Blue Jasmine สะท้อนภาพที่ชัดเจนของคนในยุคทุนนิยมได้ดีทีเดียว หลายคนติดภาพลักษณ์คนรวย แบบว่าใช้ของแพงมีแบรนด์ เพื่อช่วยสร้างความเคารพให้กับตัวเอง เหมือนจัสมินถึงการเงินจะเข้าขั้นโคม่าเพราะสามีที่เป็นมหาเศรษฐีถูกจับแต่เธอก็ยังนำเสนอภาพลักษณ์คนรวยให้คนอื่นเห็นและก็หากลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมตลอด ไม่ใช่เพราะเธอจะต้องการจะซื้อของแพงๆหรือว่าอะไร แต่เพราะเธออาย อายสังคมที่เธอเคยอยู่จะมองมาข้างล่างแล้วก็หัวเราะแบบเดียวกับที่ลูกเลี้ยงเธอเจอมา เพราะถ้าเธอต้องการแค่เงินเธอเลือกหมอฟันเป็นสามีแล้วก็หาทางเรียนต่อได้ แต่เธอสนท่านฑูตที่กำลังจะเป็นนักการเมืองในอนาคตมากกว่า การสร้างความเคารพตัวเองในแบบของเธอก็อยู่ได้ไม่นานเพราะมันไม่ได้เริ่มมาจากตัวเธอ แต่มาจากคำพูดจากคนรอบข้าง สังเกตว่าเธอมันเพ้อเรื่องชีวิตตัวเองแสนสุขออกมาให้คนอื่นได้ยินเพื่อจะให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
การใช้ชีวิตแบบคนธรรมดานั้นก็ไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่เธอคิดไว้ แต่จัสมินก็สลัดความคิดนั้นไม่ได้เพราะเธอพูดถึงการทำงานเป็นพนักงานขายว่าเป็นงานชั้นต่ำและทำให้เธออายมาก คนรวยก็มีสุขทุกข์แบบคนรวย คนจนก็มีสุขทุกข์แบบคนจน หนังให้เห็นชีวิตอีกด้านของจิงเจอร์น้องสาวของจัสมินที่มีความสุขดีกับชีวิตตัวเอง จนจัสมินเข้ามาเธอก็เริ่มไขว้คว้าอะไรที่ไกลออกไป แต่ก็ได้เห็นว่าทุกอย่างก็มีข้อดีข้อเสียในตัวมัน คู่หมั้นที่ดูจะอารมณ์ร้อน ทำหน้าขายหน้าอยู่บ่อยครั้งก็รักเธออย่างจริงจัง ตรงข้ามกับอัลหนุ่มเจ้าสเน่ห์ที่นอกใจเมียเพื่อมามีความสัมพันธ์กับจิงเจอร์ เธอบอกว่าเธอเกือบจะเสียเค้าไปซะแล้วเพราะไปลดค่าให้กับสิ่งดีๆที่ตัวเองมีอยู่ จัสมินใช้ชีวิตกับความลวงตลอดทั้งเรื่อง ไม่ยอมบอกความจริงกับท่านฑูตว่าเธอเป็นใคร ทั้งที่บอกไปตั้งแต่แรกเธออาจจะลงเอยเข้าได้มากกว่าโกหก ตอนท้ายถึงพฤติกรรมของเธอมันจะทำให้เธอไม่เหลืออะไร แต่ยังเพ้อถึงชีวิตเก่าๆของเธอต่อไป
วู้ดดี้ อัลเลน ดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาทำให้หนังเข้มข้นไปด้วยความตึงเครียดของจัสมินแต่ก็แฝงอารมณ์ขันแบบเนียนไปด้วยจังหวะที่เหมาะเจาะ เช่นฉากจัสมินคุยกับหลานสองคนนั้นก็ตลก(มาก) แต่ชอบบทงานลุงแกก่อนหน้ามากกว่าเพราะดูสนุกกว่า แต่ Blue Jasmine บทสนทนาจะดูจริงมากกว่า อีกคนที่ทำหน้าที่ได้ดีและโดดเด่นมากคือ เคท แบลนเช็ต ในบทจัสมินไฮโซตกอับที่กำลังประสาทแหลก เธอได้โชว์อารมณ์รุนแรงในตัวจัสมินออกหลายๆฉากจนข้าพเครียดแทนและก็ยังเล่นเนียนอย่างที่ผ่านมาก เพิ่งได้ดูการแสดงของนักแสดงนำหญิงแค่สองคน เคท กับแซนดร้า บัลล็อคจาก Gravity รายนี้มาเนียนๆกับจังหวะการส่งเสียง การแสดงความกลัวและความเศร้าซึ่งทำได้ดีมาก แต่เคทได้โชว์ของในหลายฉากเพราะฉะนั้น นำหญิงที่ดีที่สุดของปีนี้มอบให้เคท
สรุป สำหรับคนที่อยากดูหนังดราม่าดีๆพร้อมกับการแสดงแจ่มขอแนะนำ แต่แอบผิดหวังนิดหน่อยเพราะหนังของลุงวู้ดดี้สองเรื่องหลังฮาหัวโปกมาก 55+ ให้ 8/10
ป.ล. ไม่มีคำว่า pseudo-intellectual ใช่รึเปล่า
Blue Jasmine ใครดูแล้วบ้างมาคุยกันหน่อย Spoil
การใช้ชีวิตแบบคนธรรมดานั้นก็ไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่เธอคิดไว้ แต่จัสมินก็สลัดความคิดนั้นไม่ได้เพราะเธอพูดถึงการทำงานเป็นพนักงานขายว่าเป็นงานชั้นต่ำและทำให้เธออายมาก คนรวยก็มีสุขทุกข์แบบคนรวย คนจนก็มีสุขทุกข์แบบคนจน หนังให้เห็นชีวิตอีกด้านของจิงเจอร์น้องสาวของจัสมินที่มีความสุขดีกับชีวิตตัวเอง จนจัสมินเข้ามาเธอก็เริ่มไขว้คว้าอะไรที่ไกลออกไป แต่ก็ได้เห็นว่าทุกอย่างก็มีข้อดีข้อเสียในตัวมัน คู่หมั้นที่ดูจะอารมณ์ร้อน ทำหน้าขายหน้าอยู่บ่อยครั้งก็รักเธออย่างจริงจัง ตรงข้ามกับอัลหนุ่มเจ้าสเน่ห์ที่นอกใจเมียเพื่อมามีความสัมพันธ์กับจิงเจอร์ เธอบอกว่าเธอเกือบจะเสียเค้าไปซะแล้วเพราะไปลดค่าให้กับสิ่งดีๆที่ตัวเองมีอยู่ จัสมินใช้ชีวิตกับความลวงตลอดทั้งเรื่อง ไม่ยอมบอกความจริงกับท่านฑูตว่าเธอเป็นใคร ทั้งที่บอกไปตั้งแต่แรกเธออาจจะลงเอยเข้าได้มากกว่าโกหก ตอนท้ายถึงพฤติกรรมของเธอมันจะทำให้เธอไม่เหลืออะไร แต่ยังเพ้อถึงชีวิตเก่าๆของเธอต่อไป
วู้ดดี้ อัลเลน ดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาทำให้หนังเข้มข้นไปด้วยความตึงเครียดของจัสมินแต่ก็แฝงอารมณ์ขันแบบเนียนไปด้วยจังหวะที่เหมาะเจาะ เช่นฉากจัสมินคุยกับหลานสองคนนั้นก็ตลก(มาก) แต่ชอบบทงานลุงแกก่อนหน้ามากกว่าเพราะดูสนุกกว่า แต่ Blue Jasmine บทสนทนาจะดูจริงมากกว่า อีกคนที่ทำหน้าที่ได้ดีและโดดเด่นมากคือ เคท แบลนเช็ต ในบทจัสมินไฮโซตกอับที่กำลังประสาทแหลก เธอได้โชว์อารมณ์รุนแรงในตัวจัสมินออกหลายๆฉากจนข้าพเครียดแทนและก็ยังเล่นเนียนอย่างที่ผ่านมาก เพิ่งได้ดูการแสดงของนักแสดงนำหญิงแค่สองคน เคท กับแซนดร้า บัลล็อคจาก Gravity รายนี้มาเนียนๆกับจังหวะการส่งเสียง การแสดงความกลัวและความเศร้าซึ่งทำได้ดีมาก แต่เคทได้โชว์ของในหลายฉากเพราะฉะนั้น นำหญิงที่ดีที่สุดของปีนี้มอบให้เคท
สรุป สำหรับคนที่อยากดูหนังดราม่าดีๆพร้อมกับการแสดงแจ่มขอแนะนำ แต่แอบผิดหวังนิดหน่อยเพราะหนังของลุงวู้ดดี้สองเรื่องหลังฮาหัวโปกมาก 55+ ให้ 8/10
ป.ล. ไม่มีคำว่า pseudo-intellectual ใช่รึเปล่า