แรงบันดาลใจจากชายที่ชื่อสมคิด ลวางกูร

กระทู้สนทนา
แรงบันดาลใจนี่เป็นสิ่งสำคัญจริงๆนะครับ
ไม่ว่าเราจะทำอะไร ยืนอยู่ ณ จุดไหน หรือกำลังคิด กำลังจะทำอะไร ถ้าเราไม่มีแรงบันดาลใจหรือแรงผลัก แรงกระตุ้นแล้วล่ะก็ จิตใจก็จะพลอยห่อเหี่ยว เพราะฉะนั้นเราควรสร้างหรือหาแรงบันดาลใจไว้ เมื่ออ่อนล้า หมดแรงก็หยิบมาใช้ เพื่อให้ชีวิตก้าวต่อไป

ผมชอบอ่าน ฟัง หรือดูพวกประวัติชีวิตของคน จากคนที่ไม่ค่อยมีอะไรเลยจนกลายเป็นสุดยอดคนได้ อันที่จริงเราไม่รู้หรอกว่า ที่เขาเล่ามานั้น มันโม้หรือเกินจริงไปมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังของสิ่งที่เรารับรู้ต่างหาก หากสิ่งที่เขาเล่ามามันไปกระทบกับเรา เกิดพลังให้เราลุกขึ้นมาสู้ เอาเยี่ยงอย่าง นั่นคือผลที่ดีที่สุดของเรื่องเล่านั้นๆ แล้ว

ส่วนเขาจะโม้มาแค่ไหนนั่นไม่สำคัญแล้วล่ะประเด็นนี้

ผมอยากให้เพื่อนๆ ลองดูคลิปนี้นะครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เป็นคลิปของชายคนหนึ่งที่เล่าชีวิตของตัวเองได้อย่างน่าตื่นเต้น เร้าใจ และหยาบคาย ฮ่าๆ คลิปนี้มีความยาวชั่วโมงกว่า แต่ถ้ามีเวลาอยากให้ทุกคนฟังกัน เพราะผมฟังแล้วเกิดพลังมหาศาล (ตรงนี้แล้วแต่พื้นฐานแต่ละคนนะครับ บางคนฟังแล้วคล้อยตาม เกิดแรงบันดาลใจ ขณะที่บางคนฟังแล้ว ไม่อินเลย) คลิปนี้ผมดูไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง และ Convert เป็นไฟล์ mp3 ไปเปิดฟังในรถอีก (เดี๋ยวผมจะแถมลิงค์ดาวน์โหลดไฟล์ mp3 ให้ครับ) ส่วนใครที่อาจจะมีเวลาไม่มากหรืออยากฟังประวัติคร่าวๆ ลองอ่านที่ผมจะเขียนให้อ่านก็ได้ครับ ด้านล่างคลิป



เขาชื่อสมคิด ลวางกูร

ตอนที่เกิดนั้นยากจนมาก อยู่กับแม่และแม่ก็พาไปอยู่กับพระที่วัดเมื่ออายุได้ 2 ขวบ ตอนแรกนั้นเขาบอกว่านึกว่าเป็นลูกพระ ฮ่าๆ เรียกได้ว่าเป็นเด็กวัดมาตั้งแต่จำความได้ล่ะครับ ตอนยังเด็กนั้นเป็นเด็กวัดยากจนมาก มากขนาดที่ต้องแย่งหมากิน เขาเล่าตอนนี้ว่า “เพื่อนซื้อลูกชิ้นปิ้งมากิน ไอ่ผมน่ะไม่เคยกินหรอก อยากกินแต่ไม่มีเงินซื้อ พอเพื่อนมันกัดครั้งหนึ่งมันกัดแรงไป ลูกชิ้นลูกหนึ่งตกลงพื้น ผมก็มองหน้ากะหมา ผมกับหมาผมเร็วกว่ามันเยอะ เอาตีนกันหมาไว้ พอเพื่อนไปก็แอบเอามาปัดฝุ่นกิน โอย มันข่างอร่อย หวาน…) นี่แหละครับที่มาของคำว่าแย่งหมากิน

เขารู้สึกว่าทำไมชีวิตมันต้องลำบากขนาดนี้ ทำไมมันบัดซบขนาดนี้ มีความคิดว่าถ้ารวยแล้วทุกอย่างคงดีขึ้น อยากรวย วันหนึ่งมีพระองค์หนึ่ง แกมาจากกรุงเทพ ก็ไปถามแก อยากรวยทำยังไง พระบอก ถ้าอยากรวยต้องมีความรู้ ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ จากนั้นก็เขาแหละครับ ตะลุยอ่านหนังสือจนหมดวัด ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งของ เดล คาร์เนกี เป็นหนังสือเก่ามาก ไม่มีปก ในหนังสือเล่มนั้นบอกเขาว่า

“คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องมีเป้าหมาย”

คร่าวๆนะครับ ตรงนี้ เดล คาร์เนกี บอกว่า ให้คุณตั้งเป้าหมายที่ใหญ่จนเกือบจะทำไม่ได้ ให้เวลาที่เหมาะสมกับเป้าหมาย จากนั้นก็ประกาศให้โลกรู้ ลงมือทำทันที และอย่าหยุดจนกว่าจะถึงเป้าหมาย

เด็กวัดยากจนอย่างสมคิด ลวางกูร ระเบิดเป้าหมายของตนเองออกมา 5 ข้อ ได้แก่ ก่อนอายุ 25 จะมีเงิน 1 ล้านบาท จะได้ทำงานบนเครื่องบิน จะพูดภาษาอังกฤษให้ได้ จะไปเที่ยวรอบโลก จะมีเมียเป็นนางงาม ฮ่าๆ

จากนั้นก็ประกาศให้โลกรู้ ฮ่าๆ ใครมันจะไปประกาศล่ะครับ คิดยังอายเลย เก็บงำไว้ในใจ วันหนึ่งไปเที่ยวเล่นเฮฮา กลับมาถึงวัดค่ำไปหน่อย เพื่อนเก็บแกงเนื้อมะเขือพวงไว้ให้ ปรากฏว่าแกงเน่า ข้าวบูด ก็ล้างกินไปตามนั้น เพราะไม่กินก็ไม่ได้ มันหิว ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจจึงระเบิดเป้าหมายทั้ง 5 ข้อให้เพื่อนฟัง ได้ประกาศเป้าหมายนับแต่วันนั้น


เมื่อประกาศเป้าหมายแล้วก็ต้องหาทางเดินไปสู่เป้าหมาย ตอนนั้นเขาอายุ 13 ปี ไปเจอเรื่องราวของชาติชาย เชี่ยวน้อย นักมวยชื่อดังของไทยขึ้นชกได้ไฟล์ละล้าน ชกมา 10 ปีได้เป็นแชมป์โลก สมคิดก็จะเอาอย่างบ้าง ตอนนี้อายุ 13 ชกอีก 10 ปีก็อายุ 23 ได้เป็นแชมป์โลก ตามเป้าเลย มีเงินล้านก่อนอายุ 25

ปรากฏว่าชกไปได้ 5 ปี ก็ต้องเลิก เพราะแม่ดันไปเจอเข้า ก่อนหน้านี้หลอกแม่มาตลอดเรื่องชกมวย พอแม่รู้เข้าแม่ขอร้องให้เลิกชก ก็คิดได้ว่า ตลอดชีวิตนี้แม่ทำงานหนักมาตลอด เขาก็ไม่อยากทำให้แม่ลำบากใจ จึงตัดสินใจเลิกชก ตอนนั้นอายุได้ 17 ปี

พอเลิกชกก็ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มีคนบอกให้ไปอยู่ร้านอาหาร เพราะไม่ต้องกลัวอดตาย ที่ซุกหัวนอนก็มี เขาไปเสิร์ฟอาหาร แต่ด้วยความที่รักดีก็ไปลงทะเบียนเรียนไว้ด้วย ช่วงนั้นชีวิตลำบาก มาอยู่กรุงเทพต้องทำงาน เรียน ส่งเงินให้แม่ ส่งเงินให้น้อง รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ก็มีคนแนะนำให้ไปทำอาบ อบ นวด

สมคิดไปทำอาบ อบ นวด ช่วยชงเหล้าให้แขก รายได้ดีมากๆ ตอนนั้นคิดจะเสิร์ฟเหล้าให้ได้ล้านเลยทีเดียว แต่เมื่อเขาอยู่กับสิ่งแวดล้อมแบบนั้น มนุษย์เดินดินคนนี้ก็หนีไม่พ้น ห่วงโซ่อบายมุข สุดท้ายเขาติดเหล้า ติดผู้หญิง ติดการพนัน ติดยาเสพติด ติดทุกอย่างที่ไม่ดี แต่เขาไม่อยากติด เขาอยากเลิก แต่มันเลิกไม่ได้เพราะสิ่งแวดล้อมมันยั่วยุเหลือเกิน

ตอนนั้นเขาอายุได้ 21 ปี ตัดสินใจสมัครเป็นทหารเกณฑ์ ตอนนี้เองที่เลิกอบายมุขทุกอย่างได้ พอจะครบปลดประจำการ นายดันชอบ จะติดยศให้ ให้แฟลชหลังหนึ่ง พร้อมรถประจำตำแหน่ง โอโห ชีวิต

ตอนเดียวกันนั้น แม่ซึ่งไปเป็นคนรับใช้บ้านเจ้านายซึ่งทำงานการบินไทย ก็บอกให้สมคิดไปสอบการบินไทย เขาก็ไปทั้งที่ใจจะเป็นทหารอยู่แล้ว พอไปปรากฏว่าได้ ฮ่าๆ ชีวิต ตอนนี้ได้งาน 2 อย่างพร้อมกัน เขาต้องตัดสินใจ

เดล คาร์เนกี บอกไว้ว่าเมื่อมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตหรือช่วงที่ต้องตัดสินใจให้กลับไปมองดูเป้าหมาย สมคิดมองเป้าหมายทั้ง 5 ข้อ ของเขา และการบินไทยตอบโจทย์นั้นได้มากกว่าการเป็นทหาร สุดท้ายเขาเข้าทำงานที่การบินไทย แผนกครัวการบินไทย

ช่วงที่ทำงานที่การบินไทย เขาก็เรียนภาษาอังกฤษต่อด้วย นั่นทำให้ภาษาอังกฤษเขาพัฒนา เมื่อทำงานครบ 2 ปี เขาลาออกจากการบินไทย ไปทำงานกับสแกนดิเวียนแอร์ไลน์ (SAS)

ที่นี่เองที่เขาพัฒนาตัวเองถึงขั้นที่สุด สแกนดิเวียนแอร์ไลน์ (SAS) เป็นบริษัทจัดการสนามบินเปิดใหม่ทั่วโลก สมคิดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฝ่ายปฏิบัติการสนามบิน ได้เข้าทำงาน และอาสาปฏิบัติงานต่างๆ จนสำเร็จ ได้เลื่อนขั้นทุกๆ ครึ่งปี เขาบอกว่า

“ตั้งแต่ทำงานที่สแกนดิเวียนแอร์ไลน์ (SAS) มา ยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่จะเก่งกว่าผม”

ตอนอายุ 25 ปี เขากางสมุดบัญชีออก ตรวจสอบเป้าหมายชีวิต ไม่มีข้อไหนบิดพลิ้ว

ความจริงเรื่องราวยังมีต่อ

เป็นเรื่องหลังจากเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดทั้งมวลมาได้ และกลับมาหายนะอีก ฮ่าๆ แต่อยากให้ท่านไปดูเองจากคลิป หรือจากหนังสือของคุณสมคิดก็ได้ครับ

แถม คลิปเสียง Mp3 จากคลิปวีดีโอด้านบนนะครับ เอาไปเปิดฟังในรถได้เลย คลิ๊ก!
http://www.mediafire.com/download/5ccym4t0ckvxjmx/Target+is+Everything+-+ThaiMao.com.mp3

ลองอ่าน ลองฟัง ลองศึกษากันดูนะครับ ผมรับรองว่าบางสิ่งที่ดี จะคงค้างอยู่ในใจของทุกท่าน มีความคิดเห็นเช่นไร ฝาก Comment กันได้ครับ

Source:http://thaimao.com/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A3/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่