สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
1. ทักษะที่ต้องใช้ในการเป็น professional กับ entrepreneur มันไม่เหมือนกันครับ การเป็น professional คือการรู้ลึก รู้จริง รู้ทั้งผ่านทฤษฎีและประสบการณ์ แต่ในสายงานที่ค่อนข้างจำกัด (เพราะคนเรารู้ทุกเรื่องไม่ได้) ไม่เหมือนกับเจ้าของกิจการ ที่มีเรื่องของการบริหารหรือเรื่องจิปาถะเยอะมาก
2. ความเสี่ยงไม่เหมือนกัน + เป็น professional แล้ว คิดเยอะเกินไป เอาง่ายๆ ผมทำงานการเงินฉะนั้นผมจะคุ้นกับคอนเซปที่ว่า ผลตอบแทน กับ ความเสี่ยง มันไปคู่กัน มากไปกว่านั้น ถ้าผมเอาเงินผมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ มีหุ้นหลายตัวที่ผลตอบแทนเกินร้อยละ 30 ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง (ตลาดมันฮ๊อต ผมรู้) ความเสี่ยงผมน้อยกว่า ไม่ต้องทำงานเหนื่อยเอง (แค่ต้องใช้สมอง) มีสภาพคล่อง (liquidity) คืออยากได้เงินก็ขายหุ้นได้ ไม่ต้องเอาไปจมกับธุรกิจ
3. เป็น professional ผลตอบแทนก็เยอะนะ เอาง่ายๆ ถ้าผมเงินเดือน 500,000 (คือเก่งจริง) แสดงว่าผมได้ผลตอบแทนจากการทำงานปีละ 6 ล้านบาท ถ้าผมทำธุรกิจที่อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 15 (ค่อนข้างเยอะนะ) แสดงว่าผมต้องทำธุรกิจที่ยอดขาย 40 ล้านบาท ถามผมว่าผมมีไอเดีย และ ที่สำคัญกว่านั้นคือเงินทุน ที่จะสร้างธุรกิจที่ยอดขาย 40 ล้านบาท หรือไม่ คำตอบคือไม่ครับ 5555
2. ความเสี่ยงไม่เหมือนกัน + เป็น professional แล้ว คิดเยอะเกินไป เอาง่ายๆ ผมทำงานการเงินฉะนั้นผมจะคุ้นกับคอนเซปที่ว่า ผลตอบแทน กับ ความเสี่ยง มันไปคู่กัน มากไปกว่านั้น ถ้าผมเอาเงินผมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ มีหุ้นหลายตัวที่ผลตอบแทนเกินร้อยละ 30 ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง (ตลาดมันฮ๊อต ผมรู้) ความเสี่ยงผมน้อยกว่า ไม่ต้องทำงานเหนื่อยเอง (แค่ต้องใช้สมอง) มีสภาพคล่อง (liquidity) คืออยากได้เงินก็ขายหุ้นได้ ไม่ต้องเอาไปจมกับธุรกิจ
3. เป็น professional ผลตอบแทนก็เยอะนะ เอาง่ายๆ ถ้าผมเงินเดือน 500,000 (คือเก่งจริง) แสดงว่าผมได้ผลตอบแทนจากการทำงานปีละ 6 ล้านบาท ถ้าผมทำธุรกิจที่อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 15 (ค่อนข้างเยอะนะ) แสดงว่าผมต้องทำธุรกิจที่ยอดขาย 40 ล้านบาท ถามผมว่าผมมีไอเดีย และ ที่สำคัญกว่านั้นคือเงินทุน ที่จะสร้างธุรกิจที่ยอดขาย 40 ล้านบาท หรือไม่ คำตอบคือไม่ครับ 5555
ความคิดเห็นที่ 20
เคยได้ยินอาจารย์คนนึงบอกมา
เรื่องค่านิยมคนที่มีต่ออาชีพการงาน
รุ่นปู่ ย่า : อยากเป็นข้าราชการ
รุ่นพ่อแม่ : รัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้า
รุ่นเรา : บ.เอกชนต่างชาติ
เด็กรุ่นปัจจุบัน : SME
ใครจะไปรู้ อีก 10-20 ปี ข้างหน้า คนอาจฮิตกลับไปรับราชการอีกก็ได้
สำหรับตัวเราเอง (ก็คิดว่าตัวเองเก่งพอควรนะ) ยินดีและพอใจกับการทำงาน corporate คือเป็นพนักงานเงินเดือนบริษัทเอกชนแบบนี้
สายงานที่ทำ เงินเดือนเติบโตได้เรื่อยๆ ได้สิทธิ์วันลามากพอควร สามารถไปเที่ยวได้อิสระ หลังเลิกงานก็ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวไป
ระหว่างนี้ก่อนเกษียณ ก็ออมเงิน ซื้อกองทุน เล่นหุ้น ซื้อคอนโดให้เช่า ขายขนมเสาร์อาทิตย์ และซื้อที่ดินต่างจังหวัด ตั้งใจจะทำไร่เล็กๆหลังเกษียณค่ะ
ความสุขและความสำเร็จของคนเราวัดได้ต่างกันค่ะ
เรื่องค่านิยมคนที่มีต่ออาชีพการงาน
รุ่นปู่ ย่า : อยากเป็นข้าราชการ
รุ่นพ่อแม่ : รัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้า
รุ่นเรา : บ.เอกชนต่างชาติ
เด็กรุ่นปัจจุบัน : SME
ใครจะไปรู้ อีก 10-20 ปี ข้างหน้า คนอาจฮิตกลับไปรับราชการอีกก็ได้
สำหรับตัวเราเอง (ก็คิดว่าตัวเองเก่งพอควรนะ) ยินดีและพอใจกับการทำงาน corporate คือเป็นพนักงานเงินเดือนบริษัทเอกชนแบบนี้
สายงานที่ทำ เงินเดือนเติบโตได้เรื่อยๆ ได้สิทธิ์วันลามากพอควร สามารถไปเที่ยวได้อิสระ หลังเลิกงานก็ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวไป
ระหว่างนี้ก่อนเกษียณ ก็ออมเงิน ซื้อกองทุน เล่นหุ้น ซื้อคอนโดให้เช่า ขายขนมเสาร์อาทิตย์ และซื้อที่ดินต่างจังหวัด ตั้งใจจะทำไร่เล็กๆหลังเกษียณค่ะ
ความสุขและความสำเร็จของคนเราวัดได้ต่างกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 6
เจ้านายเราคนนึงล่ะ ที่วางแผนว่าจะออกไปเปิดโรงงานเอง เพราะรู้ทุกอย่างทุกขั้นทุกตอนเกี่ยวกับงานที่ทำจนเรียกได้ว่าดมกลิ่นยังรู้เลย
พอเวลาผ่านไป ความรับผิดชอบมันมากขึ้น เงินเดือนมากขึ้น ภาระทางบ้านมากขึ้นเพราะลูกโตขึ้นทุกวันๆ ก้ำกึ่งว่าถ้าออกมาทำเองทำแล้วเวลาที่ให้ลูกจะหายไปมั๊ย ถ้าไม่รอดแล้วคุณภาพชีวิตจะเปลี่ยนมั๊ย การเรียนลูกกระทบมั๊ย
จนถึงปีสุดท้ายที่แกบอกไว้ว่าถ้าจะออกไปทำ ก็ต้องไปภายในปีนั้น ตัดสินใจอยู่นาน สรุปไม่ไปเพราะได้รับหน้าที่ใหม่ บทบาทใหม่ ตำแหน่งใหม่ จากบริษัท ท้าทาย เงินเดือนสูงลิบ ประมาณว่าเค้ารู้ว่าแกจะไปน่ะนะ เอามาล่อเลย
แกเลยตัดสินใจ เอาวะ เป้นลูกจ้าง แต่ต้องเป็นลูกจ้างมืออาชีพ ไม่ใช่ทำไปวันๆ
ปีหน้า แกจะเกษียณแล้ว พร้อมตำแหน่งสูงสุดเท่าที่สายงานนี้จะสูงได้
พอเวลาผ่านไป ความรับผิดชอบมันมากขึ้น เงินเดือนมากขึ้น ภาระทางบ้านมากขึ้นเพราะลูกโตขึ้นทุกวันๆ ก้ำกึ่งว่าถ้าออกมาทำเองทำแล้วเวลาที่ให้ลูกจะหายไปมั๊ย ถ้าไม่รอดแล้วคุณภาพชีวิตจะเปลี่ยนมั๊ย การเรียนลูกกระทบมั๊ย
จนถึงปีสุดท้ายที่แกบอกไว้ว่าถ้าจะออกไปทำ ก็ต้องไปภายในปีนั้น ตัดสินใจอยู่นาน สรุปไม่ไปเพราะได้รับหน้าที่ใหม่ บทบาทใหม่ ตำแหน่งใหม่ จากบริษัท ท้าทาย เงินเดือนสูงลิบ ประมาณว่าเค้ารู้ว่าแกจะไปน่ะนะ เอามาล่อเลย
แกเลยตัดสินใจ เอาวะ เป้นลูกจ้าง แต่ต้องเป็นลูกจ้างมืออาชีพ ไม่ใช่ทำไปวันๆ
ปีหน้า แกจะเกษียณแล้ว พร้อมตำแหน่งสูงสุดเท่าที่สายงานนี้จะสูงได้
แสดงความคิดเห็น
คนเก่งๆเงินเดือนสูงๆ ทำไมไม่ค่อยออกมาทำธุระกิจส่วนตัวกัน
ยังคิด เฮ้ยเก่ง profile ดีขนาดนี้ ทำไมเขาเหล่านั้นไม่ออกมาทำธุระกิจส่วนตัวกันนะ
ทำไมยังไปเป็นลูกน้องคนอื่น ทำให้คนอื่นรวย ไม่นับพวกที่มาทำงานเอาประสบการณ์นะครับ
เอาพวกที่อยู่นานๆเงินเดือนสูงๆเปลี่ยนบริษัท อัพฐานเงินเดือน อยู่เรื่อยๆ
เขาเหล่านี้กลัวอะไรกันครับ คนเก่ง เงินเดือน สูงๆ