หลังจากเมื่อวานล่องใต้ไปดูน้ำ อ.พหรมบุรี วันนี้ลองขึ้นเหนือไปอินทร์บุรีดูบ้าง 3อำเภอขาประจำของสิงห์บุรี ที่น้องน้ำมาเยี่ยมเยียนแทบจะทุกปี ก็คือ อ.เมือง อ.พรหมบุรี และอ.อินทร์บุรีนี่แหล่ะ วันก่อนไปบางโฉมศรีก็อินทร์บุรีเหมือนกันแต่คนละฝั่งกับที่จะไปวันนี้ ออกจากบ้านเวลาเดิม สี่โมงกว่าๆ ปั่นออกสายบายพาส เส้นนี้มีทางจักรยานด้วย วันนี้อากาศดีฝนไม่ตก ทางจักรยานของเมืองสิงห์มีอยู่เส้นเดียว ระยะทางแค่ 2 กม. เส้นทางเริ่มชำรุดน่าจะเป็นเพราะรถบรรทุกใหญ่ๆ นึกว่าตัวเองเป็นจักรยานแอบลงมาวิ่ง น่าเสียดายมีสายเดียวทั้งจังหวัด ใกล้จะกลับบ้านเก่าเสียแล้ว ทางสายนี้เป็นแหล่งรวมสิงห์นักปั่นเมืองสิงห์ทั้งแบบทีม แบบฉายเดี่ยว แบบมาคู่ ตอนหัดปั่นใหม่ๆผมก็มาที่นี่ ไปกลับ 4 รอบ 8 กม. พอได้เหงื่อก็กลับ เส้นทางสวย วิวทุ่งนากว้าง รถราไม่มาก แต่ระยะหลัง มีคนมักง่ายเอาขยะมาทิ้งริมๆทาง ทั่งเศษวัสดุก่อสร้าง เศษอาหารจากโต๊ะจีน แม้กระทั่งมูลวัว ควาย จากโรงฆ่าสัตว์ก็มี เป็นที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก ระยะหลังๆเลยเลี่ยงที่จะมาปั่นที่นี่ ปั่นเลยมาถึงแยกดงมะขามเทศ เลี้ยวขวา ผ่านตลาดนัดคลองถม เลี้ยวซ้ายที่แยกหลักเมือง มุ่งตรงไปอินทร์บุรี
ปั่นมาเรื่อยๆผ่านวัดประโชติการาม วัดนี้มีพระพุทธรูปโบราณอายุหลายร้อยปี หลวงพ่อทรัพย์ หลวงพ่อสิน เป็นพระพุทธรูปยืน สมัยอยุธยา ตอนปี 54 เกิดทรุดเนื่องจากน้ำท่วมนานเกือบจะล้มลง ชาวบ้านและ จนท.ช่วยกันค้ำยันไว้ได้ ตอนนี้ได้งบมาปรับปรุง แข็งแรง มั่นคงดีแล้ว วัดนี้เป็นหนึ่งในสถานที่จัดทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ของ ขสมก. วันเสาร์-อาทิตย์เห็นรถปรับอากาศของ ขสมก. วิ่งพานักท่องเที่ยวมาเป็นประจำ เลยมาหน่อยถึงวัดกระดังงา วัดนี้มีความแปลกตรงที่เอาโบสถ์มาตั้งบนศาลา แบบทูอินวัน ประหยัดพื้นที่ น่าจะประหยัดค่าก่อสร้างด้วย ตอนสร้างเสร็จใหม่ๆมีเรื่องเล่ากันว่า ทางวัดจัดให้มีลิเกฉลอง ไอ้ตัวตลก ปากเสีย ดันร้องลิเกท่อนหนึ่งว่า เกิดมาเจ็ดชั่วโคตร ไม่เคยเห็นโบสถ์อยู่บนศาลา กรรมการวัดโมโหมาก ไล่ตัวตลกคนนั้นออกจากวัดแทบไม่ทัน ระหว่างทางเห็นป้ายสมัคร อบต. เทศบาลเต็มไปหมด ที่ตลกก็คือมีนายหนึ่งโดน กกต.ตัดสิทธิ์ตอนสมัครนายก อบต. เพราะใช้วุฒิปลอม แต่คราวนี้ยังสามารถลงสมัครเป็นสมาชิก อบต.ได้อีก กกต.ว่าไงครับ
พอเริ่มเข้าเขต อ.อินทร์บุรี สภาวะน้ำท่วมเริ่มปรากฏชัดขึ้น มีการสูบน้ำเป็นระยะๆ ปั่นเลยไปจนถึง ต.ทับยา มองตามใต้ถุนบ้านเรือนต่างๆ เริ่มมีน้ำขัง ชาวบ้านเริ่มเอารถมาจอดบนถนนกันบ้างแล้ว เลยมาถึงบางพระนอน ตรงทางโค้ง น้ำท่วมเต็มรูปแบบแล้ว ปั่นผ่านไปถึง รพ.อินทร์บุรี รพ.นี้นับเป็น รพ.กระดูกเหล็กเป็น รพ.เดียวของสิงห์บุรีที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาเลย แม้จะเป็น รพ.ประจำอำเภอแต่ก็เป็น รพ.ทั่วไป มีแพทย์ พยาบาลและบุคลากรที่มีความสามารถหลายร้อยคน ที่ว่าเป็นรพ.กระดูกเหล็กก็เพราะสามารถต่อสู้กับน้องน้ำได้อย่างทรหด ถึงลูกถึงคน ถึงพริกถึงขิงและได้รับชัยชนะทุกที หลายปีติดต่อกัน รพ.เป็นเกาะกลางน้ำ เพราะมีคันกั้นน้ำล้อมรอบไว้ทุกทิศทาง ที่อื่นท่วมหมดเหลือแต่ที่ รพ.นี้เท่านั้น ปี 54 นับเป็นปีที่เฉียดฉิวที่สุด น้ำท่วมนานมากราวๆ2เดือน จนท.ทั้งของ รพ.เอง ทั้งทหารที่มาช่วยต่างอ่อนล้า ต้องอพยพคนไข้ทั้งหมดออกจาก รพ. เนื่องจากขาดแคลนยา อุปกรณ์การแพทย์ อ็อกซิเจนก็ไม่มีเพราะรถเข้าไม่ได้ ขาดแม้กระทั่งทรายที่จะเอามากรอกกระสอบสู้กับน้ำ เพราะขนส่งเข้าไปไม่ได้ ผมเคยไปช่วยกรอกทรายกับ จนท.รพ. น่ารักมากครับ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อ้อนแอ้น บอบบาง แต่ก็สู้ยิบตา หลังจากสู้จนเกือบจะถึงทรายกระสอบสุดท้าย ทุกคนต่างสิ้นหวัง แต่แล้วเหมือนเทวดาจะเห้นใจ ประตูน้ำบางโฉมศรีพัง ทำให้น้ำลดลงอย่างรวดเร็ว รพ.อินทร์บุรีจึงรอดมาได้อีกครั้ง
ผ่านจาก รพ.อินทร์บุรีก็มาถึง รร.อินทร์บุรี รร.ใต้น้ำ ท่วมทีไรมิดทุกที ปีนี้ไม่รู้ว่าจะรอดไหม เลยมาจนถึงสี่แยกไฟแดงเลี้ยวขวาข้ามสะพานแมน้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำยังต่ำกว่าเขื่อนสัก2เมตรเห็นจะได้ ตลาดอินทร์บุรีจมน้ำทุกปีเหมือนกัน มีอยู่ปีหนึ่งซวยจัด น้ำก็ท่วมหนำซ้ำไฟยังไหม้อีก แต่ปีนี้ไม่น่าจะท่วม ผมเลี้ยวขวาขี่เลาะริมน้ำกลับบ้านเส้นทางเดียวกับที่ไปบางโฉมศรีใช้เวลา 2 ชม.เศษ ระยะทางรวม 40 กม. เฉลี่ย 17.7 แม็กซ์ 27 เผาไป 460 คาลอรี่
ปั่นไปดูน้ำที่ อินทร์บุรี ยามเย็นๆ
ปั่นมาเรื่อยๆผ่านวัดประโชติการาม วัดนี้มีพระพุทธรูปโบราณอายุหลายร้อยปี หลวงพ่อทรัพย์ หลวงพ่อสิน เป็นพระพุทธรูปยืน สมัยอยุธยา ตอนปี 54 เกิดทรุดเนื่องจากน้ำท่วมนานเกือบจะล้มลง ชาวบ้านและ จนท.ช่วยกันค้ำยันไว้ได้ ตอนนี้ได้งบมาปรับปรุง แข็งแรง มั่นคงดีแล้ว วัดนี้เป็นหนึ่งในสถานที่จัดทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ของ ขสมก. วันเสาร์-อาทิตย์เห็นรถปรับอากาศของ ขสมก. วิ่งพานักท่องเที่ยวมาเป็นประจำ เลยมาหน่อยถึงวัดกระดังงา วัดนี้มีความแปลกตรงที่เอาโบสถ์มาตั้งบนศาลา แบบทูอินวัน ประหยัดพื้นที่ น่าจะประหยัดค่าก่อสร้างด้วย ตอนสร้างเสร็จใหม่ๆมีเรื่องเล่ากันว่า ทางวัดจัดให้มีลิเกฉลอง ไอ้ตัวตลก ปากเสีย ดันร้องลิเกท่อนหนึ่งว่า เกิดมาเจ็ดชั่วโคตร ไม่เคยเห็นโบสถ์อยู่บนศาลา กรรมการวัดโมโหมาก ไล่ตัวตลกคนนั้นออกจากวัดแทบไม่ทัน ระหว่างทางเห็นป้ายสมัคร อบต. เทศบาลเต็มไปหมด ที่ตลกก็คือมีนายหนึ่งโดน กกต.ตัดสิทธิ์ตอนสมัครนายก อบต. เพราะใช้วุฒิปลอม แต่คราวนี้ยังสามารถลงสมัครเป็นสมาชิก อบต.ได้อีก กกต.ว่าไงครับ
พอเริ่มเข้าเขต อ.อินทร์บุรี สภาวะน้ำท่วมเริ่มปรากฏชัดขึ้น มีการสูบน้ำเป็นระยะๆ ปั่นเลยไปจนถึง ต.ทับยา มองตามใต้ถุนบ้านเรือนต่างๆ เริ่มมีน้ำขัง ชาวบ้านเริ่มเอารถมาจอดบนถนนกันบ้างแล้ว เลยมาถึงบางพระนอน ตรงทางโค้ง น้ำท่วมเต็มรูปแบบแล้ว ปั่นผ่านไปถึง รพ.อินทร์บุรี รพ.นี้นับเป็น รพ.กระดูกเหล็กเป็น รพ.เดียวของสิงห์บุรีที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาเลย แม้จะเป็น รพ.ประจำอำเภอแต่ก็เป็น รพ.ทั่วไป มีแพทย์ พยาบาลและบุคลากรที่มีความสามารถหลายร้อยคน ที่ว่าเป็นรพ.กระดูกเหล็กก็เพราะสามารถต่อสู้กับน้องน้ำได้อย่างทรหด ถึงลูกถึงคน ถึงพริกถึงขิงและได้รับชัยชนะทุกที หลายปีติดต่อกัน รพ.เป็นเกาะกลางน้ำ เพราะมีคันกั้นน้ำล้อมรอบไว้ทุกทิศทาง ที่อื่นท่วมหมดเหลือแต่ที่ รพ.นี้เท่านั้น ปี 54 นับเป็นปีที่เฉียดฉิวที่สุด น้ำท่วมนานมากราวๆ2เดือน จนท.ทั้งของ รพ.เอง ทั้งทหารที่มาช่วยต่างอ่อนล้า ต้องอพยพคนไข้ทั้งหมดออกจาก รพ. เนื่องจากขาดแคลนยา อุปกรณ์การแพทย์ อ็อกซิเจนก็ไม่มีเพราะรถเข้าไม่ได้ ขาดแม้กระทั่งทรายที่จะเอามากรอกกระสอบสู้กับน้ำ เพราะขนส่งเข้าไปไม่ได้ ผมเคยไปช่วยกรอกทรายกับ จนท.รพ. น่ารักมากครับ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อ้อนแอ้น บอบบาง แต่ก็สู้ยิบตา หลังจากสู้จนเกือบจะถึงทรายกระสอบสุดท้าย ทุกคนต่างสิ้นหวัง แต่แล้วเหมือนเทวดาจะเห้นใจ ประตูน้ำบางโฉมศรีพัง ทำให้น้ำลดลงอย่างรวดเร็ว รพ.อินทร์บุรีจึงรอดมาได้อีกครั้ง
ผ่านจาก รพ.อินทร์บุรีก็มาถึง รร.อินทร์บุรี รร.ใต้น้ำ ท่วมทีไรมิดทุกที ปีนี้ไม่รู้ว่าจะรอดไหม เลยมาจนถึงสี่แยกไฟแดงเลี้ยวขวาข้ามสะพานแมน้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำยังต่ำกว่าเขื่อนสัก2เมตรเห็นจะได้ ตลาดอินทร์บุรีจมน้ำทุกปีเหมือนกัน มีอยู่ปีหนึ่งซวยจัด น้ำก็ท่วมหนำซ้ำไฟยังไหม้อีก แต่ปีนี้ไม่น่าจะท่วม ผมเลี้ยวขวาขี่เลาะริมน้ำกลับบ้านเส้นทางเดียวกับที่ไปบางโฉมศรีใช้เวลา 2 ชม.เศษ ระยะทางรวม 40 กม. เฉลี่ย 17.7 แม็กซ์ 27 เผาไป 460 คาลอรี่