สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เรามาดูคำถามของเจ้าของกระทู้กันว่า เราจะหาทางออกอย่างไรดีสำหรับกรณีแบบนี้ เรามาโฟกัสกันที่คำถามต่อคำถาม
และความน่าจะเป็นไปได้ของคำถามกัน เพราะในบางคำถามเจ้าของกระทู้ไม่ได้บอกรายละเอียดมา ก็ยากที่จะตอบนะ
พอดีว่ามีญาติของสามีทำงานร้านอาหารอยู่ที่อเมริกา รัฐบอสตันอ่ะค่ะ
-อันนี้ต้องบอกกันเลยนะว่า เป็นญาติที่เมืองไทย กับเป็นญาติที่เมืองนอกไม่เหมือนกันนะ สถานะความเป็นอยู่ของกันและ
กันไม่เหมือนกัน ทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก อยากถามว่าสนิทกันแค่ไหน เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่และ
เคยพูดกับเขาเรื่องนี้แล้วหรือยัง ถ้าพูดเขายินดีหรือปล่าว หรือเอ่ยปากชวนหรือปล่าว
อยากสอบถามว่าถ้าเราจะไปทำงานหาเงินสักก้อนแล้วอาศัยอยู่กับเขา
-ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ทางที่ดี ให้เขาช่วยหาที่พักที่ใกล้ๆเขาให้จะดีกว่า
จะทำงานอะไรดีค่ะ ที่ได้เงินเยอะๆ ภายในเวลาไม่นาน
-ถ้าไปอยู่แบบผิดกฎหมาย คุณไม่มีทางเลือกมากนะ นอกจากทำงานร้านอาหาร และร้านอาหารนั้น เขาไม่ต้องการ
หมายเลขประกันสังคม หรือ Social Security no. ไปลงสมุดเพื่อเสียภาษี และยินดีจ่ายค่าแรงคุณด้วยเงินสด แต่คุณ
ไม่ได้บอกว่าคุณอายุเท่าไหร่ เพราะถ้าอายุมากหน่อย ก็คงไม่เหมาะกับงานเสริฟ อาจจะเป็นงานในครัวแทน รายได้
ก็จะได้ตามที่เจ้าของร้านกำหนด หากคุณรู้จักใช้ รู้จักเก็บ เชื่อแน่ว่าคุณจะมีเงินส่งกลับมาใช้หนี้ก้อนนี้แน่
เราลองมาคำนวณกันเล่นๆนะ
จำนวนยอดหนี้ที่คุณมี 600,000 บาท เท่ากับ 600,000 หารด้วย 31($1=31 บาท) ก็จะได้ $19,354
สมมุติว่าคุณทำงานเป็นพนักงานเสริฟ รายได้ขั้นต่ำต่อวัน(เอาแบบต่ำสุดที่พึงจะได้) $70 ต่อวัน ทำงาน 5 วัน(มากสุด
ที่ทางร้านสามารถให้ตารางทำงานคุณได้) 70 X 5 = $350 ต่อสัปดาห์ เดือนหนึ่งมี 4 สัปดาห์ ก็ = $ 1,400 ต่อเดือน
ค่าเช่าบ้าน(ห้องแบ่งเช่าในบ้านคนไทย) โดยประมาณ = $600/เดือน (ราคาจะอยู่ระหว่าง $450 - $600 ตามลักษณะห้องและสถานที่ตั้ง)
ค่าอาหาร(ในวันที่คุณไม่ได้ทำงาน เพราะถ้าคุณทำงานคุณก็รับประทานที่ร้าน)และค่าพาหนะ โดยประมาณ $400/เดือน
คุณจะเหลือเงินโดยประมาณ $400/เดือน $400 X 31 = 12,400 บาท/เดือน X 12 เดือน = 148,800 บาท/ปี
คุณต้องใช้เวลา 4 ปี กับอีก 1 เดือน ถึงจะใช้หนี้ก้อนนี้ที่เมืองไทยหมด
ข้อมูลการคำนวณข้างต้น เราใช้เบสิครายได้ขั้นต่ำที่ควรจะได้ มาคำนวณกับค่าใช้จ่ายสูงที่สุดที่ควรจะเป็น และในความเป็นจริง
คุณอาจจะมีรายได้มากกว่าที่เราประเมินไว้อีกประมาณ 20%-30% ก็ได้ แต่ค่าใช้จ่ายไม่น่าจะสูงกว่านี้ต่อเดือน
แล้วถ้าจะไปอาศัยอยู่กับเขาต้องทำไงบ้าง
-ถ้าคุณอยู่กับเขาก็ต้องแชร์ค่าเช่าบ้านกับเขา หรือถ้าเขาเป็นเจ้าของบ้านคุณก็ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านให้เขา ซึ่งเขาจะ
คิดแบบรวมค่าน้ำค่าไฟไว้เสร็จสรรพแล้ว เป็นผู้เช่าที่ดี ทางที่ดีขอแนะนำว่า มาอยู่คนเดียวจะดีที่สุด และมีญาติไว้
ปรึกษา เดือดร้อนจริงๆเข้าตาจนจริงๆ ถึงค่อยขอความช่วยเหลือเขาจะดีที่สุด ถ้าคุณช่วยเหลือตัวเองได้มากเท่าไหร่
คุณจะมีปัญหาน้อยที่สุด โดยเฉพาะกับคนใกล้เคียงในเวลาอยู่ต่างแดน
ไม่เคยไปต่างประเทศ ไม่เคยทำวีซ่า ไม่เคยมี passport ไม่เคยรู้เรื่องไปเมืองนอกเลยค่ะ
-อันนี้ซิคือปัญหาใหญ่ พาสปอร์ตไม่น่ามีปัญหา แต่ปัญหาจะอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรคุณถึงได้อนุมัติวีซ่าท่องเที่ยวเข้าสหรัฐ
อเมริกาได้ ถึงแม้ว่าจะได้วีซ่ามาแล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่จะตามมาคือการเดินทาง และการผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐ
อเมริกากับการตอบคำถาม(ถ้าเขาถาม ถ้าไม่ถามถือว่าเป็นโชคของคุณ) แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ ไม่เคยรู้เรื่อง
เมืองนอกไม่เป็นไร เพียงแต่ญาติคุณมารับ มีที่พัก และฝากงานให้ ทุกอย่างจะดำเนินไปตามวิถีทางของมันเองแหละ
เหตุผลที่อยากไปก็คือ ตอนนี้เป็นหนี้เยอะมากประมาณ 6 แสน อยากไปทำงานหาเงินสักก้อนมาปิดหนี้ แล้วก็จะกลับเมืองไทยอ่ะค่ะ
ใครมีประสาการณ์การทำงานในเมือกนอกขอแชร์ด้วยค่ะ
-อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด อะไรที่เป็นของเรา ก็จะเป็นของเรา อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ทำอย่างไรก็ไม่ใช่ ถึงจะได้มาก็ไม่ยั่งยืน
ถ้าคุณจะได้มาเมืองนอก คุณก็จะได้มา ทุกอย่างอาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็จะค่อยๆง่ายขึ้นที่ละขั้นตอน ของบางอย่างบางที
เราต้องลอง ไม่ลองเราก็ไม่รู้
แต่ขอแนะนำอย่างหนึ่งว่า ถ้าคุณอยู่เมืองไทยแล้ว สุขสบายในระดับหนึ่ง(ความสุขคือการมีทุกข์น้อย) มีการมีงานทำ มีครอบ
ครัวที่พอใช้ได้ ดูแลกันได้ หากคุณสามารถปรับการใช้ชีวิตประจำวันใหม่ เพิ่มกฎเกณฑ์บางอย่างในชีวิตให้มากขึ้นหน่อย เชื่อ
ว่า หนี้ 600,000 บาท ไม่น่าจะเหลือบากกว่าแรงของคุณ เพราะการใช้ชีวิตในต่างแดน ไม่ใช่ง่ายอย่างที่นึกที่คิดไว้ คุณต้อง
ทำงานวันละย่างน้อย 12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย (10:30 เช้า -12:00 เที่ยงคืน) อาจจะต้องยืนและเดินทั้งวัน และภายใต้แรงกด
ดันต่างๆนานา และอยากบอกคุณว่า เจ้าของร้านอาหารไทยที่นี่ น้อยรายนักที่จะประเสริฐ หาแทบไม่เจอ
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย หากมีคำถามอะไรที่ยังสงสัยก็มาโพสต์ทิ้งไว้ได้ หากทราบ จะเข้ามาตอบให้ได้
ความกระจ่าง
และความน่าจะเป็นไปได้ของคำถามกัน เพราะในบางคำถามเจ้าของกระทู้ไม่ได้บอกรายละเอียดมา ก็ยากที่จะตอบนะ
พอดีว่ามีญาติของสามีทำงานร้านอาหารอยู่ที่อเมริกา รัฐบอสตันอ่ะค่ะ
-อันนี้ต้องบอกกันเลยนะว่า เป็นญาติที่เมืองไทย กับเป็นญาติที่เมืองนอกไม่เหมือนกันนะ สถานะความเป็นอยู่ของกันและ
กันไม่เหมือนกัน ทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก อยากถามว่าสนิทกันแค่ไหน เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่และ
เคยพูดกับเขาเรื่องนี้แล้วหรือยัง ถ้าพูดเขายินดีหรือปล่าว หรือเอ่ยปากชวนหรือปล่าว
อยากสอบถามว่าถ้าเราจะไปทำงานหาเงินสักก้อนแล้วอาศัยอยู่กับเขา
-ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ทางที่ดี ให้เขาช่วยหาที่พักที่ใกล้ๆเขาให้จะดีกว่า
จะทำงานอะไรดีค่ะ ที่ได้เงินเยอะๆ ภายในเวลาไม่นาน
-ถ้าไปอยู่แบบผิดกฎหมาย คุณไม่มีทางเลือกมากนะ นอกจากทำงานร้านอาหาร และร้านอาหารนั้น เขาไม่ต้องการ
หมายเลขประกันสังคม หรือ Social Security no. ไปลงสมุดเพื่อเสียภาษี และยินดีจ่ายค่าแรงคุณด้วยเงินสด แต่คุณ
ไม่ได้บอกว่าคุณอายุเท่าไหร่ เพราะถ้าอายุมากหน่อย ก็คงไม่เหมาะกับงานเสริฟ อาจจะเป็นงานในครัวแทน รายได้
ก็จะได้ตามที่เจ้าของร้านกำหนด หากคุณรู้จักใช้ รู้จักเก็บ เชื่อแน่ว่าคุณจะมีเงินส่งกลับมาใช้หนี้ก้อนนี้แน่
เราลองมาคำนวณกันเล่นๆนะ
จำนวนยอดหนี้ที่คุณมี 600,000 บาท เท่ากับ 600,000 หารด้วย 31($1=31 บาท) ก็จะได้ $19,354
สมมุติว่าคุณทำงานเป็นพนักงานเสริฟ รายได้ขั้นต่ำต่อวัน(เอาแบบต่ำสุดที่พึงจะได้) $70 ต่อวัน ทำงาน 5 วัน(มากสุด
ที่ทางร้านสามารถให้ตารางทำงานคุณได้) 70 X 5 = $350 ต่อสัปดาห์ เดือนหนึ่งมี 4 สัปดาห์ ก็ = $ 1,400 ต่อเดือน
ค่าเช่าบ้าน(ห้องแบ่งเช่าในบ้านคนไทย) โดยประมาณ = $600/เดือน (ราคาจะอยู่ระหว่าง $450 - $600 ตามลักษณะห้องและสถานที่ตั้ง)
ค่าอาหาร(ในวันที่คุณไม่ได้ทำงาน เพราะถ้าคุณทำงานคุณก็รับประทานที่ร้าน)และค่าพาหนะ โดยประมาณ $400/เดือน
คุณจะเหลือเงินโดยประมาณ $400/เดือน $400 X 31 = 12,400 บาท/เดือน X 12 เดือน = 148,800 บาท/ปี
คุณต้องใช้เวลา 4 ปี กับอีก 1 เดือน ถึงจะใช้หนี้ก้อนนี้ที่เมืองไทยหมด
ข้อมูลการคำนวณข้างต้น เราใช้เบสิครายได้ขั้นต่ำที่ควรจะได้ มาคำนวณกับค่าใช้จ่ายสูงที่สุดที่ควรจะเป็น และในความเป็นจริง
คุณอาจจะมีรายได้มากกว่าที่เราประเมินไว้อีกประมาณ 20%-30% ก็ได้ แต่ค่าใช้จ่ายไม่น่าจะสูงกว่านี้ต่อเดือน
แล้วถ้าจะไปอาศัยอยู่กับเขาต้องทำไงบ้าง
-ถ้าคุณอยู่กับเขาก็ต้องแชร์ค่าเช่าบ้านกับเขา หรือถ้าเขาเป็นเจ้าของบ้านคุณก็ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านให้เขา ซึ่งเขาจะ
คิดแบบรวมค่าน้ำค่าไฟไว้เสร็จสรรพแล้ว เป็นผู้เช่าที่ดี ทางที่ดีขอแนะนำว่า มาอยู่คนเดียวจะดีที่สุด และมีญาติไว้
ปรึกษา เดือดร้อนจริงๆเข้าตาจนจริงๆ ถึงค่อยขอความช่วยเหลือเขาจะดีที่สุด ถ้าคุณช่วยเหลือตัวเองได้มากเท่าไหร่
คุณจะมีปัญหาน้อยที่สุด โดยเฉพาะกับคนใกล้เคียงในเวลาอยู่ต่างแดน
ไม่เคยไปต่างประเทศ ไม่เคยทำวีซ่า ไม่เคยมี passport ไม่เคยรู้เรื่องไปเมืองนอกเลยค่ะ
-อันนี้ซิคือปัญหาใหญ่ พาสปอร์ตไม่น่ามีปัญหา แต่ปัญหาจะอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรคุณถึงได้อนุมัติวีซ่าท่องเที่ยวเข้าสหรัฐ
อเมริกาได้ ถึงแม้ว่าจะได้วีซ่ามาแล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่จะตามมาคือการเดินทาง และการผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐ
อเมริกากับการตอบคำถาม(ถ้าเขาถาม ถ้าไม่ถามถือว่าเป็นโชคของคุณ) แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ ไม่เคยรู้เรื่อง
เมืองนอกไม่เป็นไร เพียงแต่ญาติคุณมารับ มีที่พัก และฝากงานให้ ทุกอย่างจะดำเนินไปตามวิถีทางของมันเองแหละ
เหตุผลที่อยากไปก็คือ ตอนนี้เป็นหนี้เยอะมากประมาณ 6 แสน อยากไปทำงานหาเงินสักก้อนมาปิดหนี้ แล้วก็จะกลับเมืองไทยอ่ะค่ะ
ใครมีประสาการณ์การทำงานในเมือกนอกขอแชร์ด้วยค่ะ
-อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด อะไรที่เป็นของเรา ก็จะเป็นของเรา อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ทำอย่างไรก็ไม่ใช่ ถึงจะได้มาก็ไม่ยั่งยืน
ถ้าคุณจะได้มาเมืองนอก คุณก็จะได้มา ทุกอย่างอาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็จะค่อยๆง่ายขึ้นที่ละขั้นตอน ของบางอย่างบางที
เราต้องลอง ไม่ลองเราก็ไม่รู้
แต่ขอแนะนำอย่างหนึ่งว่า ถ้าคุณอยู่เมืองไทยแล้ว สุขสบายในระดับหนึ่ง(ความสุขคือการมีทุกข์น้อย) มีการมีงานทำ มีครอบ
ครัวที่พอใช้ได้ ดูแลกันได้ หากคุณสามารถปรับการใช้ชีวิตประจำวันใหม่ เพิ่มกฎเกณฑ์บางอย่างในชีวิตให้มากขึ้นหน่อย เชื่อ
ว่า หนี้ 600,000 บาท ไม่น่าจะเหลือบากกว่าแรงของคุณ เพราะการใช้ชีวิตในต่างแดน ไม่ใช่ง่ายอย่างที่นึกที่คิดไว้ คุณต้อง
ทำงานวันละย่างน้อย 12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย (10:30 เช้า -12:00 เที่ยงคืน) อาจจะต้องยืนและเดินทั้งวัน และภายใต้แรงกด
ดันต่างๆนานา และอยากบอกคุณว่า เจ้าของร้านอาหารไทยที่นี่ น้อยรายนักที่จะประเสริฐ หาแทบไม่เจอ
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย หากมีคำถามอะไรที่ยังสงสัยก็มาโพสต์ทิ้งไว้ได้ หากทราบ จะเข้ามาตอบให้ได้
ความกระจ่าง
ความคิดเห็นที่ 14
จากความเห็นที่ 11
ชอบฝรั่งมั๊ยคะ ถ้าโอเค ให้หาทางเว็บไซด์ เสร็จแล้วก็ขอวีซ่าท่องเที่ยวมาเจอกัน แต่งงานกัน แบบนี้ดีกว่าค่ะ อยู่ได้ยาวๆ ด้วย
จากความเห็นนี้ อยากจะบอกว่าเป็นไปได้นะครับ และเป็นไปแล้วด้วย ถ้าคุยกันรู้เรื่อง และเป็นพรหมลิขิต หรือบุพเพสันนิวาส
อะไรทำนองนี้ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดครับ ห้ามไม่ได้ วิธีการจะเป็นแบบนี้ครับ
หลังจากที่ทั้งคู่คุยผ่านเวปไซด์ รู้จักกันในโลกออนไลน์สักระยะหนึ่งแล้ว หากฝ่ายชายที่เป็นพลเมืองอเมริกัน(ต้องเป็นพลเมือง
อเมริกันเท่านั้น) ต้องการที่จะประสานความสัมพันธ์แบบถาวร คือการแต่งงานฝ่ายชายจะต้องทำแบบนี้ครับ
-ยื่นขอวีซ่าคู่หมั้น fiance visa ให้ฝ่ายหญิง จากสถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
-ฝ่ายหญิงต้องนำพาสปอร์ตและเอกสารที่ระบุตัวตน ตามที่สถานฑูตต้องการไปแสดงเพื่อขอรับวีซ่า
-ฝ่านหญิงเดินทาง
-เมื่อฝ่ายหญิงเดินทางถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว ต้องแต่งงานจดทะเบียนสมรสภายใน 3 เดือน หากไม่แต่งงาน วีซ่าคู่หมั้นจะหมด
อายุและจะกลายเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายทันที
-หลังแต่งงานจดทะเบียนแล้ว ต้องยื่นขอกรีนคาร์ดในทันที และจะได้รับกรีนคาร์ดอย่างเร็วที่สุดภายในสามเดือน
-กรีนคาร์ดที่ได้ จะเป็นกรีนคาร์ดชั่วคราวมีอายุ 2 ปี ต้องกลับไปรายงานตัวที่ USCIS เพื่อขอต่ออายุกรีนคาร์ดถาวร 10 ปี และให้ USCIS
เช็คสถานะ ห้ามหย่าเด็ดขาดเพราะสามีอาจจะไม่เซ็นต์ยินยอมให้รับวีซ่าถาวร 10 ปีก็เป็นได้
-หลังได้รับวีซ่าถาวรแล้วหนึ่งปี คุณก็สามารถขอสอบเข้าเป็นพลเมืองอเมริกันได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กัยฝ่ายชายที่เป็รพลเมืองอเมริกัน ว่า
-เขามีการเสียภาษีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องหรือเปล่า สามปีย้อนหลัง ต้องแสดง W2 Form, SSA-1099, 1099 R อะไรพวกนี้
-ต้องมีรายได้ $60,000/ปี ขึ้นไป เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถเป็นสปอนเซอร์เลี้ยงดูคุณได้ อันนี้เขาจะดูจากฟอร์มที่บอกข้างบน
เป็นไปได้ครับ และเป็นไปแล้วหลายเคสมากด้วย แต่ที่กล่าวมาข้างบนเป็นเพียงขั้นตอนการดำเนินการโดยรวมๆเท่านั้น
ส่วนเรื่องส่วนบุคคลก็ต้องดูกันอีกที ว่าเป็นคนดี อะไรอย่างไรก็ต้องดูกันเอาเอง แต่โดยรวมแล้วคนอเมริกันเป็นอะไรที่
ง่ายๆ ไม่ค่อยพิธีรีตรองเท่าไหร่ อยู่ที่ดวง โชควาสนาด้วย และอย่างหนึ่งคือ ถ้าคุณเป็นคนดี คุณจะเจอแต่สิ่งดีๆและคนดี
ถึงจะมีอุปสรรค แต่ความดีของคุณจะทำให้คุณผ่านไปได้
ชอบฝรั่งมั๊ยคะ ถ้าโอเค ให้หาทางเว็บไซด์ เสร็จแล้วก็ขอวีซ่าท่องเที่ยวมาเจอกัน แต่งงานกัน แบบนี้ดีกว่าค่ะ อยู่ได้ยาวๆ ด้วย
จากความเห็นนี้ อยากจะบอกว่าเป็นไปได้นะครับ และเป็นไปแล้วด้วย ถ้าคุยกันรู้เรื่อง และเป็นพรหมลิขิต หรือบุพเพสันนิวาส
อะไรทำนองนี้ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดครับ ห้ามไม่ได้ วิธีการจะเป็นแบบนี้ครับ
หลังจากที่ทั้งคู่คุยผ่านเวปไซด์ รู้จักกันในโลกออนไลน์สักระยะหนึ่งแล้ว หากฝ่ายชายที่เป็นพลเมืองอเมริกัน(ต้องเป็นพลเมือง
อเมริกันเท่านั้น) ต้องการที่จะประสานความสัมพันธ์แบบถาวร คือการแต่งงานฝ่ายชายจะต้องทำแบบนี้ครับ
-ยื่นขอวีซ่าคู่หมั้น fiance visa ให้ฝ่ายหญิง จากสถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
-ฝ่ายหญิงต้องนำพาสปอร์ตและเอกสารที่ระบุตัวตน ตามที่สถานฑูตต้องการไปแสดงเพื่อขอรับวีซ่า
-ฝ่านหญิงเดินทาง
-เมื่อฝ่ายหญิงเดินทางถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว ต้องแต่งงานจดทะเบียนสมรสภายใน 3 เดือน หากไม่แต่งงาน วีซ่าคู่หมั้นจะหมด
อายุและจะกลายเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายทันที
-หลังแต่งงานจดทะเบียนแล้ว ต้องยื่นขอกรีนคาร์ดในทันที และจะได้รับกรีนคาร์ดอย่างเร็วที่สุดภายในสามเดือน
-กรีนคาร์ดที่ได้ จะเป็นกรีนคาร์ดชั่วคราวมีอายุ 2 ปี ต้องกลับไปรายงานตัวที่ USCIS เพื่อขอต่ออายุกรีนคาร์ดถาวร 10 ปี และให้ USCIS
เช็คสถานะ ห้ามหย่าเด็ดขาดเพราะสามีอาจจะไม่เซ็นต์ยินยอมให้รับวีซ่าถาวร 10 ปีก็เป็นได้
-หลังได้รับวีซ่าถาวรแล้วหนึ่งปี คุณก็สามารถขอสอบเข้าเป็นพลเมืองอเมริกันได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กัยฝ่ายชายที่เป็รพลเมืองอเมริกัน ว่า
-เขามีการเสียภาษีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องหรือเปล่า สามปีย้อนหลัง ต้องแสดง W2 Form, SSA-1099, 1099 R อะไรพวกนี้
-ต้องมีรายได้ $60,000/ปี ขึ้นไป เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถเป็นสปอนเซอร์เลี้ยงดูคุณได้ อันนี้เขาจะดูจากฟอร์มที่บอกข้างบน
เป็นไปได้ครับ และเป็นไปแล้วหลายเคสมากด้วย แต่ที่กล่าวมาข้างบนเป็นเพียงขั้นตอนการดำเนินการโดยรวมๆเท่านั้น
ส่วนเรื่องส่วนบุคคลก็ต้องดูกันอีกที ว่าเป็นคนดี อะไรอย่างไรก็ต้องดูกันเอาเอง แต่โดยรวมแล้วคนอเมริกันเป็นอะไรที่
ง่ายๆ ไม่ค่อยพิธีรีตรองเท่าไหร่ อยู่ที่ดวง โชควาสนาด้วย และอย่างหนึ่งคือ ถ้าคุณเป็นคนดี คุณจะเจอแต่สิ่งดีๆและคนดี
ถึงจะมีอุปสรรค แต่ความดีของคุณจะทำให้คุณผ่านไปได้
แสดงความคิดเห็น
อยากสอบถามคนที่ทำงานอยู่ที่อเมริกา ถ้าต้องการได้เงินเยอะๆ จะไปทำงานอะไรดี