สืบเนื่องจากกระทู้
http://ppantip.com/topic/31061737
เรารู้สึกภาคภูมิใจและเราปฏิบัติตัวแบบนี้มันได้ผลเลยอยากแนะนำคนอื่นบ้างก็แค่นั้น ไม่ได้งมงาย อะไรเลย
ก่อนอื่นบอกก่อนเลย ว่าเราป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่ะ
วันนี้คุณหมอนัดตรวจร่างกาย และตรวจเลือดเรากับสามีออกไปแต่เช้าเพราะที่ ศิริราช คนจะเยอะ
ไปถึงโรงพยายา 07.00 ได้มั้ง ทำบัตรคิวตรวจความดัน แล้วรอพยาบาลให้ส่งไปตรวจเลือด
เรากับสามีไปหาที่นั่ง สามีขอตัวไปห้องน้ำ เราก้อนั่งที่เก้าอี้ หันไปมองเห็นคุณยายคนนึ่ง
ใส่หมวดไหมพรม เราถามคุณยายว่าคุณยายป่วยเป็นอะไรค่ะ ที่จริงอายุยังคงไม่ถึงคุณยายหรอกค่ะ
แต่เราเรียกคุณยายเพื่อความนับถือ คุณยายตอบว่าเป็นมะเร็ง เราถามว่าเป็นมะเร็งอะไรค่ะ
คุณยายก้อจับที่หน้าอก อ๋อ เป็นมะเร็งเต้านม ถามคุณยายต่อคุณยายเป็นระยะไหนค่ะ
คุณยายตอบว่า ระยะสุดท้าย
คุณยายตอบแบบน่าสงสารมาก เราถามคุณยายรับคีโมเหรอค่ะ คุณยายตอบว่า ลูกๆให้รับคีโม
เราถามต่อ คุณยายปฏิบัติตัวอย่างไรค่ะ คุณยายตอบว่าลูกๆเป็นคนจัดการให้
เราก้อบอกคุณยายว่าเราก้อเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คุณหมอบอกว่าอยู่ได้ไม่ถึงปี
แต่นี้ก้อจะสองปีแล้วค่ะ คุณยายยื่นมือมาจับมือเราแล้วบีบมือเรา
เราบอกคุณยายว่าคุณงดเนื้อสัตว์นะค่ะ ออกกำลังกายบ้าง ดื่มน้ำผลไม้สดเยอะๆ สวดมนต์ไหว้พระบ้าง
อย่าคิดแต่ตัวเองต้องตาย เราจับมือคุณยายสักพัก มีเด็กสาวคนนึ่งเดินมานั่งใกล้ๆคุณยาย เราก้อพูดต่อว่า
คุณยายกินกล้วยน้ำหว้าทุกเช้านะค่ะ แล้วก้อบอกโน้นนี่ เด็กสาวคนนั้นคงจะประมาณเราแหละ
พูดออกมาว่า งมงาย ไร้สาระ ฉันยังไม่เคยเห็นใครรอด ตายทุกราย
เราได้ยินแบบนั้นแล้วถามว่า คุณยายก่อนหน้าทำงานอยู่หรือป่าว คุณยายตอบว่าทำ เราเลยถามต่อว่า
คุณยายลาออกหรือยัง คุณยายบอกว่ายังไม่ลาออก บริษัทให้ลาป่วยรักษา เราก้อบอกคุณยายว่า
ดีแล้วที่ยังไม่ลาออก ให้คุณยายติดต่อประกันสังคมนะค่ะ ให้บริษัทเซนต์ใบรับรองว่ายังคงสภาพพนักงาน
แต่ใช้สิทธิลาป่วยรักษา ประกันสังคมจะคุ้มครองรายได้ให้เรา 50% ของรายได้ (สำหรับคนป่วยเป็นโรคมะเร็ง)
จ่ายถึง 356 แนะ เราพูดจบ (คนป่วยบางคนไม่รู้ )
เด็กสาวคนนั้นพูดสวนกลับมาว่า ถ้าได้อย่างที่เธอว่า เธอคงไม่มารักษาที่นี้หรอกจิงไหม
พูดจบก้อลากคุณยายไปนั่งที่อื่น ที่จิงที่เรามาหาหมอศิริราชเป็นเพราะสามีเป็นข้าราชการ และไว้ใจคุณหมอ
หาหมอที่ศิริราชอาจคนเยอะใช้เวลาทั้งวัน แต่ข้อดีคือ คนไข้ไม่เครียดสามารถเดินไปโน้นนี่ได้ มีที่นั่งเล่นเยอะ
ต่างกับโรงพยาบาลอื่นๆ
คุณสามีมานั่งข้างๆ เราก้อเราเหตุการณ์ให้ฟัง คุณสามีก้อพูดว่า ยากสำหรับคนบางคนที่เราจะให้เค้าเข้าใจ
และญาติทำตัวแบบนี้จะทำให้คนป่วยตายเร็ว เพราะคนป่วยมีสิทธิที่จะเลือกวิธีรักษาด้วยตัวเองพร้อมกับความเห็น
ของคนในครอบครัว
สงสารคุณยายนะ เราดูสายตาคุณยายแล้วคุณยายอยากพูดคุยกับเรา คุณยายอาจต้องการกำลังใจ
แต่ญาติไม่เข้าใจ พามารักษาเพราะหน้าที่ ไม่ได้เข้าใจคนป่วย
สิ่งที่เราคุยกับคุณยายไม่ได้ให้คุณยายมาทำตาม แต่เราพยายามให้คุณยายมีกำลังใจ เราอายุยังน้อยยังผ่านมาได้
แง แง เศร้า อุส่าหวังดี
ถึงใครจะว่าเรา งมงาย ไร้สาระ เราก้อจะปฏิบัติตัวเหมือนเดิมเพราะเป็นทางเลือกที่ทำให้ชีวิตเราอยู่ต่อ
โดน ญาติคนป่วยด่า
เรารู้สึกภาคภูมิใจและเราปฏิบัติตัวแบบนี้มันได้ผลเลยอยากแนะนำคนอื่นบ้างก็แค่นั้น ไม่ได้งมงาย อะไรเลย
ก่อนอื่นบอกก่อนเลย ว่าเราป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่ะ
วันนี้คุณหมอนัดตรวจร่างกาย และตรวจเลือดเรากับสามีออกไปแต่เช้าเพราะที่ ศิริราช คนจะเยอะ
ไปถึงโรงพยายา 07.00 ได้มั้ง ทำบัตรคิวตรวจความดัน แล้วรอพยาบาลให้ส่งไปตรวจเลือด
เรากับสามีไปหาที่นั่ง สามีขอตัวไปห้องน้ำ เราก้อนั่งที่เก้าอี้ หันไปมองเห็นคุณยายคนนึ่ง
ใส่หมวดไหมพรม เราถามคุณยายว่าคุณยายป่วยเป็นอะไรค่ะ ที่จริงอายุยังคงไม่ถึงคุณยายหรอกค่ะ
แต่เราเรียกคุณยายเพื่อความนับถือ คุณยายตอบว่าเป็นมะเร็ง เราถามว่าเป็นมะเร็งอะไรค่ะ
คุณยายก้อจับที่หน้าอก อ๋อ เป็นมะเร็งเต้านม ถามคุณยายต่อคุณยายเป็นระยะไหนค่ะ
คุณยายตอบว่า ระยะสุดท้าย
คุณยายตอบแบบน่าสงสารมาก เราถามคุณยายรับคีโมเหรอค่ะ คุณยายตอบว่า ลูกๆให้รับคีโม
เราถามต่อ คุณยายปฏิบัติตัวอย่างไรค่ะ คุณยายตอบว่าลูกๆเป็นคนจัดการให้
เราก้อบอกคุณยายว่าเราก้อเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คุณหมอบอกว่าอยู่ได้ไม่ถึงปี
แต่นี้ก้อจะสองปีแล้วค่ะ คุณยายยื่นมือมาจับมือเราแล้วบีบมือเรา
เราบอกคุณยายว่าคุณงดเนื้อสัตว์นะค่ะ ออกกำลังกายบ้าง ดื่มน้ำผลไม้สดเยอะๆ สวดมนต์ไหว้พระบ้าง
อย่าคิดแต่ตัวเองต้องตาย เราจับมือคุณยายสักพัก มีเด็กสาวคนนึ่งเดินมานั่งใกล้ๆคุณยาย เราก้อพูดต่อว่า
คุณยายกินกล้วยน้ำหว้าทุกเช้านะค่ะ แล้วก้อบอกโน้นนี่ เด็กสาวคนนั้นคงจะประมาณเราแหละ
พูดออกมาว่า งมงาย ไร้สาระ ฉันยังไม่เคยเห็นใครรอด ตายทุกราย
เราได้ยินแบบนั้นแล้วถามว่า คุณยายก่อนหน้าทำงานอยู่หรือป่าว คุณยายตอบว่าทำ เราเลยถามต่อว่า
คุณยายลาออกหรือยัง คุณยายบอกว่ายังไม่ลาออก บริษัทให้ลาป่วยรักษา เราก้อบอกคุณยายว่า
ดีแล้วที่ยังไม่ลาออก ให้คุณยายติดต่อประกันสังคมนะค่ะ ให้บริษัทเซนต์ใบรับรองว่ายังคงสภาพพนักงาน
แต่ใช้สิทธิลาป่วยรักษา ประกันสังคมจะคุ้มครองรายได้ให้เรา 50% ของรายได้ (สำหรับคนป่วยเป็นโรคมะเร็ง)
จ่ายถึง 356 แนะ เราพูดจบ (คนป่วยบางคนไม่รู้ )
เด็กสาวคนนั้นพูดสวนกลับมาว่า ถ้าได้อย่างที่เธอว่า เธอคงไม่มารักษาที่นี้หรอกจิงไหม
พูดจบก้อลากคุณยายไปนั่งที่อื่น ที่จิงที่เรามาหาหมอศิริราชเป็นเพราะสามีเป็นข้าราชการ และไว้ใจคุณหมอ
หาหมอที่ศิริราชอาจคนเยอะใช้เวลาทั้งวัน แต่ข้อดีคือ คนไข้ไม่เครียดสามารถเดินไปโน้นนี่ได้ มีที่นั่งเล่นเยอะ
ต่างกับโรงพยาบาลอื่นๆ
คุณสามีมานั่งข้างๆ เราก้อเราเหตุการณ์ให้ฟัง คุณสามีก้อพูดว่า ยากสำหรับคนบางคนที่เราจะให้เค้าเข้าใจ
และญาติทำตัวแบบนี้จะทำให้คนป่วยตายเร็ว เพราะคนป่วยมีสิทธิที่จะเลือกวิธีรักษาด้วยตัวเองพร้อมกับความเห็น
ของคนในครอบครัว
สงสารคุณยายนะ เราดูสายตาคุณยายแล้วคุณยายอยากพูดคุยกับเรา คุณยายอาจต้องการกำลังใจ
แต่ญาติไม่เข้าใจ พามารักษาเพราะหน้าที่ ไม่ได้เข้าใจคนป่วย
สิ่งที่เราคุยกับคุณยายไม่ได้ให้คุณยายมาทำตาม แต่เราพยายามให้คุณยายมีกำลังใจ เราอายุยังน้อยยังผ่านมาได้
แง แง เศร้า อุส่าหวังดี
ถึงใครจะว่าเรา งมงาย ไร้สาระ เราก้อจะปฏิบัติตัวเหมือนเดิมเพราะเป็นทางเลือกที่ทำให้ชีวิตเราอยู่ต่อ