สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
รวบรวมหลักฐานทำไม?
ก็มันเป็นทฤษฎีที่มีอยู่จริง แต่ยังทำภาคปฏิบัติไม่ได้
ทุกวันนี้ หลายๆคนยังเข้าใจผิด คำว่า "มิติเวลา" เป็นอะไรที่ลึกลับเหนือคำบรรยาย
ที่ไหนได้ วงการวิทยาศาสตร์ เขาคิดทฤษฎีต่างๆขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่มันติดปัญหาหลายๆอย่าง ทำให้ไม่สามารถทำขึ้นจริงได้
(เช่น เราหาตำแหน่งในอวกาศ ที่จะเป็นรูหนอนยังไม่พบ, เรายังบิดกาล-อวกาศไม่ได้, หรือต่อให้เปิดประตูมิติได้ ร่างกายมนุษย์ก็ยังผ่านเข้าไปไม่ได้)
มันไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร มันเป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ
นักวิทยาศาสตร์บอกว่า electron 1 อนุภาค สามารถอยู่หลายๆตำแหน่งในเวลาเดียวกันได้
แต่ทำไม คนที่มี sixth sense บอกว่า เขาเห็นวิญญาณคนตาย กลับไม่มีใครเชื่อ --'
มันจะต่างกันตรงไหน???
electron 1 อนุภาค อยู่หลายๆตำแหน่งในจักรวาลได้ ในคราวเดียวกัน
มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ก้อนหินดินทราย ก็ล้วนแต่มี electron เป็นส่วนประกอบย่อยๆ
นั่นก็เท่ากับว่า มนุษย์ ก้อนหิน ดิน ทราย โลก ต้นไม้ ฯลฯ ก็สามารถปรากฏอยู่หลายๆตำแหน่งในจักรวาลได้ในคราวเดียวกัน เช่นกัน!
แล้วมันต่างอะไรกับผี ??? คนเราตายแล้วมีวิญญาณ บางคนไปภพภูมิอื่น แต่วิญญาณของบางคนก็ยังติดอยู่กับพื้นผิวโลก
วิญญาณของคนตาย มันไม่ใช่เรื่องลึกลับหรือพิสูจน์ไม่ได้ เราคิดว่ามนุษย์ทุกคนพิสูจน์เรื่องนี้ได้ เพียงแต่เขาจะทำหรือไม่ทำ เท่านั้นเอง เขาจะให้คนอื่นพิสูจน์แล้วค่อยเอามาบอก แล้วก็เลือกข้างว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือเขาจะพิสูจน์ด้วยตัวเอง?
มันก็เหมือนความฝัน เราไม่ได้เปิดตา ห้องนอนก็ไม่ได้เปิดไฟ แต่ความฝันในหัวของเรา มันสว่างจ้าเลย!! มันเป็นไปได้ยังไง?? มันไม่ได้มีดวงไฟอยู่ในหัวของเรานะ ><
ภาพที่พวกเราเห็นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพความฝันหรือภาพความจริง มันเป็นแค่ข้อมูลจากสมองเท่านั้น มันไม่ใช่ภาพจริงๆ มันเป็นแค่ ข้อมูล เป็นรหัส ที่อยู่ในสมองของเรา แล้วก็ประมวลผล แล้วก็มาบอกเราว่า เรากำลังมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ
แล้วมันต่างอะไรกับผี ???
เรื่องเวลาก็เหมือนกัน
เวลาไม่ใช่สิ่งที่มีหรือไม่มี
อะไรๆในจักรวาล มันมีอยู่พร้อมๆกันหมดแล้ว ถ้าเราไปอยู่ตรงไหน เราก็เรียกตรงนั้นว่าเป็นปัจจุบัน
สมมติให้ร่างกายเราล่องหนได้ เราไปอยู่ตำแหน่งไหนของ ณ เวลาไหน ในจักรวาล เราก็เรียกตำแหน่งนั้นว่า ปัจจุบัน
คือ มันไม่ได้เรียง แต่ไอ่ที่ไปเรียงมัน คือการประมวลผลของสมองของเรา ที่มันประมวลผลออกมาให้มันเรียงๆๆๆกัน
ถ้าเข้าใจจุดนี้ แล้วจะรู้เลยว่า จักรวาลไม่ได้ถือกำเนิดจาก Big Bang
โลกไม่ได้หมุนรอบดวงอาทิตย์ตั้งแต่ต้น
แต่มันเป็นที่มนุษย์ เพราะมนุษย์เรา ไปค้นหามัน มันจึงค่อยๆเกิดเป็นคำตอบขึ้นมาทีหลัง สนอง need ของเรา
องค์ประกอบของจักรวาลจริงๆ ถ้าจะแบ่ง ควรจะแบ่งเป็น สิ่งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม
ตัวรู้ หรือบางเรียก ธาตุรู้
การรับรู้ของเรา คุณเห็นฉัน คุณฟังเพลง ฉันมองเห็นคุณ ฯลฯ
มันเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้!
คุณเศร้า คุณเสียใจ คุณมีความสุข คุณไม่สามารถเอาเครื่องมืออะไรมาวัดปริมาณความเศร้า หรือความสุขของคุณได้ (เว้นเสียแต่จะสังเกตจากอาการภายนอก เช่น เห็นคุณกำลังนั่งร้องไห้ น้ำตาไหล)
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง! แต่จับต้องไม่ได้ การรับรู้ ความรู้สึก สุข ทุกข์ เศร้า มองเห็น ได้กลิ่น ได้ยินเสียง
เขาเรียกว่า "ตัวรู้" มันมีอยู่จริง แต่มันจับต้องไม่ได้
จักรวาลของเรา มันกระพริบนะ มันกระพริบอยู่ระหว่าง "มี" กับ "ไม่มี"
ตอนมันมี มันมีสสาร ดวงดาวต่างๆ ตอนมันไม่มี มันก็ไม่มี
จริงๆแล้ว "มี" กับ "ไม่มี" มันคืออันเดียวกัน
ถ้า "ไม่มี" เกิดขึ้น มันถึงจะมี "มี"
ถ้าไม่มี "มี" มันก็จะไม่มี "ไม่มี"
งงไหม???
ถ้าจักรวาลมีแต่แสงสว่าง มันก็จะเท่ากับไม่มีแสงสว่าง
แต่ถ้าจักรวาลมีความมืด มันถึงจะมีแสงสว่าง!
พวกเราเป็นตัวรู้ เป็นธาตุรู้มาก่อน ก่อนจะมี แสงสว่าง หรือไม่มีแสงสว่าง
มันมีตัวรู้มาก่อน แต่ตัวรู้ไม่มีความเข้าใจ ไม่มี knowledge ไม่มีปัญญา
เขาเลยต้องหาความหมาย สร้างขั้วตรงข้าม เพื่อเรียนรู้ความหมาย
การมี การไม่มี
ว่างเปล่า ไม่ว่างเปล่า
มีแสง และไม่มีแสง
คนดี คนเลว
สีขาว สีดำ
ความรัก ความแค้น
ความสุข ความทุกข์
สิ่งตรงกันข้าม มันกำลังกระพริบนะ มันกระพริบๆ
เราจึงหา ปฏิสสารไม่เจอ เพราะถ้าเมื่อไหร่เราหาเจอ นั่นก็คือ ทุกๆอย่างจะ "ไม่มี" และหมดความหมายไป จบสิ้นประวัติศาสตร์ของสรรพสิ่ง
ก็มันเป็นทฤษฎีที่มีอยู่จริง แต่ยังทำภาคปฏิบัติไม่ได้
ทุกวันนี้ หลายๆคนยังเข้าใจผิด คำว่า "มิติเวลา" เป็นอะไรที่ลึกลับเหนือคำบรรยาย
ที่ไหนได้ วงการวิทยาศาสตร์ เขาคิดทฤษฎีต่างๆขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่มันติดปัญหาหลายๆอย่าง ทำให้ไม่สามารถทำขึ้นจริงได้
(เช่น เราหาตำแหน่งในอวกาศ ที่จะเป็นรูหนอนยังไม่พบ, เรายังบิดกาล-อวกาศไม่ได้, หรือต่อให้เปิดประตูมิติได้ ร่างกายมนุษย์ก็ยังผ่านเข้าไปไม่ได้)
มันไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร มันเป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ
นักวิทยาศาสตร์บอกว่า electron 1 อนุภาค สามารถอยู่หลายๆตำแหน่งในเวลาเดียวกันได้
แต่ทำไม คนที่มี sixth sense บอกว่า เขาเห็นวิญญาณคนตาย กลับไม่มีใครเชื่อ --'
มันจะต่างกันตรงไหน???
electron 1 อนุภาค อยู่หลายๆตำแหน่งในจักรวาลได้ ในคราวเดียวกัน
มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ก้อนหินดินทราย ก็ล้วนแต่มี electron เป็นส่วนประกอบย่อยๆ
นั่นก็เท่ากับว่า มนุษย์ ก้อนหิน ดิน ทราย โลก ต้นไม้ ฯลฯ ก็สามารถปรากฏอยู่หลายๆตำแหน่งในจักรวาลได้ในคราวเดียวกัน เช่นกัน!
แล้วมันต่างอะไรกับผี ??? คนเราตายแล้วมีวิญญาณ บางคนไปภพภูมิอื่น แต่วิญญาณของบางคนก็ยังติดอยู่กับพื้นผิวโลก
วิญญาณของคนตาย มันไม่ใช่เรื่องลึกลับหรือพิสูจน์ไม่ได้ เราคิดว่ามนุษย์ทุกคนพิสูจน์เรื่องนี้ได้ เพียงแต่เขาจะทำหรือไม่ทำ เท่านั้นเอง เขาจะให้คนอื่นพิสูจน์แล้วค่อยเอามาบอก แล้วก็เลือกข้างว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือเขาจะพิสูจน์ด้วยตัวเอง?
มันก็เหมือนความฝัน เราไม่ได้เปิดตา ห้องนอนก็ไม่ได้เปิดไฟ แต่ความฝันในหัวของเรา มันสว่างจ้าเลย!! มันเป็นไปได้ยังไง?? มันไม่ได้มีดวงไฟอยู่ในหัวของเรานะ ><
ภาพที่พวกเราเห็นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพความฝันหรือภาพความจริง มันเป็นแค่ข้อมูลจากสมองเท่านั้น มันไม่ใช่ภาพจริงๆ มันเป็นแค่ ข้อมูล เป็นรหัส ที่อยู่ในสมองของเรา แล้วก็ประมวลผล แล้วก็มาบอกเราว่า เรากำลังมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ
แล้วมันต่างอะไรกับผี ???
เรื่องเวลาก็เหมือนกัน
เวลาไม่ใช่สิ่งที่มีหรือไม่มี
อะไรๆในจักรวาล มันมีอยู่พร้อมๆกันหมดแล้ว ถ้าเราไปอยู่ตรงไหน เราก็เรียกตรงนั้นว่าเป็นปัจจุบัน
สมมติให้ร่างกายเราล่องหนได้ เราไปอยู่ตำแหน่งไหนของ ณ เวลาไหน ในจักรวาล เราก็เรียกตำแหน่งนั้นว่า ปัจจุบัน
คือ มันไม่ได้เรียง แต่ไอ่ที่ไปเรียงมัน คือการประมวลผลของสมองของเรา ที่มันประมวลผลออกมาให้มันเรียงๆๆๆกัน
ถ้าเข้าใจจุดนี้ แล้วจะรู้เลยว่า จักรวาลไม่ได้ถือกำเนิดจาก Big Bang
โลกไม่ได้หมุนรอบดวงอาทิตย์ตั้งแต่ต้น
แต่มันเป็นที่มนุษย์ เพราะมนุษย์เรา ไปค้นหามัน มันจึงค่อยๆเกิดเป็นคำตอบขึ้นมาทีหลัง สนอง need ของเรา
องค์ประกอบของจักรวาลจริงๆ ถ้าจะแบ่ง ควรจะแบ่งเป็น สิ่งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม
ตัวรู้ หรือบางเรียก ธาตุรู้
การรับรู้ของเรา คุณเห็นฉัน คุณฟังเพลง ฉันมองเห็นคุณ ฯลฯ
มันเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้!
คุณเศร้า คุณเสียใจ คุณมีความสุข คุณไม่สามารถเอาเครื่องมืออะไรมาวัดปริมาณความเศร้า หรือความสุขของคุณได้ (เว้นเสียแต่จะสังเกตจากอาการภายนอก เช่น เห็นคุณกำลังนั่งร้องไห้ น้ำตาไหล)
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง! แต่จับต้องไม่ได้ การรับรู้ ความรู้สึก สุข ทุกข์ เศร้า มองเห็น ได้กลิ่น ได้ยินเสียง
เขาเรียกว่า "ตัวรู้" มันมีอยู่จริง แต่มันจับต้องไม่ได้
จักรวาลของเรา มันกระพริบนะ มันกระพริบอยู่ระหว่าง "มี" กับ "ไม่มี"
ตอนมันมี มันมีสสาร ดวงดาวต่างๆ ตอนมันไม่มี มันก็ไม่มี
จริงๆแล้ว "มี" กับ "ไม่มี" มันคืออันเดียวกัน
ถ้า "ไม่มี" เกิดขึ้น มันถึงจะมี "มี"
ถ้าไม่มี "มี" มันก็จะไม่มี "ไม่มี"
งงไหม???
ถ้าจักรวาลมีแต่แสงสว่าง มันก็จะเท่ากับไม่มีแสงสว่าง
แต่ถ้าจักรวาลมีความมืด มันถึงจะมีแสงสว่าง!
พวกเราเป็นตัวรู้ เป็นธาตุรู้มาก่อน ก่อนจะมี แสงสว่าง หรือไม่มีแสงสว่าง
มันมีตัวรู้มาก่อน แต่ตัวรู้ไม่มีความเข้าใจ ไม่มี knowledge ไม่มีปัญญา
เขาเลยต้องหาความหมาย สร้างขั้วตรงข้าม เพื่อเรียนรู้ความหมาย
การมี การไม่มี
ว่างเปล่า ไม่ว่างเปล่า
มีแสง และไม่มีแสง
คนดี คนเลว
สีขาว สีดำ
ความรัก ความแค้น
ความสุข ความทุกข์
สิ่งตรงกันข้าม มันกำลังกระพริบนะ มันกระพริบๆ
เราจึงหา ปฏิสสารไม่เจอ เพราะถ้าเมื่อไหร่เราหาเจอ นั่นก็คือ ทุกๆอย่างจะ "ไม่มี" และหมดความหมายไป จบสิ้นประวัติศาสตร์ของสรรพสิ่ง
แสดงความคิดเห็น
มิติเวลา มีจริงหรือปล่าว??
แบบโลกคู่ขนานอะไรแบบนี้ หากเราไปอย่ในที่ๆมิติเวลาบิดเบี้ยวเราก็ย้อนอดีตหรือข้ามไปอนาคตได้ ขอกูรูมาอธิบาย มารวบรวมหลักฐาน ทฤษฎีกันหน่อย