EP: 4.3
วงกตหัวใจ
หัวใจคนเราก็มีแค่สี่ห้อง แต่ทำไมหัวใจบางคนจึงสลับซับซ้อนจนไม่อาจทำความเข้าใจได้
ร้านอาหารกึ่งผับสุดหรูย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ในเย็นวันศุกร์ที่คร่าคร่ำไปด้วยคนทำงานที่มาปาร์ตี้สังสรรค์ฉลองวันสุดท้ายของการทำงานทั้งอาทิตย์ ร้านแห่งนี้ถือว่าดังมากของย่านนี้ถึงขนาดว่าหากไม่จองโต๊ะก่อนก็อาจไม่มีที่นั่งเลยก็ว่าได้ ร้านนี้สามารถดึงดูดหนุ่มสาววันทำงานทั้งกระเป๋าหนักและกระเป๋าเบาด้วยการตกแต่งดูดี บรรยากาศโล่งโปร่ง พร้อมมีดนตรีสดฟังเพราะๆ กับเพลงที่ฮิตติดหู ทั้งสมัยนี้และเพลงสมัยสิบปีที่แล้วจับกลุ่มตลาดคนทำงานที่อยากรำลึกความหลังสมัยละอ่อนเป็นอย่างดี
นอกจากบรรยากาศสุดหรูในราคาที่สามารถจ่ายได้ ยังมีเหตุผลลึกๆ ในใจที่ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างหลั่งไหลมาที่นี่...
ชายหนุ่มหวังความโชคดีได้เจอหญิงสาวรักสนุกที่จะตกลงปลงใจกับเขาในคืนนี้โดยไม่มีข้อผูกมัดในวันรุ่งขึ้น ส่วนกับหญิงสาวก็ต่างแต่งตัวประชันโฉมกันสุดฤทธิ์เพื่อออกตามหาเจ้าชายในฝัน ที่อยากให้เป็นรักแท้
หญิงสาวสี่คนนั่งโต๊ะกลางร้านโดดเด่น ชุดที่ใส่มาเรียบหรูดูดี ดังสาวออฟฟิตที่มีรสนิยม เปิดเผยเนื้อหนังมังสาแต่พองาม ใบหน้าฉาบด้วยคอสเมติกที่พวกหล่อนบอกว่า ‘ออกจากออฟฟิตก็รีบมาเลย...หน้าก็ไม่ได้เติม ผมก็ไม่ได้เซ็ต ชุดก็ไม่ได้เปลี่ยน’ แม้ว่าหญิงสาวทั้งสี่ที่เป็นเพื่อนกันจากรั้วมหาวิทยาลัย จะไม่ค่อยเจอกันบ่อยนัก เพราะการมากินข้าวในร้านอาหารหรูๆ เช่นนี้ มันก็ทำให้ขนหน้าแข้งสาวออฟฟิตที่เริ่มทำงานได้ 3 ปีร่วงได้ แต่การไม่ได้พบกัน ไม่ใช่อุปสรรค์ของความเป็นเพื่อน เพราะพวกเธอยังติดต่อกันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทั้งเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ Skype และ Line อย่างสนุกสนานจนหายคิดถึง จนบางครั้งแม้มาเจอหน้ากันจริงๆแล้ว ก็เผลอลืมไปว่า เพื่อนตัวเป็นๆ นั่งอยู่ตรงหน้า เพราะต่างคน ต่างเล่นโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ดี
ปานจาริณมองเพื่อนๆ ทั้งสามอย่างอึดอัด เธอไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้นัก เธอจิบเบียร์ดำช้าๆ มองไปรอบๆ บรรยากาศดีๆ ดนตรีเพราะๆ ที่เพื่อนเธอไม่มีใครสนใจ ต่างให้ความสนใจอยู่แต่กับโทรศัพท์ ที่เธอคิดว่า นอนเล่นอยู่บ้านก็ได้ จะเสียตังค์มานั่งที่ร้านเพื่อเล่นโทรศัพท์ทำไม
“นี่ๆ มา มะ ถ่ายรูปกัน” วิกานดาชี้ชวนเพื่อนถ่ายรูป เพื่ออัพลงเฟสบุ๊ค ก่อนให้บริกรถ่ายรูปให้
รูปถูกถ่ายไปหลายสิบรูป จากกล้อง 3 ตัว...แต่ที่หมายเดียวกันของรูป คือ เฟสบุ๊ค
“แต่งรูปก่อนนะเธอ...รูปไหนจะลง เอามาให้ชั้นดูก่อนนะ” สุกัญญา กล่าวเตือนเพื่อนๆ ถึงกฎการลงรูปของเธอ “ห้ามแท๊กนะ...ห้ามแท๊ก ถ้าชอบเดียวไปแท๊กเอง”
“แหม...สวยอยู่แล้วแหละหล่อน แต่งตัวมาซะพวกชั้นดับเลยนะ” ภาวดี แอบแซวเพื่อนสาว
“อะไร...นี่ชุดทำงานปกติเลยนะ แต่งแบบนี้ทุกวัน” สุกัญญาปฏิเสธแก้เก้อ แม้ว่าชุดที่เธอใส่มาวันนี้จะเป็นชุดที่เธอคัดสรรมาทั้งอาทิตย์แล้วก็ตาม
“เมื่อไหร่นังอุ๊จะมาเนี่ย...” วิกานดาพูดอย่างหงุดหงิดกับการรอคอยเพื่อนสาวที่เป็นเจ้าของนัด แม้การมานั่งเล่นโทรศัพท์และถ่ายรูปจะช่วยคลายอารมณ์เซ็งกับการนั่งกับเพื่อนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าได้บ้าง แต่การนั่งนานๆ โดยที่ไม่ได้เม้าท์ ไม่ได้นินทา ก็ทำให้วิกานดาหงุดหงิดไม่น้อย ซึ่งแน่นอนเรื่องนินทาเรื่องหนึ่งที่วิกานดาคันปากอยากจะนินทา ก็คือเรื่องของ ปานจาริณ แต่วันนี้เจ้าทุกข์กลับนั่งอยู่ตรงหน้าเธอเสียนี่...วันนี้เธอจึงได้แต่นั่งเงียบๆเล่นโทรศัพท์อย่างอึดอัด
สองทุ่มครึ่ง สาวร่างอวบเดินจูงมือชายร่างอวบไม่แพ้กันเข้ามาในร้าน ที่ดึงดูดความสนใจของเพื่อนสาวทั้งสี่ให้โบกมือเรียกอย่างร่าเริงเกินปกติ จนเป็นที่สนใจของคนทั้งร้าน สาวร่างอวบมปรี่เข้ามานั่งด้วยทีท่าร่าเริงไม่แพ้กัน
“มาช้านะหล่อน” วิกานดาเอ่ยทัก
“ก็พี่สินดิ๊...ติดประชุม เลยมารับช้า” อุ๊ เพื่อนสาวพึ่งมาใหม่จีบปากจีบคอตอบ “จะประชุมอะไรนักหนาก็ไม่รู้ เย็นวันศุกร์แท้ๆ”
“นั้นดิ๊...วันศุกร์ คนเขาเลิกทำงานกันแล้ว” สุกัญญาสนับสนุน
“อืม...ถ้าเป็นคนอื่นคงเลิกทำงานแหละ แต่พี่สันเป็นถึงผู้จัดการเลยต้องทำงานเยอะกว่าคนอื่น นี่บางทีต้องหอบงานมาทำเสาร์อาทิตย์ด้วยนะ” อุ๊พูดด้วยน้ำเสียงบ่นๆ แต่แฝงด้วยความโอ้อวด พร้อมหันไปทางว่าที่สามีที่ทำหน้าภูมิใจไม่แพ้กัน “ไม่ได้หรอกครับ...ถ้าไม่ขยัน ก็ไม่มีตังค์มาขอน้องอุ๊สิครับ” ว่าที่สามีกล่าวอย่างภูมิใจ
“แหม...พักบ้างก็ได้ แม่อุ๊ไม่ได้เรียกสินสอดเยอะสักหน่อย แค่ล้านเดียวเองทำไม่กี่เดือนก็ได้แล้ว” อุ๊ตอบรับอย่างลอยหน้าลอยตา โดยที่ไม่สังเกตสีหน้าเพื่อนๆ ที่ยิ้มแบบฝืนๆ
“เพื่ออนาคตของเรานะครับ” สันชัยยังหวานไม่เลิกจนเพื่อนที่นั่งด้วยต้องอุทาน ด้วยความหมั้นไส้ในความหวาน และรำคาญในความโอ้อวดอยู่ลึกๆ
“อูย...ไม่ต้องหวานมากก็ได้ค่ะ จะแต่งงานกันอยู่แล้ว” วิกานดาตัดบทก่อนเป็นคนแรก
“อะว่าแต่ ไหนละการ์ด...ไม่ให้ ชั้นไม่ใส่ซองนะยะ” ภาวดีรีบเข้าเรื่องของธุระวันนี้
ค่ำคืนล่วงเลยไปสี่ทุ่มกว่า ส่วนใหญ่หัวข้อการสนทนาจะวนเวียนอยู่กับว่าที่คู่สามีภรรยา แม้ทั้งคู่จะอยู่กินกันมากกว่า 2ปีแล้ว แต่การจัดงานแต่งงานก็ทำให้ทั้งคู่ตื่นเต้นไม่น้อย ตลอดการสนทนาว่าที่คู่แต่งงาน ดูเหมือนจะมีความสุขในโลกของทั้งคู่ บางครั้งโชว์หวานไม่แคร์สายตาเพื่อนสาวที่ส่วนใหญ่จะโสด
(มีต่อจร้า......)
Happy Friday (วงกตรัก กับดักดาว ชื่อเดิม'สุขสันต์วันศุกร์')_EP4: วงกตหัวใจ (3)
วงกตหัวใจ
หัวใจคนเราก็มีแค่สี่ห้อง แต่ทำไมหัวใจบางคนจึงสลับซับซ้อนจนไม่อาจทำความเข้าใจได้
ร้านอาหารกึ่งผับสุดหรูย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ในเย็นวันศุกร์ที่คร่าคร่ำไปด้วยคนทำงานที่มาปาร์ตี้สังสรรค์ฉลองวันสุดท้ายของการทำงานทั้งอาทิตย์ ร้านแห่งนี้ถือว่าดังมากของย่านนี้ถึงขนาดว่าหากไม่จองโต๊ะก่อนก็อาจไม่มีที่นั่งเลยก็ว่าได้ ร้านนี้สามารถดึงดูดหนุ่มสาววันทำงานทั้งกระเป๋าหนักและกระเป๋าเบาด้วยการตกแต่งดูดี บรรยากาศโล่งโปร่ง พร้อมมีดนตรีสดฟังเพราะๆ กับเพลงที่ฮิตติดหู ทั้งสมัยนี้และเพลงสมัยสิบปีที่แล้วจับกลุ่มตลาดคนทำงานที่อยากรำลึกความหลังสมัยละอ่อนเป็นอย่างดี
นอกจากบรรยากาศสุดหรูในราคาที่สามารถจ่ายได้ ยังมีเหตุผลลึกๆ ในใจที่ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างหลั่งไหลมาที่นี่...
ชายหนุ่มหวังความโชคดีได้เจอหญิงสาวรักสนุกที่จะตกลงปลงใจกับเขาในคืนนี้โดยไม่มีข้อผูกมัดในวันรุ่งขึ้น ส่วนกับหญิงสาวก็ต่างแต่งตัวประชันโฉมกันสุดฤทธิ์เพื่อออกตามหาเจ้าชายในฝัน ที่อยากให้เป็นรักแท้
หญิงสาวสี่คนนั่งโต๊ะกลางร้านโดดเด่น ชุดที่ใส่มาเรียบหรูดูดี ดังสาวออฟฟิตที่มีรสนิยม เปิดเผยเนื้อหนังมังสาแต่พองาม ใบหน้าฉาบด้วยคอสเมติกที่พวกหล่อนบอกว่า ‘ออกจากออฟฟิตก็รีบมาเลย...หน้าก็ไม่ได้เติม ผมก็ไม่ได้เซ็ต ชุดก็ไม่ได้เปลี่ยน’ แม้ว่าหญิงสาวทั้งสี่ที่เป็นเพื่อนกันจากรั้วมหาวิทยาลัย จะไม่ค่อยเจอกันบ่อยนัก เพราะการมากินข้าวในร้านอาหารหรูๆ เช่นนี้ มันก็ทำให้ขนหน้าแข้งสาวออฟฟิตที่เริ่มทำงานได้ 3 ปีร่วงได้ แต่การไม่ได้พบกัน ไม่ใช่อุปสรรค์ของความเป็นเพื่อน เพราะพวกเธอยังติดต่อกันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทั้งเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ Skype และ Line อย่างสนุกสนานจนหายคิดถึง จนบางครั้งแม้มาเจอหน้ากันจริงๆแล้ว ก็เผลอลืมไปว่า เพื่อนตัวเป็นๆ นั่งอยู่ตรงหน้า เพราะต่างคน ต่างเล่นโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ดี
ปานจาริณมองเพื่อนๆ ทั้งสามอย่างอึดอัด เธอไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้นัก เธอจิบเบียร์ดำช้าๆ มองไปรอบๆ บรรยากาศดีๆ ดนตรีเพราะๆ ที่เพื่อนเธอไม่มีใครสนใจ ต่างให้ความสนใจอยู่แต่กับโทรศัพท์ ที่เธอคิดว่า นอนเล่นอยู่บ้านก็ได้ จะเสียตังค์มานั่งที่ร้านเพื่อเล่นโทรศัพท์ทำไม
“นี่ๆ มา มะ ถ่ายรูปกัน” วิกานดาชี้ชวนเพื่อนถ่ายรูป เพื่ออัพลงเฟสบุ๊ค ก่อนให้บริกรถ่ายรูปให้
รูปถูกถ่ายไปหลายสิบรูป จากกล้อง 3 ตัว...แต่ที่หมายเดียวกันของรูป คือ เฟสบุ๊ค
“แต่งรูปก่อนนะเธอ...รูปไหนจะลง เอามาให้ชั้นดูก่อนนะ” สุกัญญา กล่าวเตือนเพื่อนๆ ถึงกฎการลงรูปของเธอ “ห้ามแท๊กนะ...ห้ามแท๊ก ถ้าชอบเดียวไปแท๊กเอง”
“แหม...สวยอยู่แล้วแหละหล่อน แต่งตัวมาซะพวกชั้นดับเลยนะ” ภาวดี แอบแซวเพื่อนสาว
“อะไร...นี่ชุดทำงานปกติเลยนะ แต่งแบบนี้ทุกวัน” สุกัญญาปฏิเสธแก้เก้อ แม้ว่าชุดที่เธอใส่มาวันนี้จะเป็นชุดที่เธอคัดสรรมาทั้งอาทิตย์แล้วก็ตาม
“เมื่อไหร่นังอุ๊จะมาเนี่ย...” วิกานดาพูดอย่างหงุดหงิดกับการรอคอยเพื่อนสาวที่เป็นเจ้าของนัด แม้การมานั่งเล่นโทรศัพท์และถ่ายรูปจะช่วยคลายอารมณ์เซ็งกับการนั่งกับเพื่อนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าได้บ้าง แต่การนั่งนานๆ โดยที่ไม่ได้เม้าท์ ไม่ได้นินทา ก็ทำให้วิกานดาหงุดหงิดไม่น้อย ซึ่งแน่นอนเรื่องนินทาเรื่องหนึ่งที่วิกานดาคันปากอยากจะนินทา ก็คือเรื่องของ ปานจาริณ แต่วันนี้เจ้าทุกข์กลับนั่งอยู่ตรงหน้าเธอเสียนี่...วันนี้เธอจึงได้แต่นั่งเงียบๆเล่นโทรศัพท์อย่างอึดอัด
สองทุ่มครึ่ง สาวร่างอวบเดินจูงมือชายร่างอวบไม่แพ้กันเข้ามาในร้าน ที่ดึงดูดความสนใจของเพื่อนสาวทั้งสี่ให้โบกมือเรียกอย่างร่าเริงเกินปกติ จนเป็นที่สนใจของคนทั้งร้าน สาวร่างอวบมปรี่เข้ามานั่งด้วยทีท่าร่าเริงไม่แพ้กัน
“มาช้านะหล่อน” วิกานดาเอ่ยทัก
“ก็พี่สินดิ๊...ติดประชุม เลยมารับช้า” อุ๊ เพื่อนสาวพึ่งมาใหม่จีบปากจีบคอตอบ “จะประชุมอะไรนักหนาก็ไม่รู้ เย็นวันศุกร์แท้ๆ”
“นั้นดิ๊...วันศุกร์ คนเขาเลิกทำงานกันแล้ว” สุกัญญาสนับสนุน
“อืม...ถ้าเป็นคนอื่นคงเลิกทำงานแหละ แต่พี่สันเป็นถึงผู้จัดการเลยต้องทำงานเยอะกว่าคนอื่น นี่บางทีต้องหอบงานมาทำเสาร์อาทิตย์ด้วยนะ” อุ๊พูดด้วยน้ำเสียงบ่นๆ แต่แฝงด้วยความโอ้อวด พร้อมหันไปทางว่าที่สามีที่ทำหน้าภูมิใจไม่แพ้กัน “ไม่ได้หรอกครับ...ถ้าไม่ขยัน ก็ไม่มีตังค์มาขอน้องอุ๊สิครับ” ว่าที่สามีกล่าวอย่างภูมิใจ
“แหม...พักบ้างก็ได้ แม่อุ๊ไม่ได้เรียกสินสอดเยอะสักหน่อย แค่ล้านเดียวเองทำไม่กี่เดือนก็ได้แล้ว” อุ๊ตอบรับอย่างลอยหน้าลอยตา โดยที่ไม่สังเกตสีหน้าเพื่อนๆ ที่ยิ้มแบบฝืนๆ
“เพื่ออนาคตของเรานะครับ” สันชัยยังหวานไม่เลิกจนเพื่อนที่นั่งด้วยต้องอุทาน ด้วยความหมั้นไส้ในความหวาน และรำคาญในความโอ้อวดอยู่ลึกๆ
“อูย...ไม่ต้องหวานมากก็ได้ค่ะ จะแต่งงานกันอยู่แล้ว” วิกานดาตัดบทก่อนเป็นคนแรก
“อะว่าแต่ ไหนละการ์ด...ไม่ให้ ชั้นไม่ใส่ซองนะยะ” ภาวดีรีบเข้าเรื่องของธุระวันนี้
ค่ำคืนล่วงเลยไปสี่ทุ่มกว่า ส่วนใหญ่หัวข้อการสนทนาจะวนเวียนอยู่กับว่าที่คู่สามีภรรยา แม้ทั้งคู่จะอยู่กินกันมากกว่า 2ปีแล้ว แต่การจัดงานแต่งงานก็ทำให้ทั้งคู่ตื่นเต้นไม่น้อย ตลอดการสนทนาว่าที่คู่แต่งงาน ดูเหมือนจะมีความสุขในโลกของทั้งคู่ บางครั้งโชว์หวานไม่แคร์สายตาเพื่อนสาวที่ส่วนใหญ่จะโสด
(มีต่อจร้า......)