สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
คนมีทิฐิเช่นนั้นอยู่แล้ว เมื่อได้โอกาสก็แสดงออกมา หลักการบางอย่างของอิสลามกับพุทธมันขัดแย้งกันอยู่
อิสลามสอนว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด คนเป็นมุสลิมต้องเริ่มจากตรงนี้ โดยห้ามสงสัยเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้า
ส่วนพุทธสอนว่าไม่มีอะไรอยู่เหนือกฎเกณฑ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นสัจธรรมที่เห็นประจักษ์ได้โดยไม่ต้องพิสูจน์
หากคิดตามหลักเหตุผลแล้ว ทุกๆเหตุผลที่อธิบายว่า พระเจ้ามีจริง ล้วนแล้วแต่เป็นตรรกะวิบัติ(fallacy) ทั้งสิ้น
แต่นั้นก็เป็นเรื่องที่ใครจะเชื่ออย่างไรก็เชื่อไป ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาทะเลาะเบาะแว้งกันแต่ประการใดหากไม่มี
พวกที่อ้างศาสนาไปก่อความวุ่นวายทั่วโลก ให้เกิดการวิพากวิจารณ์กัน เช่นเหตุการณ์ภาคใต้ ตาลีบันระเบิดพระพุทธรูป
กราดยิงห้างสรรพสินค้าในเคนยา ระเบิดฆ่าตัวตายที่ไนจีเรีย เมื่อเกิดการวิพากวิจารณ์คนพวกนี้ก็ไม่พอใจ
หาทางโจมตีกลับ หาทางปิดกั้นการแสดงความเห็นบนเว็บบอร์สาธารณะ โจมตีคนที่เห็นไม่ตรงกับตัว โจมตีศาสนาพุทธ
ความเชื่อที่ขัดแย้งกันกู้ถูกขุดมาอวดอ้างว่าของฉันดีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ โฆษณาชวนเชื่อต่างๆนานา
คนพุทธเองก็มีหลายพวก บ้างก็สงบ บ้างก็ตอบโต้ ก็ทะเลาะกันไปครับ
อิสลามสอนว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด คนเป็นมุสลิมต้องเริ่มจากตรงนี้ โดยห้ามสงสัยเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้า
ส่วนพุทธสอนว่าไม่มีอะไรอยู่เหนือกฎเกณฑ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นสัจธรรมที่เห็นประจักษ์ได้โดยไม่ต้องพิสูจน์
หากคิดตามหลักเหตุผลแล้ว ทุกๆเหตุผลที่อธิบายว่า พระเจ้ามีจริง ล้วนแล้วแต่เป็นตรรกะวิบัติ(fallacy) ทั้งสิ้น
แต่นั้นก็เป็นเรื่องที่ใครจะเชื่ออย่างไรก็เชื่อไป ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาทะเลาะเบาะแว้งกันแต่ประการใดหากไม่มี
พวกที่อ้างศาสนาไปก่อความวุ่นวายทั่วโลก ให้เกิดการวิพากวิจารณ์กัน เช่นเหตุการณ์ภาคใต้ ตาลีบันระเบิดพระพุทธรูป
กราดยิงห้างสรรพสินค้าในเคนยา ระเบิดฆ่าตัวตายที่ไนจีเรีย เมื่อเกิดการวิพากวิจารณ์คนพวกนี้ก็ไม่พอใจ
หาทางโจมตีกลับ หาทางปิดกั้นการแสดงความเห็นบนเว็บบอร์สาธารณะ โจมตีคนที่เห็นไม่ตรงกับตัว โจมตีศาสนาพุทธ
ความเชื่อที่ขัดแย้งกันกู้ถูกขุดมาอวดอ้างว่าของฉันดีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ โฆษณาชวนเชื่อต่างๆนานา
คนพุทธเองก็มีหลายพวก บ้างก็สงบ บ้างก็ตอบโต้ ก็ทะเลาะกันไปครับ
ความคิดเห็นที่ 10
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! อาชีพต่ำที่สุดในบรรดาอาชีพทั้งหลาย คือการขอทาน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! คำสาปแช่งอย่างยิ่งในโลกนี้คือ คำสาปแช่งว่า "แกถือกระเบื้องในมือเที่ยวขอทานเถอะ" ดังนี้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! กุลบุตรทั้งหลาย เข้าถึงอาชีพนี้ เป็นผู้เป็นไปในอำนาจแห่งประโยชน์ เพราะอาศัยอำนาจแห่งประโยชน์, ไม่ใช่เป็นคนหนีราชทัณฑ์ ไม่ใช่เป็นขอให้โจรปล่อยตัวไปบวช ไม่ใช่เป็นคนหนีหนี้ ไม่ใช่เป็นคนหนีภัย ไม่ใช่เป็นคนไร้อาชีพ, จึงบวช, อีกอย่างหนึ่ง กุลบุตรนี้บวชแล้ว โดยที่คิดเช่นนี้ว่า เราทั้งหลายเป็นผู้ถูกหยั่งเอาแล้ว โดยชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย เป็นผู้อันความทุกข์หยั่งเอาแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏแก่เรา ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! แต่ว่า กุลบุตรผู้บวชแล้วอย่างนี้ กลับเป็นผู้มากไปด้วยอภิชฌา มีราคะแก่กล้าในกามทั้งหลาย มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจเป็นไปในทางประทุษร้าย มีสติอันลืมหลงแล้ว ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่นแล้ว มีจิตหมุนไปผิดแล้ว มีอินทรีย์อันตนไม่สำรวมแล้ว.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เปรียบเหมือนดุ้นฟืนจากเชิงตะกอนที่เผาศพ ยังมีไฟติดอยู่ทั้งสอง ตรงกลางก็เปื้อนอุจจาระ ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในบ้านเรือนก็ไม่ได้ ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในป่าก็ไม่ได้, ข้อนี้ฉันใด; ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เรากล่าวบุคคลนี้ว่ามีอุปมาเช่นนั้น; คือ เป็นผู้เสื่อมจากโภคะแห่งคฤหัสถ์ ด้วย, ไม่ทำประโยชน์แห่งสมณะให้บริบูรณ์ ด้วย.
ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๑๓/๑๖๗.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! คำสาปแช่งอย่างยิ่งในโลกนี้คือ คำสาปแช่งว่า "แกถือกระเบื้องในมือเที่ยวขอทานเถอะ" ดังนี้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! กุลบุตรทั้งหลาย เข้าถึงอาชีพนี้ เป็นผู้เป็นไปในอำนาจแห่งประโยชน์ เพราะอาศัยอำนาจแห่งประโยชน์, ไม่ใช่เป็นคนหนีราชทัณฑ์ ไม่ใช่เป็นขอให้โจรปล่อยตัวไปบวช ไม่ใช่เป็นคนหนีหนี้ ไม่ใช่เป็นคนหนีภัย ไม่ใช่เป็นคนไร้อาชีพ, จึงบวช, อีกอย่างหนึ่ง กุลบุตรนี้บวชแล้ว โดยที่คิดเช่นนี้ว่า เราทั้งหลายเป็นผู้ถูกหยั่งเอาแล้ว โดยชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย เป็นผู้อันความทุกข์หยั่งเอาแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏแก่เรา ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! แต่ว่า กุลบุตรผู้บวชแล้วอย่างนี้ กลับเป็นผู้มากไปด้วยอภิชฌา มีราคะแก่กล้าในกามทั้งหลาย มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจเป็นไปในทางประทุษร้าย มีสติอันลืมหลงแล้ว ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่นแล้ว มีจิตหมุนไปผิดแล้ว มีอินทรีย์อันตนไม่สำรวมแล้ว.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เปรียบเหมือนดุ้นฟืนจากเชิงตะกอนที่เผาศพ ยังมีไฟติดอยู่ทั้งสอง ตรงกลางก็เปื้อนอุจจาระ ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในบ้านเรือนก็ไม่ได้ ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในป่าก็ไม่ได้, ข้อนี้ฉันใด; ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เรากล่าวบุคคลนี้ว่ามีอุปมาเช่นนั้น; คือ เป็นผู้เสื่อมจากโภคะแห่งคฤหัสถ์ ด้วย, ไม่ทำประโยชน์แห่งสมณะให้บริบูรณ์ ด้วย.
ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๑๓/๑๖๗.
แสดงความคิดเห็น
...พระสงฆ์ขอทานไม่ทำมาหากิน.... ชี้แจงเพื่อนต่างศาสนิก
เมื่อมีผู้ถามกลับ เรื่องผู้ชายอิสลามทางใต้ไม่ทำงาน จิบน้ำชา เลี้ยงนกกรงหัวจุก ภรรยาหาเลี้ยง ท่านก็อธิบายว่าเป็นบาป ผิดหลักศาสนา
ฉันใดก็ฉันนั้น จึงอยากชี้แจงด้วยความรู้อันน้อยนิดว่า
- ภิกษุ แปลว่าผู้ขอ ผู้สละโลก แสวงหาหนทางดับทุกข์ มากกว่าเรื่องทำมาหาเลี้ยงชีพ แย่งชิง เบียดเบียน ค้ากำไร***
เพื่อวนเวียนในเรื่อง กิน กาม เกียรติ ท่านจึงต้องถือศีลครับ พระปฎิบัติท่านไม่กลัวอดข้าวตาย คือเมื่อไม่มีก็ไม่กินครับ
ต่างจากขอทานครับ ซึ่งไม่มีศีล ไม่ได้ศึกษา ปฎิบัติธรรม
- ในพระไตรปิฎกก็ระบุไว้ว่าเมื่อบวชแล้วต้องทำ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ละกิเลส อย่าเป็นหนี้ก้อนข้าวชาวบ้าน จะเป็นบาป
ได้แก่ คันถธุระ คือ ศึกษาพระธรรม วิปัสสนาธุระ คือ ปฎิบัติให้พ้นทุกข์ ไม่มีธุระอื่นจาก 2 เรื่องนี้ครับ
นี้เป็นตัวอย่างของพระแท้ ครับ
ค้ากำไร*** อิสลามก็มีหลัก ชารีฮะห์ ห้ามคิดดอกเบี้ย ค้ากำไรกับมุสลิมด้วยกัน ใช่ไหมครับ
แก้ : ลบชื่อออกเพราะแค่อยากชี้แจง และ เพื่อป้องกันการเสี้ยมครับ