อวิชา แปลง่ายๆคือฟามโง่วนั่นเอง ถ้าแปลตรงๆว่าไม่รู้ ไม่รู้อะไรก็คือไม่รู้วิชานั่นเอง
คลั่งไคล้ ตามหลัก Etymology หรือนิรุกติศาสตร์ มาจากคำว่า Fancy เป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่าผู้คลั่งไคล้ติดตามเชียร์กีฬาอย่างหนึ่งอย่างใดในภาษาอังกฤษ นักวิชาการบางคนก็บอกว่ามาจากคำว่า Fanaticus ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า "insanely but divinely inspired". คือคลั่งไคล้ขาดสติแต่ก็เป็นแรงขับดันที่ยอดเยี่ยม
พวกขับมอไซด์ โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ก็จะมีลักษณะที่เป็นแฟนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งด้วย เช่นคนขับฮอนด้าก็จะเกลียดยามาฮ่า หรือซู หรือ คาวา คนขับคาวาก็จะเกลียดฮอนด้า หรือ ยามาฮ่า แต่ก็ไม่อะไรกับซู คนขับซู ก็จะเฉยๆกับยี่ห้ออื่น ส่วนคนขับยามาฮ่าก็จะมองว่ายี่ห้ออื่นๆกากๆ
ลักษณะเช่นนี้คือการคลั่งไคล้แบบขาดสตินั่นเอง ขาดสติจนไม่สามารถรับรู้ข้อดีของรถยี่ห้ออื่นๆได้ แต่จะพยามยามคิดเอาเองหรือมโนเอาเองว่ายี่ห้อของตนดียังงั้นยังงี้ ดีกว่าเห็นๆ นี่ไงๆ ความจริงแล้วคนพวกนี้มีสาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะว่า
1. ขาดการยอมรับจากเพื่อนฝูง สังคม
คือคนพวกนี้จะหา Bigbike มาขับเพื่อให้เพื่อนฝูง และสังคมยอมรับเวลาไปจอดที่ไหน หรือติดไฟแดงก็จะเก็กว่านี่รถกรู เพื่อให้คนอื่นมองด้วยความชื่นชมยอมรับ
2. ขาดปัจจัยคือเงิน เรียกว่ารายได้ต่ำรสนิยมสูง
คนพวกนี้จะมีรายได้แค่เพียงซื้อได้ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งและเป็นรุ่นถูกๆ ที่ยังไม่เป็น Bigbike แต่ก็จะมโนว่าเป็น Bigbike พอมีคนว่านี่ไม่ใช่ Bigbike ก็จะโกรธมาก ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น
3. ขาดวิจารณญาน
มีเงินอยู่แสนฝ่าๆ ก็ไปถอย CBR250 แล้วก็บอกว่าเป็น Bigbike ทั้งๆที่เป็นรถสูบเดียว แค่เบิ้ลเครื่องก็สั่นจนมือชาแล้ว Bigbike จริงๆต้องบิดได้ถึง 200 ยืนพื้น ต้องผ่านเกณฑ์ทั้งสี่ข้อ
คลั่งไคล้ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งคืออวิชา
คลั่งไคล้ ตามหลัก Etymology หรือนิรุกติศาสตร์ มาจากคำว่า Fancy เป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่าผู้คลั่งไคล้ติดตามเชียร์กีฬาอย่างหนึ่งอย่างใดในภาษาอังกฤษ นักวิชาการบางคนก็บอกว่ามาจากคำว่า Fanaticus ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า "insanely but divinely inspired". คือคลั่งไคล้ขาดสติแต่ก็เป็นแรงขับดันที่ยอดเยี่ยม
พวกขับมอไซด์ โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ก็จะมีลักษณะที่เป็นแฟนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งด้วย เช่นคนขับฮอนด้าก็จะเกลียดยามาฮ่า หรือซู หรือ คาวา คนขับคาวาก็จะเกลียดฮอนด้า หรือ ยามาฮ่า แต่ก็ไม่อะไรกับซู คนขับซู ก็จะเฉยๆกับยี่ห้ออื่น ส่วนคนขับยามาฮ่าก็จะมองว่ายี่ห้ออื่นๆกากๆ
ลักษณะเช่นนี้คือการคลั่งไคล้แบบขาดสตินั่นเอง ขาดสติจนไม่สามารถรับรู้ข้อดีของรถยี่ห้ออื่นๆได้ แต่จะพยามยามคิดเอาเองหรือมโนเอาเองว่ายี่ห้อของตนดียังงั้นยังงี้ ดีกว่าเห็นๆ นี่ไงๆ ความจริงแล้วคนพวกนี้มีสาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะว่า
1. ขาดการยอมรับจากเพื่อนฝูง สังคม
คือคนพวกนี้จะหา Bigbike มาขับเพื่อให้เพื่อนฝูง และสังคมยอมรับเวลาไปจอดที่ไหน หรือติดไฟแดงก็จะเก็กว่านี่รถกรู เพื่อให้คนอื่นมองด้วยความชื่นชมยอมรับ
2. ขาดปัจจัยคือเงิน เรียกว่ารายได้ต่ำรสนิยมสูง
คนพวกนี้จะมีรายได้แค่เพียงซื้อได้ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งและเป็นรุ่นถูกๆ ที่ยังไม่เป็น Bigbike แต่ก็จะมโนว่าเป็น Bigbike พอมีคนว่านี่ไม่ใช่ Bigbike ก็จะโกรธมาก ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น
3. ขาดวิจารณญาน
มีเงินอยู่แสนฝ่าๆ ก็ไปถอย CBR250 แล้วก็บอกว่าเป็น Bigbike ทั้งๆที่เป็นรถสูบเดียว แค่เบิ้ลเครื่องก็สั่นจนมือชาแล้ว Bigbike จริงๆต้องบิดได้ถึง 200 ยืนพื้น ต้องผ่านเกณฑ์ทั้งสี่ข้อ