันนี่เอง ผลก็คือ ตัวมันใหญ่ยักษ์กำยำขึ้นมาก ผิวหนังหนาชนิดที่แม้แต่ระเบิดรุนแรงก็ไม่ระคายเคือง ทั้งมันยังมีพิษสงร้ายกาจสามารถพ้นแสงอะตอมทำลายล้างสูงได้ต่างหาก ประหนึ่งมีพลังงานนิวเคลียร์มหาศาลอยู่ในตัวมันเลยทีเดียว โดยมีครีบจำนวนมากที่ส่วนหลังของมันนั้นเป็นส่วนทำหน้าที่คล้ายเครื่องสปาร์คพลังได้เรื่อยๆ

แล้วมันก็ได้ก่อให้เกิดการสูญหายของเรือกลางทะเลมานักต่อนัก(ซึ่งในช่วงแรกยังไม่มีใครรู้ว่าหายได้อย่างไร) ทั้งยังขึ้นฝั่งมาอาละวาดทำลายล้างหมู่เกาะใกล้เคียงเป็นระยะๆ และต่อมาก็อตซิลล่าก็ได้บุกเข้าไปถึงใจกลางเมืองโตเกียวในที่สุด จนสร้างความเสียหายพินาศราบเป็นหน้ากลอง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้คนมากมายมหาศาลที่ต้องสังเวยชีวิตไป บ้างไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสพิกลพิการ จึงนับเป็นหายนะร้ายแรงเป็นครั้งที่ 2 ถัดจากการถูกทิ้งระเบิดที่เมืองฮิโรชิม่า-นางาซากิ ก็ว่าได้ *ในเชิงนัยยะของหนังแล้ว ก็อตซิลล่า ก็คือปมสัญลักษณ์ของบาดแผลอันยิ่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่น จากเหตุถูกบอมบ์ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมากับนางาซากิเมื่อครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง อันเป็นฝีมือของอเมริกานั่นเอง ก็อตซิลล่า จึงเสมือนรูปธรรมของ Symbolic ในหนังที่สื่อถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายของการใช้อาวุธมหาประลัยประหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาดร้ายที่ถือกำเนิดจากน้ำมือมนุษย์ แล้วได้กลับมาทำลายมนุษยชาติด้วยกันเองในที่สุด

* อีกวิธีการสะกัดกั้น ก็อตซิลล่า ไม่ให้เข้าเมืองด้วยการสร้างรั่วไฟฟ้าแรงสูง รอบชายฝั่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล


และในเรื่องก็มีปมสำคัญที่น่าสนใจอีกกรณีหนึ่ง ที่จะเป็นการคลี่คลายวิกฤติก็อตซิลล่า นั่นก็คือกรณีของ" ดร.เซริซาว่า " ( Daisuke Serizawa ) นักวิทยาศาสต์ชื่อดัง ผู้ได้ทำการศึกษาทดลองลับๆเป็นการส่วนตัวมายาวนาน จนได้ค้นพบสารที่มีอานุภาพปฏิกริยาทำลายล้างสูงที่ยิ่งเสียกว่านิวเคลียร์!เสียอีก นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า "อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์" (Oxygen Destroyer) อนุภาพของมันสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในน้ำ-ใต้ท้องทะเล สลายได้ในพริบตาอย่างเหลือเชื่อ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถทำลายร่าง-ผิวหนังอันแข็งหนาของก็อตซิลล่าให้สลายไปได้ด้วยเช่นกัน ... แต่ลึกๆแล้วส่วนตัว ดร. เองก็ไม่อยากจะเผยแพร่ความรู้/การค้นพบนี้ต่อสาธารณะแต่ประการใด ก็ด้วยเกรงมันจะถูกนำไปใช้ซ้ำรอยกับกรณีนิวเคลียร์ในอดีต ในตอนแรกจึงคิดจะเก็บความลับนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว และเก็บตัวเงียบไม่ปริปาก แต่ด้วยสถานะการณ์วิกฤติก็อตซิลล่าที่ทีวีความรุนแรงยิ่งๆขึ้นทุกวัน ในที่สุดเขาก็จำต้องนำมันออกไปใช้จนได้ แต่เพื่อไม่ให้ความลับ/ความรู้/สูตรเกี่ยวอ็อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ นี้แพร่งพรายไปถึงผู้ที่ไม่หวังดีอันอาจจะนำไปใช้ทางการทหารในอนาคต ดร.เซริซาว่า จึงได้ตัดสินใจเผาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอ็อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ที่เขามี ทั้งอุทิศตนที่จะทำการปิดฉากชีวิตของก็อตซิลล่า ด้วยการเสี่ยงดำน้ำลงไปกำจัดมันด้วยตัวเองเท่านั้น (ทั้งๆที่ตนก็ไม่ได้มีประสบการณ์การดำน้ำใต้ท้องทะเลแต่อย่างใด) และท้ายที่สุด ดร. ก็ได้พลีชีพตนเองไปในโศกนาฎกรรมครั้งนี้ด้วย จุดประสงค์ก็เพื่อให้ภูมิปัญญาความรู้ อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ ที่ยังมีอยู่ในสมอง/ความทรงจำของเขาแต่เพียงผู้เดียวนั้นได้ปิดฉากสูญสลายไปด้วยซะเลย

* ดร.เซริซาว่า - อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ - และฉากสุดท้ายซากก็อตซิลล่า


อีกนัยยะน่าสนใจแง่คิดจากหนังก็คือ ถึงก็อตซิลล่าตัวแรกนี้ได้สิ้นชีพไปแล้วก็ตาม มันก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าปลายเหตุเท่านั้น เพราะตราบใดที่ยังมีการทดลองรังสีปรมาณูนิวเคลียส์ อสูรร้ายกลายพันธุ์ทำนองก็อตซิลล่า ก็จะยังเกิดมีขึ้นมาอีกซักวันเป็นแน่ ดังที่ "Kyohei Yamane-hakase" นักวิทยาศาสตร์อีกคนผู้ชำนาญวิชาที่ว่าด้วยสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์ ผู้เสนอทฤษฏีว่าก็อตซิลลาเกิดจาก H-Bomb ทั้งยังเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยการฆ่าก็อตซิลล่า เขาอยากให้หาวิธีเก็บมันไว้ศึกษามากกว่า ซึ่งอาจได้รับประโยชน์อีกมากมายระยะยาว โดยได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างลึกซึ้งตอนจบของเรื่องว่า ...

"I can't believe that Godzilla was the last of its species. If nuclear testing continues ... the someday, somewhere in the world another godzilla may appear." : ผมไม่เชื่อว่านี่จะเป็นก็อตซิลล่าตัวสุดท้ายในเผ่าพันธุ์ของพวกมัน ตราบใดที่ยังมีการทดลองนิวเคลียร์ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ณ แห่งใดแห่งหนึ่งบนโลก จะมีก็อตซิลล่าตัวอื่นๆปรากฏตัวขึ้นอีกแน่นอน

หลังจากก็อตซิลล่า 1954 เป็นต้นมา ก็อตซิลล่าก็เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก มีหนังภาคใหม่ออกตามมาอีกนับหลายสิบภาค ทั้งฉบับญี่ปุ่นเองและฉบับอเมริกา ผนวกกับมีภาค Comics หรือ ภาคGame อีกต่างหาก ... แต่น่าเสียดายหนังภาคหลังๆนั้น ชั้นเชิงภาพยนตร์ในการสอดแทรกนัยยะเชิงวิทยาศาสตร์-การเมือง-สงคราม ทำนองในแบบฉบับของ 1954 ดั้งเดิมนั้น เหมือนจะเจือจางลงไปมากทีเดียว กลับกลายเป็นหนังเชิงแฟนซีเน้นบันเทิงต่อสู้มันส์ๆเป็นหลักซะมากกว่า โดยมีการจัดให้ก็อตซิลล่าปะทะฟัดกับสัตว์ประหลาดอื่นๆอีกด้วย ทั้งก็อตซิลล่าก็กลายเป็นฮีโร่ปกป้องโลกช่วยกำจัดวายร้ายสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆไปโดยปริยายอีกต่างหาก (ที่ดังๆคุ้นกันก็อาทิ ผีเสื้อยักษ์ Mothra, เม้นยักษ์ Anguirus, มังกรสามหัว King Ghidorah หรือแม้แต่สู้กับหุ่นยนต์ก็อตซิลล่าอย่าง Mechagodzilla เป็นต้น) ... แต่กระนั้นโดยรวมแล้วหนังก็ประสบผลสำเร็จในแง่การตอบรับ-รายได้เป็นอย่างดีเสมอมา ก็ด้วยแม่เหล็กรูปลักษณ์และน้ำเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ ของพระเอกหลักก็อตซิลล่านั่นเอง)


* ตัวอย่างสัตว์ประหลาดยักษ์หรือไคจูที่โด่งดัง ที่ถูกจับมาปะทะกับก็อตซิลล่าภาคพิเศษในเวลาต่อๆมา อาทิ ... แถวบนจากซ้ายตามลำดับ: Mothra, Anguirus, Rodan, - แถวล่างจากซ้าย: King Ghidorah, Mechagodzilla แมัแต่ Gamera ก็เคยเจอกะก็อตมาแล้ว เป็นต้น และถ้าให้นับภาคหนังสือการ์ตูน-เกมส์ด้วยแล้ว ก็ยังมีสัตว์ประหลาดยักษ์ปลีกย่อยอื่นๆอีกมากมาย สาธยายกันไม่หมดล่ะนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่