วิจารณ์ตามใจ ไม่อิงกับอะไรทั้งสิ้น
About Time ย้อนเวลาให้เธอปิ๊งรัก (ไม่ชอบชื่อภาษาไทยเอาซะเลย)
เพียงแค่เห็นโปสเตอร์รูปราเชล แม็คอดัมในชุดสีแดงยิ้ม ก็ตัดสินใจตีตั๋วดูเรื่องนี้แน่นอน
หนังว่าด้วยเรื่องของ ทิม ชายหนุ่มในตระกูลที่ผู้ชายทุกคนสามารถย้อนเวลาได้
แต่ไม่ได้ถึงกับย้อนไป เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อะไร นอกจากเหตุการณ์ที่ตัวเองมีส่วนร่วมและจำวันเวลาได้อย่างชัดเจนเท่านั้น และพระเอกของเราก็ใช้มันเท่านั้นจริงๆ
เพราะเมื่อเค้าเจอกับ เมรี่ นางเอกของเรื่องก็ตกหลุมรักในทันที แล้วก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่าง
ประดังเข้ามา ให้เค้าต้องใช้การย้อนเวลากลับไปแก้ไข เพียงเพื่อให้พิชิตใจนางเอกได้สำเร็จ(แค่นั้นจริงๆ)
ภาพรวมของตัวหนัง โดยส่วนตัวประทับใจเป็นพิเศษ เรียกกว่าเป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มใจเป็นอย่างยิ่ง ยกให้เป็นหนังรักที่ดีที่สุดเรื่องนึงของข้าพเจ้า เพียงแค่ 20 นาทีแรกของเรื่องก็ทำให้ข้าพเจ้านั่งยิ้มได้แบบไม่รู้ตัว ขอแยกเป็นองค์ประกอบต่างๆดังนี้
ตัวละคร
ตัวละครเรื่องนี้เป็นการรวบรวมเอา คาเร็กเตอร์อันหลากหลายที่ไม่สมบูรณ์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าเอ็นดู
เป็นทางเฉพาะของตัว ผกก. อย่างแท้จริง ดูจากผลงานเก่าๆอย่าง love actually / Bridjet Jones / Nothing Hill
“ทิม”พระเอกที่รูปร่างหน้าตาแสนจะเห่ย ผมสีส้ม (ในเรื่องยังโดนพ่อตัวเองล้อว่าเป็นได้หนุ่มหัวส้ม ) ท่าทางไม่มั่นใจอะไรซักอย่าง ความเขินอาย ท่าทางไม่มั่นใจ รวมถึงการไม่เคยผ่านการมีแฟนมาเลย เมื่อได้มาเจอกับนางเอกซึ่งเป็นเหมือนรักแรกพบ ทิมเองต้องพยายามทุกทางเพื่อตามจีบเธอให้ได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองเดินทางย้อนเวลาได้ ก็ไม่เคยทำอะไรให้ดูโอเว่อร์เกินจริง นอกจากทำสร้างคาเร็กเตอร์เท่ห์(ในแบบของทิม) เพื่อพิชิตใจนางเอก
“แมรี่” สาวขี้อาย ที่ไม่มั่นใจกํบผมม้าเต่อของตัวเอง แมรี่ มีคาเร็กเตอร์ที่ใครๆจะหลงรักได้ไม่ยากและไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แมรี่ก็ไม่เคยดูฉลาดหรือรู้ทันทิมได้เลย (รักสุดๆ)
ไหนจะเหล่าตัวสร้างสีสันให้กับเรื่อง แฮรี่ นักเขียนขี้วีนที่สุดในโลก เพื่อนทนายสุดเนิร์ด คิทแคทน้องสาวสุดขั้ว พ่อแม่ และลุงอัลไซเม่อร์ อีกหลายๆตัวที่เราหลงรักและจดจำได้ในทันที ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสาวเลสเบี้ยนของแฟนเก่า ปรากฏตัวแค่ไม่ถึง1นาทีแต่ก็ทำให้เราจำได้แม่นยำ ทุกตัวละครล้วนสร้างสีสันและมาในจังหวะที่ทำให้เราอมยิ้มได้ไปตลอดเรื่องจริงๆ
“ไดอะล็อก”
ความคมคาย ความตลกร้าย จังหวะในการมาแบบพอดีพอดี ทำให้เราอดอมยิ้มตามไม่ได้ เช่น ฉากที่พระเอกต้องเดินมาส่งนางเอกที่รถ (ใครดูแล้วไม่ยิ้มให้รู้ไป) ฉากขอใจเธอแลกเบอร์โทร (ข้าพเจ้าตั้งเอง) หรือจะเป็น ฉากที่พระเอกต้องมาเจอกับพ่อแม่นางเอกครั้งแรก (เรื่อง ออรัล)
“เพลงประกอบ”
ตั้งแต่เพลงแรก จนถึงเพลงสุดท้ายเชื่อว่าหลายคนที่ดูคงไล่ตามหาเพลงมาฟังอีกรอบ ส่วนตัวชอบเพลงที่พระเอกเจอนางเอกครั้งแรกและขอเบอร์กันมากกว่า (ไม่รู้ชื่อเพลงอะไร) ไม่แปลกที่หลายๆคนที่ออกมาจากโรงแล้วยังฮัมเพลง how long will I love you จนถึงบ้าน
“แอ็คติ้ง”
ขอโฟกัสที่ตัวพระเอก Domhnall Gleeson เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักเลย ถึงกับหาขอมูลแล้วพบว่าเคยเล่น แฮรี่ พอร์ตเตอร์มาก่อนแต่แม้แต่เห็นรูปในแฮรี่พอร์ตเตอร์แล้วก็ยังคงจำไม่ได้อยู่ดี แต่เรื่องนี้ การแสดงแบบธรรมชาติ ของหนุ่มขี้เห่ยไม่มั่นใจ Domhnall ก็ทำให้อย่างเป็นธรรมชาติและทำให้เราเชื่อสนิทใจ ตลอดทั้งเรื่องจะเห็นสายตาพระเอก แอบมองนางเอกด้วยความรักตลอดเวลา แม้ในยามที่เริ่มจะมีปัญหากัน ก็ยังคงเห็นความเป็นคนช่างยอมคน โดยเฉพาะกับนางเอก ยิ่งเวลาที่เข้าฉากกับพ่อในตอนท้ายๆเรื่อง แอ็คติ้งของพระเอกก็ทำให้เราน้ำตาซึมได้เลย แอ็คติ้งในฉากที่ชอบคือ ฉากตอนต้นๆเรื่องช่วงที่พระเอก พยายามจีบนางเอกใหม่ๆ รอยยิ้มแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านแบบนั้น โคตรเท่ห์เลยพี่เอ้ย ส่วน ราเชล แม็คอดัม ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็เล่นผ่านในระดับดีได้อย่างไม่มีข้อสงสัย เรื่องนี้ แอบทำให้นึกถึง notebook ที่เธอเคยเล่นไว้
ฉากประทับใจ
ฉากขอเบอร์ กับ ไดอะล็อกสุดเท่ห์ของพระเอก
ฉาก ย้อนเวลาลาบอกลาพ่อลูก ตั้งแต่โต๊ะปิงปองไล่ไปจนถึงทะเล
ฉากแต่งงานในพายุฝน
บทสรุป
ส่วนที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นแมสเสจของเรื่อง ความลับที่พ่อพระเอกบอกให้ การลองใช้ชีวิตแบบ 2 วันและมองให้เห็นความสวยงาม ความดีงามของสิ่งที่เกิดขึ้น ในทุกๆวันทุกเวลาที่ผ่านไป เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ มันมีสิ่งที่ดีสิ่งที่แย่เข้ามาเสมอ อยู่ที่ว่ามุมมองในชีวิตของเรา ที่จะมองให้เห็นความดีงามของสิ่งที่มันเกิดขึ้นหรือเปล่า
ใครชอบเรื่องนี้มาคุยกันนะครับ
"About Time" วิจารณ์ตามใจ
เพียงแค่เห็นโปสเตอร์รูปราเชล แม็คอดัมในชุดสีแดงยิ้ม ก็ตัดสินใจตีตั๋วดูเรื่องนี้แน่นอน
หนังว่าด้วยเรื่องของ ทิม ชายหนุ่มในตระกูลที่ผู้ชายทุกคนสามารถย้อนเวลาได้
แต่ไม่ได้ถึงกับย้อนไป เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อะไร นอกจากเหตุการณ์ที่ตัวเองมีส่วนร่วมและจำวันเวลาได้อย่างชัดเจนเท่านั้น และพระเอกของเราก็ใช้มันเท่านั้นจริงๆ
เพราะเมื่อเค้าเจอกับ เมรี่ นางเอกของเรื่องก็ตกหลุมรักในทันที แล้วก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่าง
ประดังเข้ามา ให้เค้าต้องใช้การย้อนเวลากลับไปแก้ไข เพียงเพื่อให้พิชิตใจนางเอกได้สำเร็จ(แค่นั้นจริงๆ)
ภาพรวมของตัวหนัง โดยส่วนตัวประทับใจเป็นพิเศษ เรียกกว่าเป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มใจเป็นอย่างยิ่ง ยกให้เป็นหนังรักที่ดีที่สุดเรื่องนึงของข้าพเจ้า เพียงแค่ 20 นาทีแรกของเรื่องก็ทำให้ข้าพเจ้านั่งยิ้มได้แบบไม่รู้ตัว ขอแยกเป็นองค์ประกอบต่างๆดังนี้
ตัวละคร
ตัวละครเรื่องนี้เป็นการรวบรวมเอา คาเร็กเตอร์อันหลากหลายที่ไม่สมบูรณ์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าเอ็นดู
เป็นทางเฉพาะของตัว ผกก. อย่างแท้จริง ดูจากผลงานเก่าๆอย่าง love actually / Bridjet Jones / Nothing Hill
“ทิม”พระเอกที่รูปร่างหน้าตาแสนจะเห่ย ผมสีส้ม (ในเรื่องยังโดนพ่อตัวเองล้อว่าเป็นได้หนุ่มหัวส้ม ) ท่าทางไม่มั่นใจอะไรซักอย่าง ความเขินอาย ท่าทางไม่มั่นใจ รวมถึงการไม่เคยผ่านการมีแฟนมาเลย เมื่อได้มาเจอกับนางเอกซึ่งเป็นเหมือนรักแรกพบ ทิมเองต้องพยายามทุกทางเพื่อตามจีบเธอให้ได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองเดินทางย้อนเวลาได้ ก็ไม่เคยทำอะไรให้ดูโอเว่อร์เกินจริง นอกจากทำสร้างคาเร็กเตอร์เท่ห์(ในแบบของทิม) เพื่อพิชิตใจนางเอก
“แมรี่” สาวขี้อาย ที่ไม่มั่นใจกํบผมม้าเต่อของตัวเอง แมรี่ มีคาเร็กเตอร์ที่ใครๆจะหลงรักได้ไม่ยากและไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แมรี่ก็ไม่เคยดูฉลาดหรือรู้ทันทิมได้เลย (รักสุดๆ)
ไหนจะเหล่าตัวสร้างสีสันให้กับเรื่อง แฮรี่ นักเขียนขี้วีนที่สุดในโลก เพื่อนทนายสุดเนิร์ด คิทแคทน้องสาวสุดขั้ว พ่อแม่ และลุงอัลไซเม่อร์ อีกหลายๆตัวที่เราหลงรักและจดจำได้ในทันที ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสาวเลสเบี้ยนของแฟนเก่า ปรากฏตัวแค่ไม่ถึง1นาทีแต่ก็ทำให้เราจำได้แม่นยำ ทุกตัวละครล้วนสร้างสีสันและมาในจังหวะที่ทำให้เราอมยิ้มได้ไปตลอดเรื่องจริงๆ
“ไดอะล็อก”
ความคมคาย ความตลกร้าย จังหวะในการมาแบบพอดีพอดี ทำให้เราอดอมยิ้มตามไม่ได้ เช่น ฉากที่พระเอกต้องเดินมาส่งนางเอกที่รถ (ใครดูแล้วไม่ยิ้มให้รู้ไป) ฉากขอใจเธอแลกเบอร์โทร (ข้าพเจ้าตั้งเอง) หรือจะเป็น ฉากที่พระเอกต้องมาเจอกับพ่อแม่นางเอกครั้งแรก (เรื่อง ออรัล)
“เพลงประกอบ”
ตั้งแต่เพลงแรก จนถึงเพลงสุดท้ายเชื่อว่าหลายคนที่ดูคงไล่ตามหาเพลงมาฟังอีกรอบ ส่วนตัวชอบเพลงที่พระเอกเจอนางเอกครั้งแรกและขอเบอร์กันมากกว่า (ไม่รู้ชื่อเพลงอะไร) ไม่แปลกที่หลายๆคนที่ออกมาจากโรงแล้วยังฮัมเพลง how long will I love you จนถึงบ้าน
“แอ็คติ้ง”
ขอโฟกัสที่ตัวพระเอก Domhnall Gleeson เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักเลย ถึงกับหาขอมูลแล้วพบว่าเคยเล่น แฮรี่ พอร์ตเตอร์มาก่อนแต่แม้แต่เห็นรูปในแฮรี่พอร์ตเตอร์แล้วก็ยังคงจำไม่ได้อยู่ดี แต่เรื่องนี้ การแสดงแบบธรรมชาติ ของหนุ่มขี้เห่ยไม่มั่นใจ Domhnall ก็ทำให้อย่างเป็นธรรมชาติและทำให้เราเชื่อสนิทใจ ตลอดทั้งเรื่องจะเห็นสายตาพระเอก แอบมองนางเอกด้วยความรักตลอดเวลา แม้ในยามที่เริ่มจะมีปัญหากัน ก็ยังคงเห็นความเป็นคนช่างยอมคน โดยเฉพาะกับนางเอก ยิ่งเวลาที่เข้าฉากกับพ่อในตอนท้ายๆเรื่อง แอ็คติ้งของพระเอกก็ทำให้เราน้ำตาซึมได้เลย แอ็คติ้งในฉากที่ชอบคือ ฉากตอนต้นๆเรื่องช่วงที่พระเอก พยายามจีบนางเอกใหม่ๆ รอยยิ้มแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านแบบนั้น โคตรเท่ห์เลยพี่เอ้ย ส่วน ราเชล แม็คอดัม ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็เล่นผ่านในระดับดีได้อย่างไม่มีข้อสงสัย เรื่องนี้ แอบทำให้นึกถึง notebook ที่เธอเคยเล่นไว้
ฉากประทับใจ
ฉากขอเบอร์ กับ ไดอะล็อกสุดเท่ห์ของพระเอก
ฉาก ย้อนเวลาลาบอกลาพ่อลูก ตั้งแต่โต๊ะปิงปองไล่ไปจนถึงทะเล
ฉากแต่งงานในพายุฝน
บทสรุป
ส่วนที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นแมสเสจของเรื่อง ความลับที่พ่อพระเอกบอกให้ การลองใช้ชีวิตแบบ 2 วันและมองให้เห็นความสวยงาม ความดีงามของสิ่งที่เกิดขึ้น ในทุกๆวันทุกเวลาที่ผ่านไป เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ มันมีสิ่งที่ดีสิ่งที่แย่เข้ามาเสมอ อยู่ที่ว่ามุมมองในชีวิตของเรา ที่จะมองให้เห็นความดีงามของสิ่งที่มันเกิดขึ้นหรือเปล่า
ใครชอบเรื่องนี้มาคุยกันนะครับ