ราคาชีวิต

กระทู้สนทนา
"รายงานข่าว ณ ที่เกิดเหตุโรงพยาบาลเอกชลใจกลางเมือง ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัยฉกรรจ์ ใช้ปืนยิงเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาล เท่าที่ทราบมีการยิงปืนแล้ว 2 นัด เรายังไม่ทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุของคนร้าย แต่ตอนนี้เราเห็นเจ้าหน้าที่บางส่วน กำลังทยอยวิ่งหนีออกมา บางคนอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวเราจะไปสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ ที่หนีออกมาจากตึกแล้วกันนะคะ"

นักข่าวสาวพร้อมช่างกล้องอีกหนึ่งคน กำลังเข้าในใกล้กับตึกโรงพยาบาล ที่เกิดเหตุการจี้ตัวประกัน เธอเดินไปที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในตึก และเพิ่งจะหลบหนีออกจากตึกมาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ

"ขอโทษนะคะ คุณคือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ตอนที่มีการยิงกันใช่มั้ยคะ?"

"ใช่ครับ ผู้ตายคนหนึ่งคือเพื่อนของผม เขาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ป่วยฉุกเฉิน"

"ผู้ร้ายต้องการอะไรคะ? พอจะทราบมั้ย"

"ไม่รู้ครับ รู้แต่เพียงว่าชายคนนั้นนำผู้ป่วยฉุกเฉินมาส่ง แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเขา"

"ขอบคุณมากค่ะ"

นักข่าวเมื่อเห็นว่าผู้ที่เธอสัมภาษณ์ ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เธอหันมาพูดกับกล้อง

"ในตอนนี้เรารู้เพียงแต่ว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย และมีผู้เสียชีวิตแล้วหนึ่งคน ตอนนี้สิ่งที่เราเห็นคือ ตำรวจจำนวนหนึ่งพยายามจะปิดล้อม โถงชั้นล่างของโรงพยาบาล และคนไข้บางส่วนพร้อมญาติได้ทยอยเดินออกมาจากตึกแล้ว เราจะไปสัมภาษณ์ผู้ที่เพิ่งเดินออกมาค่ะ"

นักข่าวพยายามแหวกฝูงชน ตรงไปยังผู้ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากตึก ชายคนหนึ่งเดินกระเผกออกมา แขนขวาเขาค้ำด้วยไม้ช่วยเดิน

"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณอยู่ในเหตุการณ์ ตอนที่คนร้ายบุกเข้ามาในโรงพยาบาลมั้ยคะ"

"ใช่ครับ ผมอยู่ในเหตุการณ์นั้น คนร้ายไม่ได้บุกเข้ามา เขาเป็นญาติผู้ป่วยคนหนึ่ง เขาพาภรรยาที่เพิ่งโดนรถชนบาดเจ็บสาหัสเข้ามา จากนั้นไม่นานเห็นว่าภรรยาเขาเสียชีวิต คาดว่าชายคนนั้นคงเกิดคลุ้มคลั่ง หยิบปืนที่พกมายิงนางพยาบาลเสียชีวิตทันที"

"ขอบคุณค่ะ"

นักข่าวสาวได้ข้อมูลเพิ่มเติม เธอหันมาพูดกับกล้อง

"ตอนนี้เราคาดว่าแรงจูงใจของคนร้าย เกิดจากคงช็อคที่ภรรยาของเขาเสียชีวิต แต่ทั้งนี้เราคงยังต้องสอบถาม กับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทางเราจะเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดค่ะ"

ทันใดนั้น ชั้น 5 ของตึกโรงพยาบาล มีเสียงปืนรัวดังขึ้นหลายนัด ผู้คนวิ่งหนีกันอลหม่าน บันไดหนีไฟเริ่มมีการถ่ายเทผู้คนออกมาอย่างต่อเนื่อง ในบริเวณชั้นล่าง ตำรวจเริ่มปิดสถานที่แล้ว ผู้ไม่เกี่ยวข้องถูกกันออกไปจากพื้นที่

"ผู้ชมคะ ตอนนี้เกิดเหตุยิงกันที่ชั้น 5 ของอาคาร"

ผู้คนเริ่มชุลมุนขึ้น ตำรวจหลายนายเข้ามาเสริมกำลัง รถพยาบาลจากโรงพยาบาลอื่น ขับเข้ามาจอดเพื่อพร้อมรับ กับความโกลาหล นักข่าวจากหลายสำนักที่เข้ามา ถูกกันออกนอกพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย และไม่เกะกะการทำงานของตำรวจ

"ผู้ชมคะ ตอนนี้สถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น พวกเราไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้แล้ว แต่เรายังคงเกาะติดสถานการณ์ หากมีความคืบหน้า เราจะรายงานให้ทราบทันทีค่ะ ตอนนี้ขอตัดไปยังห้องส่ง"

ภาพข่าวทันสถานการณ์ ตัดเข้ามายังห้องส่ง

"ตอนนี้เชิญรับชมรายการปกติค่ะ หากมีความคืบหน้าเราจะตัดภาพ และรายงานสถานการณ์อีกครั้ง"

สถานนีตัดเข้าละคร

...

"ท่านผู้ชมคะ จากเมื่อประมาณ 20 นาทีที่แล้ว ได้เกิดเหตุยิงปืนในโรงพยาบาล ซึ่งในตอนนี้ตำรวจ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว มีการสรุปรายงานผู้เสียชีวิต 3 คน และ 1 ในนั้นก็คือผู้ก่อเหตุที่โดนวิสามัญ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ความเสียหายอื่นๆก็มีความเสียหายเล็กน้อย จากกระสุนปืน มีการชุลมุมจากผู้ป่วยข้างใน และเจ้าหน้าที่ เดี๋ยวเราจะไปสัมภาษณ์ผู้กำกับการ ที่ยืนสั่งงานตรงนั้นค่ะ"

นักข่าวสาวเดินตรงไปยังกลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

"ท่านคะ ขอทราบสถานการณ์ ณ ตอนนี้ค่ะ"

"ในเบื้องต้นเราควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้ว คนร้ายมีการยิงต่อสู้ จึงถูกวิสามัญที่ชั้น 5 ของตึก"

"พอจะทราบมั้ยคะ ว่าคนร้ายขึ้นไปทำอะไรที่ชั้น 5 คะ"

"ตรงนี้เรายังไม่ทราบครับ คงต้องรอให้แผนกสืบสวนทำงานต่อไป"

"ขอบคุณท่านมากค่ะ"

นักข่าวสาวเดินถอยออกมา จากที่ๆตำรวจใช้ปฏิบัติหน้าที่

"คุณผู้ชมคะ ทางทีมงานเราได้ตรวจสอบ จากทางโรงพยาบาลว่า ชั้น 5 ของตึกเป็นชั้นที่ผู้บริหาร ของโรงพยาบาลนั่งทำงานค่ะ ตอนนี้เรายังคงไม่ทราบถึงแรงจูงใจที่แท้จริง ของผู้ก่อเหตุที่แน่ชัด จากนี้เราคงต้องรอฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาเก็บหลักฐาน และสอบพยานในที่เกิดเหตุค่ะ แต่ตอนนี้เราสามารถติดต่อพูดคุย กับผู้อำนวยการของโรงพยาบาลได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะมีการสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ ผ่านทางสถานีค่ะ"

รายการข่าวตัดมาที่สถานี นักข่าวจากหน้าจอโทรทัศน์ กำลังสัมภาษณ์ผู้อำนวยการ ผ่านสายโทรศัพท์

"สวัสดีค่ะ ท่านคะ"

"สวัสดีครับ"

"ท่านคะ ขอทราบสถานการณ์ ในโรงพยาบาลตอนนี้ค่ะ มีรายงานว่าคนร้ายได้บุกไปที่ห้องของท่าน และจับท่านเป็นตัวประกัน"

"ตอนนี้ทางตำรวจควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้วครับ คนร้ายถูกวิสามัญ ผมพยายามถ่วงเวลาคนร้ายไว้ ทำให้ตำรวจเข้าช่วยเหลือทัน"

"ท่านได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ในโรงพยาบาลมั้ยคะ ว่าผู้ก่อเหตุต้องการอะไร"

"จากการสอบถาม เจ้าหน้าแผนกฉุกเฉิน คนร้ายคงเกิดความคลุ้มคลั่ง จากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิต ก่อนที่จะส่งถึงมือหมอครับ"

"เอ่อ! ท่านคะ เพิ่งจะมีรายงานการสอบถามประชาชน ที่อยู่ในเหตุการณ์จากสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ผู้ก่อเหตุพยายามนำภรรยา ที่กำลังตั้งท้องและโดนรถชน บาดเจ็บขั้นรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยืนยัน ที่จะไม่รับผู้ป่วย เหตุการณ์แบบนี้เป็นไปได้มั้ยคะ"

"เป็นไปไม่ได้ครับ ผมสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ แผนกฉุกเฉินแล้ว นั่นไม่ใช่นโยบายของเรา"

"แต่ว่า!"

สายโทรศัพท์ปลายทางตัดไป

...

1 ชั่วโมงกว่าก่อนหน้านี้

นพพรค่อยๆประคองภรรยา ลงจากรถแท๊กซี่ เจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินรีบเข็นเตียงคนไข้ ไปรับร่างของภรรยานพพร หน้ากากปั๊มอ๊อกซิเจนถูกสวมที่หน้าของเธอ เจ้าหน้าที่กำลังจะเข็นเตียงไปยังห้องฉุกเฉิน แต่มีพยาบาลคนหนึ่ง ออกมาจากห้องธุรการ

"เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป"

"ทำไมครับ?"

นพพรเอ่ยถามอย่างร้อนรน

"ขอเชิญญาติผู้ป่วยที่ห้องธุรการค่ะ"

"ภรรยาผมบาดเจ็บจะตายอยู่แล้ว ให้เข้าห้องฉุกเฉินก่อนได้มั้ย"

"ไม่ได้ค่ะ จนกว่า... "

พยาบาลยังคงยืนยัน

"งั้นมีอะไร!"

นพพรถามอย่างร้อนใจ

"ตามระเบียบของทางโรงพยาบาล หากจะรักษาได้ ต้องมีเงินมาวางมัดจำ 5 หมื่นบาทก่อนค่ะ"

"จะบ้าเหรอ! ใครจะพกเงินมาเยอะขนาดนั้น"

"แต่มันเป็นกฎค่ะ หากไม่มีเงินมาวาง ทางเราสามารถให้ผู้ป่วย นั่งรถพยาบาลออกไปยังโรงพยาบาลอื่นได้ค่ะ"

"ใครเป็นคนออกกฎนี้?"

"ผอ. ค่ะ โรงพยาบาลอื่นหลายที่ ก็ทำแบบนี้"

นพพรไม่รู้จะทำอย่างไร เขาหันซ้ายแลขวา พลันเหลือบไปเห็นรถตู้คันใหญ่ยี่ห้อเบนซ์ เข้ามาจอดตรงประตูทางเข้าแผนกฉุกเฉิน หญิงชราในรถค่อยๆก้าวเท้าลงมาจากรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เข้าไปประคองนั่งลงบนรถเข็น อาการของหญิงชราขาคงจะหัก จากการหกล้มตามประสาคนแก่

นพพรเฝ้าดูตั้งแต่คนชราถูกประคอง ลงมานั่งบนรถเข็น เจ้าหน้าที่เข็นรถเธอ ตรงไปยังห้องฉุกเฉินทันที กระบวนการตั้งแต่หญิงชราจอดรถ ถึงถูกเข็นรถเข็นไปยังห้องฉุกเฉิน ใช้เวลาไม่ถึง 20 วินาที แต่ภรรยาของนพพรรอเข้าห้องฉุกเฉิน กว่า 5 นาทีแล้ว

"ทำไมคนนั้นถึงเข้าห้องฉุกเฉินได้เลย ไม่เห็นมีญาติคนไหนมาวางเงินซักคน"

"มันเป็นกฎค่ะ"

"เพราะมันนั่งรถเบนซ์มาใช่มั้ย!"

นพพรตะโกนเสียงดัง พยาบาลทำท่าตกใจแต่ยังคงหน้านิ่ง เธอต้องทำตามกฎ

"ผมขอคุยกับผู้อำนวยการได้มั้ย? ช่วยผมด้วยเถอะ"

นพพรพูดจบ เจ้าหน้าที่เข็นเตียงก็ตะโกนขึ้น

"ผู้ป่วยชีพจรเริ่มอ่อนแล้ว!"

นพพรหัวใจตกลงตีน เขารีบวิ่งไปดูภรรยา สีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากเธอขาวซีด นพพรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ภรรยา

"อรๆ ได้ยินพี่มั้ย"

นพพรเขย่ามือภรรยา เธอพยายามลืมตา แต่ไม่เป็นผล

"พี่พรใช่มั้ย อรไม่ไหวแล้ว อรขอโทษที่ไม่สามารถคลอดลูกชาย ของพี่ได้แล้ว..."

เสียงละท่าทีของภรรยานพพร นิ่งเงียบไป เขาร้องไห้เสียงดัง เมื่อรู้ว่าแฟนสาวและลูกของเขาในท้อง จากไปอย่างไม่มีวันกลับ นพพรได้แต่โศรกเศร้าเสียใจ น้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาดั่งสายน้ำ นพพรคิดว่าจะต้องยื้อชีวิตเธอ

"ปั๊มหัวใจ! เร็วเข้า รีบปั๊มหัวใจเธอเร็วเข้า"

"เธอไม่หายใจนาน 5 นาทีแล้ว ปั๊มหัวใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์"

เมื่อนพพรได้ยินประโยคนี้ สติของเขาขาดผึงทันที นพพรชกหมัดออกไปเต็มแรง เข้าที่เบ้าตาของเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เข็นเตียงล้มลงไปนอนกับพื้น

"แล้วทำไม  มงไม่ทำมันก่อนหน้านี้!"

เจ้าหน้าที่ๆลงไปนอนกับพื้น ใช้มือกุมที่เบ้าตา ท่าทางหวาดกลัวแสดงออกมา อย่างเห็นได้ชัด

"ผะๆ... ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ ในเรื่องนั้นครับ ต้องให้ทางธุรการตัดสินใจก่อน"

"ชีวิตคนทั้งคน พวกมงยังจะตัดสินใจอีกเหรอ ได้! ก-ูก็จะตัดสินชีวิตมงบ้าง"

นพพรควักปืนออกมาจากเข็มขัด เขาเหนี่ยวไกมันทันที กระสุนเจาะตรงเข้าที่หัวใจ เสียงปืนเรียกเสียงกรี๊ดตกใจ จากคนในโรงพยาบาล นพพรหันไปหาพยาบาล ที่อยู่แผนกธุรการ ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงยืนแล้ว

"มงอีกคนใช่มั้ย ที่ตัดสินชีวิตเมียก-ู"

โดยที่ไม่รอคำตอบ นพพรเหนี่ยวไกปืน กระสุนพุ่งเข้าไปที่กลางหัวเธอ สติที่ขาดผึงของนพพรยังไม่กลับมา ตอนนี้เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง

'ผู้อำนวยการ' นพพรคิดถึงผู้อำนวยการ เขาหันปืนไปทางห้องธุรการ

"ไอ-่ผู้อำนวยการมันอยู่ไหน"

หลายคนในห้องธุรการ ตอบเสียงเดียวกัน

"ชั้น 5"

นพพรออกวิ่งไปยังลิฟท์ เขากดปุ่ม ใจของนพพรร้อนรุ่ม เกินกว่าที่เขาจะยืนรอลิฟท์ลงมาถึงชั้น 1 นพพรพุ่งตัวขึ้นไปยังชั้นบันได ไม่นานเขามาถึงชั้น 5 นพพรเหลือบซ้ายแลขวา เห็นพยาบาล เขาเล็งปืนไปที่เธอ

"ห้องผู้อำนวยการอยู่ไหน!"

พยาบาลชี้นิ้วไปทางห้องผู้อำนวยการ นพพรพุ่งตัวไปในทิศทางนั้น

'ห้องผู้อำนวยการ' ป้ายเหล็กติดหน้าห้อง

ปัง!!

เสียงถีบประตูเหล็กกระแทกดังลั่น ผู้อำนวยการที่นั่งบนโต๊ะตกใจ นพพรไม่ยอมเสียเวลาไถ่ถาม เขายิงปืนไปในทิศทางที่เจ้าของห้องนั่ง 3 นัดซ้อน กระสุนพลาดเป้า ผู้อำนวยการคลานเข้าไปอยู่หลังตู้เหล็ก

นพพรยืนนิ่ง เขาหายใจรุนแรง เนื่องจากความเหนื่อยและความแค้น แต่ปืนที่ยังมีกระสุนเหลืออยู่ ยังเล็งมาที่ผู้อำนวยการ ที่หลบอยู่หลังตู้เหล็ก

"เพราะกฎของมง  ทำให้เมียก-ูตาย มงอย่าอยู่เลย"

นพพรยิงปืนออกไปอีกหนึ่งนัด แต่กระสุนไม่ทะลุตู้เหล็ก ชะตาของผู้อำนวยการยังไม่ขาด

"ดะๆ...เดี๋ยวก่อนครับ กฎอะไร ผมไม่รู้เรื่องอะไร คุณเป็นใคร? ต้องการอะไร"

"เมียก-ูตั้งท้องได้ 8 เดือน โดนรถชนเจ็บหนัก แต่พยาบาลไม่ยอมให้เข้าห้องฉุกเฉิน เพราะก-ูไม่มีเงินวางมัดจำ 5 หมื่นบาท เมียก-ุตายเพราะไม่ได้เข้าห้องฉุกเฉิน"

"เกิดการเข้าใจผิดกันแล้ว..."

"เข้าใจผิดบ้าอะไร ไอ่พยาบาลนั่นเรียกเก็บเงินมัดจำ 5 หมื่น"

นพพรพยายามเดินหามุมยิง เขายิงไปอีกหนึ่งนัด แต่ก็ยังติดตู้เหล็ก

"ชีวิตคนจนมันไม่มีราคา ใช่มั้ย!!"

นพพรพูดตะโกนเสียงดัง เขาวิ่งเข้าไปหาผู้อำนวยการ เพื่อจะได้ยิงปืนจ่อหน้า ผู้อำนวยการคว้าแจกันดอกไม้ขว้างใส่นพพร นพพรหลบทัน ปากกระบอกปืนจ่อไปที่หัว ของผู้อำนวยการ

"ยอมแล้วๆ อยากได้อะไรจากผม เอาไปให้หมดเลย ขออย่างเดียวไว้ชีวิตผม"

"ชีวิตมงมีราคามากพอสำหรับก-ูเหรอ"

"อย่าทำอะไรผมเลยครับ ผมมีลูกเมียที่ต้องดูแล"

ผู้อำนวยการยกมือไหว้ นพพรทวีความแค้นขึ้นหลายเท่า เมื่อผู้อำนวยการใช้ลูกและเมียเป็นข้ออ้าง

"แล้วลูกเมียก-ูล่ะ ก-ูให้แค่ให้ช่วยรักษา แต่พวกมงกลับปฏิเสธเพราะก-ูไม่มีเงิน ก-ูมีอาชีพ ก-ูเป็นมือปืน และเหยื่อกระสุนคนถัดไปคือมง"

นพพรยื่นปากกระบอกปืน มาจ่อที่หัวผู้อำนวยการ เหมือนกำลังทำท่าจะยิง

"เดี๋ยว!"

ผู้อำนวยการพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงเรียบสุขุมกว่าก่อนหน้านี้ นพพรแปลกใจว่าทำไม ผู้อำนวยการท่าทีเปลี่ยนไป ผู้อำนวยการเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง ที่ประตูหน้าห้อง เขายังคงจ้องหน้าไปที่นพพร สายตาไม่ไหวติง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่