1. ขอพูดแบบขวานผ่าซากเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังไฟลท์บังคับสำหรับใครก็ตามที่ถือตัวว่าเป็นแฟนเพลง Joy Division ใครไม่เคยดูถือว่ายังไม่ใช่แฟนตัวจริง / จบ.
2. ส่วนตัวแล้วยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวประวัตินักดนตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยดูมา(โดยกรณีนี้ขอละ Amadeus ไว้ในฐานที่เข้าใจ) เพราะมันเป็นหนังที่หาสมดุลระหว่างการนำเสนอภาพจำที่ผู้คนมีต่อตัวนักดนตรี(ในที่นี้คือความเป็นร็อคสตาร์ของ Ian Curtis นักร้องนำวง Joy Division) และชีวิตส่วนตัวของนักดนตรีที่เป็น subject หลักของหนัง(ในที่นี้คือชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวและอาการป่วยด้วยโรคลมชักของ Curtis สองสิ่งว่ากันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ Curtis ตัดสินใจปลิดชีวิตตนเองด้วยการแขวนคอตายตอนปีค.ศ. 1980) ได้อย่างสมจริงและไม่มีการใส่สีตีไข่
เพราะแม้แต่ในหนังชีวประวัตินักดนตรีชั้นดีอย่าง Ray, Walk the Line มันก็ยังมีบางช่วงที่เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามบิวท์อารมณ์คนดูด้วยการใส่ดราม่านู่นนี่เข้ามา แต่ Control นี่ดูยังไงก็ไม่รู้สึกเลยว่ามีช่วงไหนที่กำลังบิวท์ กลับกันหลายๆช่วงของหนังยังให้อารมณ์เหมือนเป็นหนังสารคดีตามติดชีวิต Ian Curtis เลยด้วยซ้ำ(โดยเฉพาะในฉากจบของหนังที่ทั้งหลอกหลอนและทรงพลัง)
3. นี่เป็นผลงานกำกับหนังยาวเรื่องแรกของ Anton Corbijn ผู้กำกับมิวสิควิดีโอรุ่นลายครามผู้เคยกำกับมิวสิควิดีโอให้กับวงร็อคดังๆอย่าง Depeche Mode, U2, Nirvana, Coldplay และล่าสุดกับ Arcade Fire (MV เพลง Reflektor นั่นไง)
การที่ผกก. Corbijn เลือกที่จะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นหนังขาวดำนั้นถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ฉลาดล้ำลึกเพราะคงไม่มีโทนสีไหนในโลกนี้ที่จะนำเสนอชีวิตของ Ian Curtis และดนตรีของ Joy Division ได้สมบูรณ์แบบเท่าโทนสีขาวดำอีกแล้ว
4. หน้าตา,น้ำเสียง,และท่าเต้นของ Sam Riley นักแสดงหนุ่มผู้รับบทเป็น Curtis มันช่างเป๊ะจนแฟน Joy Division อย่างผมเห็นแล้วยังขนลุก
8.0/10
เข้าไปคุยกันต่อที่เพจของผมได้เลยนะครับ
>>>
https://www.facebook.com/appleoneoone
ตัวอย่างหนัง
[CR] Control (2007) รีวิวหนังชีวประวัติ Ian Curtis นักร้องนำวง Joy Division/หนึ่งในหนังชีวประวัตินักดนตรีที่ดีที่สุดตลอดกาล
1. ขอพูดแบบขวานผ่าซากเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังไฟลท์บังคับสำหรับใครก็ตามที่ถือตัวว่าเป็นแฟนเพลง Joy Division ใครไม่เคยดูถือว่ายังไม่ใช่แฟนตัวจริง / จบ.
2. ส่วนตัวแล้วยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวประวัตินักดนตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยดูมา(โดยกรณีนี้ขอละ Amadeus ไว้ในฐานที่เข้าใจ) เพราะมันเป็นหนังที่หาสมดุลระหว่างการนำเสนอภาพจำที่ผู้คนมีต่อตัวนักดนตรี(ในที่นี้คือความเป็นร็อคสตาร์ของ Ian Curtis นักร้องนำวง Joy Division) และชีวิตส่วนตัวของนักดนตรีที่เป็น subject หลักของหนัง(ในที่นี้คือชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวและอาการป่วยด้วยโรคลมชักของ Curtis สองสิ่งว่ากันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ Curtis ตัดสินใจปลิดชีวิตตนเองด้วยการแขวนคอตายตอนปีค.ศ. 1980) ได้อย่างสมจริงและไม่มีการใส่สีตีไข่
เพราะแม้แต่ในหนังชีวประวัตินักดนตรีชั้นดีอย่าง Ray, Walk the Line มันก็ยังมีบางช่วงที่เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามบิวท์อารมณ์คนดูด้วยการใส่ดราม่านู่นนี่เข้ามา แต่ Control นี่ดูยังไงก็ไม่รู้สึกเลยว่ามีช่วงไหนที่กำลังบิวท์ กลับกันหลายๆช่วงของหนังยังให้อารมณ์เหมือนเป็นหนังสารคดีตามติดชีวิต Ian Curtis เลยด้วยซ้ำ(โดยเฉพาะในฉากจบของหนังที่ทั้งหลอกหลอนและทรงพลัง)
3. นี่เป็นผลงานกำกับหนังยาวเรื่องแรกของ Anton Corbijn ผู้กำกับมิวสิควิดีโอรุ่นลายครามผู้เคยกำกับมิวสิควิดีโอให้กับวงร็อคดังๆอย่าง Depeche Mode, U2, Nirvana, Coldplay และล่าสุดกับ Arcade Fire (MV เพลง Reflektor นั่นไง)
การที่ผกก. Corbijn เลือกที่จะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นหนังขาวดำนั้นถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ฉลาดล้ำลึกเพราะคงไม่มีโทนสีไหนในโลกนี้ที่จะนำเสนอชีวิตของ Ian Curtis และดนตรีของ Joy Division ได้สมบูรณ์แบบเท่าโทนสีขาวดำอีกแล้ว
4. หน้าตา,น้ำเสียง,และท่าเต้นของ Sam Riley นักแสดงหนุ่มผู้รับบทเป็น Curtis มันช่างเป๊ะจนแฟน Joy Division อย่างผมเห็นแล้วยังขนลุก
8.0/10
เข้าไปคุยกันต่อที่เพจของผมได้เลยนะครับ >>> https://www.facebook.com/appleoneoone
ตัวอย่างหนัง