คุยกับป้า “บรรเจิดศรี ยมาภัย” อดีตแม่ค้าสู่เส้นทางดาราอาวุโส


แทบจะนับคนเลยก็ว่าได้สำหรับนักแสดงระดับอาวุโสที่ยังคงโลดแล่นอยูในแวดวงบันเทิงของบ้านเรา
       
           หนึ่งในนั้นที่หลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีแม้ว่าช่วงหนึ่งเจ้าตัวจะห่างหายไปจากหน้าจอทีวีนานหลายปี คนๆ นั้นก็คือ "บรรเจิดศรี ยมาภัย" หนึ่งในนักแสดงรุ่นใหญ่ที่หลายคนต่างเต็มใจที่จะเรียกเจ้าตัวแบบนับญาติว่าคุณป้า-คุณยาย ซึ่งนอกจากจะไม่รู้สึกเคอะเขินแล้วยังให้ความรู้สึกอบอุ่นอีกต่างหาก
       
           ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เราจะรู้จักนักแสดงอาวุโสท่านนี้ด้วยข้อมูลทั่วไปที่ว่า ท่านเข้าวงการเมื่ออายุ 50, แสดงละครเรื่อง "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" เป็นเรื่องแรก, เป็นญาติกับอดีตนางเอกดัง "มนฤดี ยมาภัย", เล่นเป็นยาย "อังศุมาลิน" ที่แสดงโดย "กวาง กมลชนก" ในละคร "คู่กรรม", เคยได้รับรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 5 ประจำปี 2537 ในสาขาผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากละคร "อำแดงเหมือนกับนายริด" รวมถึงเป็นคุณแม่ของ "อ.ศัลยา สุขะนิวัต" นักเขียนบทละครชื่อดังของยุคนี้
       
           วันนี้ Super บันเทิง ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสพูดคุยพร้อมนำเสนอบทสนทนามานำเสนอเพื่อทำความรู้จักกับนักแสดงอาวุโสท่านนี้ให้มากยิ่งขึ้น
           ...
       หากนับอายุตามวันเกิด 4 มิถุนายน 2468 “ป้าศรี หรือ ยายศรี” สรรพนามที่เจ้าตัวถูกเรียกกันในกองถ่ายฯ ก็จะมีอายุ 88 ปีเข้าไปแล้ว โดยท่านได้เล่าย้อนไปชีวิตในวัยสาวๆ ให้ฟังว่า...
           "ก่อนเข้าวงการป้าเคยทำงานอยู่องค์การ USOM ของสหประชาชาติ ทำอยู่17 ปี แล้วก็ออกมา ตอนนั้นอายุราวๆ 50 ได้มั้ง ก็มาเปิดร้านอาหารขายที่บ้าน แล้วก็ไปขายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต ขายอยู่ 3 ปี ขายดิบขายดีเลย เพราะว่าเรามีแม่ครัวเก่งเขาทำอร่อยมาก (หัวเราะ)"
       
       เข้าวงการเพราะอุบัติเหตุ?
           "จนมีอยู่วันนึงเรากำลังขับรถกลับบ้าน ปรากฏว่าเราขับรถตกคู คือเหมือนถนนมันถูกราดน้ำมัน แต่โชคดีที่คูตรงนั้นไม่มีน้ำ แล้วพอเราตกลงไปในคูปุ๊บก็มีรถ10 ล้อ ตกคูตามเราลงมาอีก มาจอดอยู่ข้างๆ เลย ก็ตกใจมากๆ หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นลูกๆ ก็บอกว่าให้เลิกขาย เพราะว่าถนนแถวรังสิตมันเปลี่ยว"
           
           "เราก็เสียดายมาก เพราะว่าขายดิบขายดี แบบว่าเงินเต็มลิ้นชักที่ขายเลย 3 - 4 ลิ้นชัก พอเลิกเราก็ว่างงาน นั่งอยู่บ้านเฉยๆ จนน้องสาว (ผุสดี สังวริบุตร) ก็มาเรียกไปเล่นละคร เราก็บอกไม่เล่น เล่นไม่เป็น ไม่เคยเล่นละคร เขาก็บอกมาเถอะ มาลงเรื่องสั้นก่อนละกัน เรื่องกฎแห่งกรรม ประมาณครึ่งชั่วโมง"
       
       เหตุที่ยอมเล่นเพราะ?...
           "เขาบอกไม่มีบทพูดเลย เราก็เลยมาเล่น (ยิ้ม) แต่พอถึงมันก็มีบทพูด 2-3 ประโยคก็เลยโดนไปหลายเทป (หัวเราะ) แล้วหลังจากนั้นเราก็ได้เล่นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ซึ่งสมัยก่อนนั้นเราได้ค่าตัว 300 บาท แล้วก็ได้เล่นมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน"
       
       จากแม่ค้ามาเป็นนักแสดงแถมอายุก็ค่อนข้างมาก ประสบการณ์ก็ไม่มี คุณยายทำได้อย่างไร?
           "การแสดงก็ไม่เคยเรียนเลย มาถึงก็เข้าวงการเลย มาเรียนรู้เอาในวงการ อย่างคุณไพรัช (ไพรัช สังวริบุตร) ก็สอน ก็จะเก็บเอาจากประสบการณ์ในกองถ่ายเอา บางทีผู้กำกับก็จะบอก ถามว่ายากไหมมันก็ยากเหมือนกันนะ อย่างบทที่เราต้องดุ ต้องนุ่งโจงกระเบนจะต้องดุกับพวกทาส ซึ่งไม่ใช่ตัวเราที่ต้องดุและเข้มงวด ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นเรื่องนางทาส ก็ค่อนข้างหนักใจ"
       
           "เพราะเราเคยเล่นแต่บทย่ายายที่เรียบร้อย แต่ถ้าบทร้องไห้ก็เล่นได้ค่ะ ชำนาญมาก (หัวเราะ) เพราะที่เล่นมาเนี่ยบทร้องไห้เยอะ ต้องเล่นเป็นคนแก่ที่ต้องจากคนนั้นคนนี้ อย่างมีเรื่องนึงชื่อเรื่องไม่ได้ ที่ต้องไปถ่ายที่เมืองจีน แล้วในเรื่องลูกตาย อันนั้นก็ร้องไห้เยอะมาก”
       
       มีอยู่ช่วงหนึ่งดูเหมือนคุณยายจะหายไปเลย?
           "คือระหว่างที่เราเล่นเราก็ทำงานในกองฯ ไปด้วย เพราะในฐานะที่เราเป็นญาติเขาก็เลยให้เราถือเงินค่าใช้จ่ายในกองฯ ก็ทำทั้งเล่นละครและดูแลค่าใช้จ่ายแบบนี้สลับกัน แต่หลังๆ เราแก่มาก ก็เลยไม่ค่อยได้เล่นละคร ก็มาทำบัญชีให้กับบริษัทของคุณไพรัช (ไพรัช สังวริบุตร) ทำอยู่ 8 ปี จนเมื่อต้นปีเราก็ลาออกเพราะไม่ไหวเราแก่แล้ว"
       
           "จริงๆ ก็ไหวแหละนะ แต่เราอยากอยู่บ้านสบายๆ (ยิ้ม) แล้วเราก็เพิ่งกลับมาเล่นละครภาพอาถรรพ์เป็นเรื่องแรกจากที่ไม่ได้เล่นมาหลายปี"
       
       ส่วนใหญ่คนจะจำคุณยายได้ดีจากบทยายของ "อังศุมาลิน" ในละคร "คู่กรรม" ของดาราวิดีโอ ที่ "กวาง กมลชนก" แสดง แล้วเรียก "โกโบริ" ที่ "เบิร์ด ธงไชย" เล่นว่าพ่อดอกมะลิ...ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วราวๆ 23 ปี คุณยายจำได้มั้ยว่าบรรยกาศการทำงานตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?
           “จำได้ว่าตอนนั้นถ่ายมา 8 เดือนเต็มๆ เลยนะ เราก็จะนอนที่กองถ่ายลาดหลุมแก้ว มีที่นอนคนละอัน นอนเรียงกันยาวเลย ตอนเช้าก็ตื่นมาถ่ายละครต่อ คือทุกคนต้องกินนอนกองถ่าย ยกเว้นพระนางเขาจะกลับบ้านแล้วมาใหม่ ตอนนั้นเร่งมาก 8 เดือนต้องถ่ายให้ได้ 38 ตอน ซึ่งไม่เหมือนสมัยนี้มีแค่15 ตอนจบ คือเป็นละครที่ยาวที่สุดในชีวิตที่เคยเล่นมา”
       
       คุณยายรู้สึกว่าบรรยากาศในกองถ่ายสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันมั้ย?
           “คือเราเคยถ่ายแต่ของคุณไพรัชก็จะสนิทกับคนในกอง ก็จะคุ้นเคยกันกับทุกคนเหมือนกับเป็นญาติก็เกือบ10 ปีแล้ว แต่อย่างกองภาพอาถรรพ์(เอ็กแซกท์) เราก็ไม่ค่อยคุ้น ก็ยังไม่สนิทกันเท่าไหร่ก็จะเขินๆ (หัวเราะ) ซึ่งเราก็ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อเพิ่มความสนิทสนม แต่ถ้าถามเรื่องการทำงานกับนักแสดงรุ่นก่อนๆ ก็จะรุ่นๆ เดียวกัน อย่างดวงดาว(ดวงดาว จารุจินดา) เขาก็จะน่ารัก แต่กับเด็กรุ่นใหม่ๆ เราก็ยังไม่รู้จัก ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่”
       
       หลายคนตกใจเห็นคุณยายในภาพข่าวน้ำท่วมกรุงเทพฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?
           “แข็งแรงค่ะ แต่จะเหมือนเป็นภูมิแพ้ ต้องคอยพ่นยา ต้องระวังอย่างไปโดนอากาศเย็น ระวังบริเวณหน้าอก อย่างอื่นเราก็ไม่ค่อยเจ็บหรือเป็นอะไร แต่เดินไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะว่าผ่าตัดหลังใส่เหล็กดามไว้ทั้งเส้น เหล็กนี่ต้องใส่จนตายเลยนะคะ"
       
           "จำได้ว่าตอนนั้นอายุประมาน 80 กระดูกสันหลังมันลงมาติดกัน ทำให้ต้องผ่าตัด แต่ว่าพอหลังผ่าตัดใส่เหล็กอะไรเสร็จ ปรากฏว่าเส้นหัวแม่เท้าข้างขวาหายไปทั้งเส้น เส้นใหญ่ไม่มี เราก็กระดิกเท้าได้แค่นี้ (ทำท่าให้ดู) คือเราก็ไม่ทราบ คุณหมอก็พยายามมา 1 ปีให้เราไม่ออกกำลัง เผื่อมันจะขึ้น มันก็ไม่ขึ้น"
       
           "ทำให้ทุกวันนี้เราต้องถือไม้เท้า เวลาเดินตัวจะไม่ค่อยตรง แต่ว่าถ้าเดินเท้าเปล่าไม่ถือไม้เท้าเราก็พอเดินได้ ตอนแรกเราก็คิดในใจว่าถ้าสัก 60 เราคงจะฟ้องแล้ว แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะตอนนั้นเราก็ 80 อีก 2 ปีจะตายก็ได้(หัวเราะ) แต่ก็มาจนตอนนี้อายุ 88 แล้ว"
       
           "ก็เลยเป็นสาเหตุที่พักหลังๆ เราไม่ค่อยเล่นละครเพราะว่าต้องถือไม้เท้าดูแล้วก็ไม่ดี แต่ว่าเราก็ได้เล่นบทถือไม้เท้ามา 4 ปีแล้ว อย่างเรื่องคู่กิ๊กพริกกับเกลือเป็นอาม่าแก่ๆ ถือไม้เท้า (ยิ้ม)”
       
       ตอนนี้ถ้าไม่ได้เข้าคิวละคร คุณยายมีกิจวัตรประจำวันอะไรบ้าง?
           "ก็จะอ่านหนังสือ เพราะที่บ้านมีหนังสือเยอะแยะมากเลย บางวันถ้าไม่อ่านหนังสือก็จะออกไปพบเพื่อนบ้าง บางทีไปทานข้าวที่อยุธยา ไปทานข้าวที่สมุทรสงคราม ทานอาหารทะเล บางทีก็ไปบ้านที่เชียงใหม่ชวนเพื่อนๆ ไป 7-8 คน แล้วก็มีไปทำบุญไปกับเพื่อนๆ ค่ะ ตามประสาคนแก่ (หัวเราะ)"



ใน "อำแดงเหมือนกับนายริด"


ล่าสุดละคร "ภาพอาถรรพ์"


ก่อนหน้านั้นใน "แค้นเสน่หา"


รับรางวัลเกียรติยศคนทีวี จากงานประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 21 ประจำปี 2549


เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องเผชิญกับอุทกภัยเมื่อปี 2554


ข่าวจาก  :  ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122697
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่