ขอมาแชร์ประสบการณ์เลวร้ายที่ทางครอบครัวเราได้พบจากกระทำประกันภัยรถยนต์กับทางทิพยประกันภัย เผื่อเพื่อนๆจะได้เอาไปใช้เป็นอุทาหรณ์ก่อนจะทำประกันภัยกับบริษัทนี้นะคะ คือ ที่บ้านของเราได้ทำประกันภัยรถยนต์ไว้กับทางบริษัท ทิพยประกันภัย เป็นประกันชั้น 1 เงินประกันก็จ่ายกันไม่เคยขาด รายละเอียดในหนังสือสัญญาก็อ่านกันอย่างละเอียดแล้วก่อนจะทำกับทางบริษัท
แล้วเหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา คุณพ่อประสบอุบัติเหตุบนทางด่วนบูรพาวิถี เนื่องจากฝนตกหนัก ไฟบนทางด่วนก็ดับด้วย รถคุณพ่อเสียหลักแล้วกระแทกเข้ากับขอบทางด่วนรถเหินขึ้นกับขอบทาง ยังโชคดีที่คุณพ่อมีสติแล้วกระชากพวงมาลัยกลับเพื่อให้รถพุ่งกลับเข้าเส้นทาง ถ้าไม่อย่างนั้นรถเหินหลุดขอบตกทางด่วนแน่นอน ผลคือรถหมุน แล้วกระแทกเข้ากับขอบกั้นกลาง รถยับเยินทั้งคันรวมถึงคนในรถด้วย ทางบ้านรีบพาคุณพ่อ คุณแม่ส่งโรงพยาบาลกันทันทีหลังจากได้พบกับตัวแทนจากบริษัท อาการหนักกันไปทั้งคู่นอนโรงพยาบาลกันเป็นอาทิตย์ๆ(ปัจจุบันกระดูกหลังคุณแม่ยังคงยุบตัวและเคลื่อนอยู่ จากเหตุการณ์นั้น)
หลังออกจากโรงพยาบาลที่บ้านก็เริ่มตามเรื่องกับทางทิพยประกันภัย ทางบริษัทยืนยันจะให้ทำการซ่อมรถ เซ้าซี้จะให้ซ่อมให้ได้ เค้าก็อ้างโน่นอ้างนี่ เนี่ยค่าซ่อมแซมรถวงเงินเป็นล้านเลยนะสำหรับเบนซ์รุ่นนี้เนี่ย ส่งซ่อมจะดีกว่านะ บลาๆๆ ทุกๆคนก็ยังลังเลอยู่ แต่หลังจากการสอบถามไปว่าอะไหล่ที่จะเอามาเปลี่ยนให้เป็นของใหม่เลยใช่หรือเปล่า สรุปก็ไม่ใช่ของใหม่อีกด้วย เค้าจะหาซื้อพวกอะไหล่เก่ามาให้อู่ของทางบริษัทใส่ให้แทน แล้วจากสภาพรถที่ได้เห็นกัน คนขับย่อมรู้ดีที่สุดว่าการกระแทกที่เกิดขึ้นมันรุนแรงแค่ไหนแล้วสภาพรถมันแย่แค่ไหน ทุกคนในบ้านลงความเห็นว่าซ่อมมาแล้วก็ไม่คุ้มแน่ เพราะยังไงซ่อมมาสภาพมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม100% แล้วยิ่งเป็นอะไหล่เก่าด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ตกลงกับทางประกันว่าจะขายซากไปเลย จะขอทุนประกันเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญาคือ ในกรณีที่รถเกิดความเสียหาย ทางบริษัทรับผิดชอบอยู่ในวงเงิน 1,300,000 บาท คำตอบที่ได้รับคือ ถ้าจะไม่ซ่อมงั้นก็คืนเป็นเงินให้ได้แค่ 900,000 บาท เอ้า! ก็แล้วตามสัญญาวงเงินมัน 1,300,000 บาท คุณจะจ่ายชดเชยเราแค่ 900,000 บาทได้ยังไง
ทางครอบครัวเราเลยไปปรึกษากับทนายแล้วก็ญาติที่ทำงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง แนะนำให้แจ้งกับทางทิพยประกันภัยไปเลยว่าเราต้องการเงินชดเชยเต็มจำนวน ในหนังสือสัญญาได้ระบุไว้ชัดเจนแล้ว ไม่มีการลงข้อยกเว้นเอาไว้ในเงื่อนไข อีกอย่างทางบริษัทก็บอกเองว่าค่าซ่อมเนี่ยเป็นล้าน จะจ่ายเงินชดเชยคืนให้กับผู้บริโภคด้วยวงเงิน 900,000 ไม่ได้ ทางบ้านได้แจ้งไปว่าจะทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากทางบริษัท ก็ได้รับคำตอบออกมาว่า ขอให้อย่าเพิ่งดำเนินการ จะทำเรื่องเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางครอบครัว เฉไฉยืดเยื้อมาจนวันนี้ 4 ตุลาคม เรื่องเงียบหาย ไม่มีการติดต่อกลับมาตามที่พูดไว้ นี่คือความรับผิดชอบเหรอ????
ทีตอนส่งหนังสือเรียกเก็บค่าประกันทำไมคุณทำได้ตรงตามเวลาจังคะ ไม่เห็นจะเลตซักสองสามเดือนดูมั่ง? ครั้งที่ทำประกันภัยบริษัทก็เหมือนกัน พายุเข้า เกิดความเสียหาย พนักงานเข้ามาถ่ายรูป เก็บๆๆๆ ยืดเยื้อยืดยาดดดดด นานมากกว่าจะยอมจ่ายสินไหมทดแทนให้รอกันนานมาก เป็นเดือนๆเลย
ก็อยากให้ทุกๆคนระวังตัวแล้วก็เลือกให้ดีๆนะคะ บางทีการที่เราละเอียดรอบคอบอ่านสัญญาครบถ้วนก็ไม่ได้จะแปลว่าเค้าจะอิดเอื้อนกับเราไม่ได้ อย่างกรณีรถของบ้านเรา คิดว่าเรารอบคอบกันแล้วก็ยังเจอเรื่องแบบนี้อีกจนได้ ผู้ใหญ่ที่คุณแม่รู้จักท่านเป็นคนเก่าในสคบ. ก็ได้แนะนำมาว่าให้ร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปเลย จะได้เข็ดหลาบกันไปข้างนึง
ความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัย????
แล้วเหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา คุณพ่อประสบอุบัติเหตุบนทางด่วนบูรพาวิถี เนื่องจากฝนตกหนัก ไฟบนทางด่วนก็ดับด้วย รถคุณพ่อเสียหลักแล้วกระแทกเข้ากับขอบทางด่วนรถเหินขึ้นกับขอบทาง ยังโชคดีที่คุณพ่อมีสติแล้วกระชากพวงมาลัยกลับเพื่อให้รถพุ่งกลับเข้าเส้นทาง ถ้าไม่อย่างนั้นรถเหินหลุดขอบตกทางด่วนแน่นอน ผลคือรถหมุน แล้วกระแทกเข้ากับขอบกั้นกลาง รถยับเยินทั้งคันรวมถึงคนในรถด้วย ทางบ้านรีบพาคุณพ่อ คุณแม่ส่งโรงพยาบาลกันทันทีหลังจากได้พบกับตัวแทนจากบริษัท อาการหนักกันไปทั้งคู่นอนโรงพยาบาลกันเป็นอาทิตย์ๆ(ปัจจุบันกระดูกหลังคุณแม่ยังคงยุบตัวและเคลื่อนอยู่ จากเหตุการณ์นั้น)
หลังออกจากโรงพยาบาลที่บ้านก็เริ่มตามเรื่องกับทางทิพยประกันภัย ทางบริษัทยืนยันจะให้ทำการซ่อมรถ เซ้าซี้จะให้ซ่อมให้ได้ เค้าก็อ้างโน่นอ้างนี่ เนี่ยค่าซ่อมแซมรถวงเงินเป็นล้านเลยนะสำหรับเบนซ์รุ่นนี้เนี่ย ส่งซ่อมจะดีกว่านะ บลาๆๆ ทุกๆคนก็ยังลังเลอยู่ แต่หลังจากการสอบถามไปว่าอะไหล่ที่จะเอามาเปลี่ยนให้เป็นของใหม่เลยใช่หรือเปล่า สรุปก็ไม่ใช่ของใหม่อีกด้วย เค้าจะหาซื้อพวกอะไหล่เก่ามาให้อู่ของทางบริษัทใส่ให้แทน แล้วจากสภาพรถที่ได้เห็นกัน คนขับย่อมรู้ดีที่สุดว่าการกระแทกที่เกิดขึ้นมันรุนแรงแค่ไหนแล้วสภาพรถมันแย่แค่ไหน ทุกคนในบ้านลงความเห็นว่าซ่อมมาแล้วก็ไม่คุ้มแน่ เพราะยังไงซ่อมมาสภาพมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม100% แล้วยิ่งเป็นอะไหล่เก่าด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ตกลงกับทางประกันว่าจะขายซากไปเลย จะขอทุนประกันเต็มจำนวนที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญาคือ ในกรณีที่รถเกิดความเสียหาย ทางบริษัทรับผิดชอบอยู่ในวงเงิน 1,300,000 บาท คำตอบที่ได้รับคือ ถ้าจะไม่ซ่อมงั้นก็คืนเป็นเงินให้ได้แค่ 900,000 บาท เอ้า! ก็แล้วตามสัญญาวงเงินมัน 1,300,000 บาท คุณจะจ่ายชดเชยเราแค่ 900,000 บาทได้ยังไง
ทางครอบครัวเราเลยไปปรึกษากับทนายแล้วก็ญาติที่ทำงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง แนะนำให้แจ้งกับทางทิพยประกันภัยไปเลยว่าเราต้องการเงินชดเชยเต็มจำนวน ในหนังสือสัญญาได้ระบุไว้ชัดเจนแล้ว ไม่มีการลงข้อยกเว้นเอาไว้ในเงื่อนไข อีกอย่างทางบริษัทก็บอกเองว่าค่าซ่อมเนี่ยเป็นล้าน จะจ่ายเงินชดเชยคืนให้กับผู้บริโภคด้วยวงเงิน 900,000 ไม่ได้ ทางบ้านได้แจ้งไปว่าจะทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากทางบริษัท ก็ได้รับคำตอบออกมาว่า ขอให้อย่าเพิ่งดำเนินการ จะทำเรื่องเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางครอบครัว เฉไฉยืดเยื้อมาจนวันนี้ 4 ตุลาคม เรื่องเงียบหาย ไม่มีการติดต่อกลับมาตามที่พูดไว้ นี่คือความรับผิดชอบเหรอ????
ทีตอนส่งหนังสือเรียกเก็บค่าประกันทำไมคุณทำได้ตรงตามเวลาจังคะ ไม่เห็นจะเลตซักสองสามเดือนดูมั่ง? ครั้งที่ทำประกันภัยบริษัทก็เหมือนกัน พายุเข้า เกิดความเสียหาย พนักงานเข้ามาถ่ายรูป เก็บๆๆๆ ยืดเยื้อยืดยาดดดดด นานมากกว่าจะยอมจ่ายสินไหมทดแทนให้รอกันนานมาก เป็นเดือนๆเลย
ก็อยากให้ทุกๆคนระวังตัวแล้วก็เลือกให้ดีๆนะคะ บางทีการที่เราละเอียดรอบคอบอ่านสัญญาครบถ้วนก็ไม่ได้จะแปลว่าเค้าจะอิดเอื้อนกับเราไม่ได้ อย่างกรณีรถของบ้านเรา คิดว่าเรารอบคอบกันแล้วก็ยังเจอเรื่องแบบนี้อีกจนได้ ผู้ใหญ่ที่คุณแม่รู้จักท่านเป็นคนเก่าในสคบ. ก็ได้แนะนำมาว่าให้ร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปเลย จะได้เข็ดหลาบกันไปข้างนึง