ช่วงนี้บริษัทของเรากำลังอยู่ในเทศกาลรับสมัครงาน
และกำลังคัดใบสมัครกันอย่างเข้มข้น มีทั้งผู้ที่มาสมัครด้วยตัวเองที่บริษัท และส่ง email มา
วันนี้คัดใบสมัครทาง"อีเมล์"จนลายตา และได้เห็นจดหมายหลายรูปแบบ มีทั้งแบบน่าสนใจอยากนัดมาสัมภาษณ์ และแบบที่เห็นแล้ว ถ้าเป็นกระดาษคงจะขว้างทิ้งเลยทีเดียว
จึงอยากจะนำรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่ควรมองข้าม "สำหรับการส่งจดหมายสมัครงานทางอีเมล์" มาเล่าสู่ผู้ที่กำลังหางานทำ โดยจะยกตัวอย่างแบบที่ไม่ควรทำ และแบบที่น่าเป็นแบบอย่าง จะได้ไม่ตกหล่นและถูกมองข้ามจาก HR นะคะ
ใครช่ำชองแล้วอาจจะผ่านกระทู้นี้ไป หรือถ้ามีความเห็นเพิ่มเติม ก็เข้ามาเสนอได้ค่ะ
แบบที่ 1 ไม่ควรทำ
1. ให้ดูภาพรวมของ Inbox ในเมล์ HR นะคะ ผู้สมัครคนนี้ มองผ่านๆนึกว่า Spam บางแห่งเขาไม่คลิ๊กดูข้างในด้วยซ้ำนะคะ เอาลงถังขยะอย่างเดียว
อยากให้มองภาพว่า ถ้าคุณเป็น HR วันๆต้องรับเรื่องหลายเรื่อง คุณก็ต้องเลือกทำเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน และเลือกทำสิ่งที่เป็นเนื้องานจริงๆก่อน ถ้าส่งมาแบบนี้ อาจถูกมองข้ามได้ค่ะ
ข้อแนะนำ : อีเมล์ที่ใช้สมัครงานจะเป็นเมล์อะไรก็ได้ค่ะ เพียงแต่อยากแนะนำว่า ให้เปลี่ยนชื่อเป็น ชื่อจริง-นามสกุลจริง ของเราดีกว่าค่ะ ได้งานทำแล้ว อยากเปลี่ยนเป็นอะไรก็ไม่มีใครว่า
2.ไม่มีหัวเรื่อง ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ไม่มีอะไรดึงดูดให้อยากดูเนื้อหาด้านล่าง
ข้อแนะนำ : ให้ใส่หัวเรื่องเช่น "สมัครงาน ตำแหน่ง................" เท่านี้พอค่ะ หัวเรื่องสั้นๆ กระชับก็พอ
3. ชื่อนั้นสำคัญไฉน อย่างที่บอกข้อ1 ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง มันสื่อถึงความมีคุณวุฒิ และวัยวุฒิด้วยค่ะ
4.เคสนี้ เพียงแค่อยากถามถึงตำแหน่งว่าง อันที่จริงถามมา เราก็ตอบให้ได้ค่ะ แต่คำถามกำกวมเหลือเกิน ไม่รู้ว่าสนใจตำแหน่งไหน
ข้อแนะนำ : ก่อนสมัครงานศึกษาองค์กรก่อนค่ะ ว่าเขาทำธุรกิจประเภทอะไร แล้วเราจะพอเดาตำแหน่งงานออกเอง แต่ถ้าเขามีประกาศรับสมัครงานอยู่แล้ว ก็ง่ายหน่อย ก็สมัครไปตามตำแหน่งที่ว่าง
แทนที่จะส่งเมล์เปล่าๆมาถาม เราว่าส่งเอกสารประกอบการพิจารณามาพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ ถ้าตำแหน่งว่าง เขาก็อาจเรียกสัมภาษณ์ ถ้าไม่ว่าง ส่งมาก็ไม่เสียหาย วันดีคืนดี เขาอาจเรียกเราก็ได้ค่ะ
รูปภาพพยายามเซนเซอร์แล้วนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะประนามใคร เพียงแต่อยากยกตัวอย่างมาให้ดูกัน
แบบที่ 2 ตัวอย่างจดหมายที่ดี
1. เห็นไหมคะ สั้นๆ ง่ายๆ แต่ชัดเจน ไม่ลายตา
2. ใส่แต่รายละเอียดที่เป็นเนื้อๆก็พอนะคะ ไม่ต้องใส่น้ำ น้ำไปใส่ในเนื้อหาค่ะ
3. ชื่อจริง-นามสกุลจริง ค้นหาได้ง่ายด้วยค่ะ
4. Present ตัวเองได้เบื้องต้น ทำให้น่าสนใจขึ้นมานิดนึง
5. เอกสารประกอบการสมัครงาน สำคัญมากค่ะ สมัครแบบไปกรอกใบสมัครด้วยตนเองมีอะไรบ้าง การสมัครทาง email ก็ควรมีเหมือนๆกันค่ะ
ข้อนี้ แนะนำนิดนึง เป็นความเห็นส่วนตัว สิ่งที่ไม่ควรขาดคือ เรซูเม่ภาษาไทย เพราะเราสามารถใส่รายละเอียดแบบทุกกระเบียดนิ้วได้เลยค่ะ นำเสนอจุดขายของเราได้เต็มที่ จดหมายใครมีเรซูเม่ จะมีภาษีดีกว่าคนที่ไม่มีนะคะ และที่บอกว่าเป็นเรซูเม่ภาษาไทย เพราะยังไงคนไทยก็ชอบอ่านภาษาไทย(เว้นแต่บริษัทที่มีนายเป็นต่างชาติ) คุณสามารถแสดงทักษะด้านภาษาโดยการส่งเรซูเม่ภาษาอังกฤษได้ แต่ควรทำแบบภาษาไทยมาด้วย ไม่ใช่เราอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก แปลไม่เป็นนะคะ แต่ถ้ามีแบบภาษาไทย ก็เลือกอ่านภาษาไทยค่ะ คัดใบสมัครมากๆ สมองล้า ก็ขี้เกียจมานั่งแปลค่ะ อันนี้บอกตรงๆ
หวังว่าน้องๆมือใหม่หัดขับ จะได้ประโยชน์กันบ้างนะคะ
เกล็ดเล็กน้อยสำหรับน้องๆที่เรียนจบใหม่ กำลังโปรยจดหมายสมัครงาน
และกำลังคัดใบสมัครกันอย่างเข้มข้น มีทั้งผู้ที่มาสมัครด้วยตัวเองที่บริษัท และส่ง email มา
วันนี้คัดใบสมัครทาง"อีเมล์"จนลายตา และได้เห็นจดหมายหลายรูปแบบ มีทั้งแบบน่าสนใจอยากนัดมาสัมภาษณ์ และแบบที่เห็นแล้ว ถ้าเป็นกระดาษคงจะขว้างทิ้งเลยทีเดียว
จึงอยากจะนำรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่ควรมองข้าม "สำหรับการส่งจดหมายสมัครงานทางอีเมล์" มาเล่าสู่ผู้ที่กำลังหางานทำ โดยจะยกตัวอย่างแบบที่ไม่ควรทำ และแบบที่น่าเป็นแบบอย่าง จะได้ไม่ตกหล่นและถูกมองข้ามจาก HR นะคะ
ใครช่ำชองแล้วอาจจะผ่านกระทู้นี้ไป หรือถ้ามีความเห็นเพิ่มเติม ก็เข้ามาเสนอได้ค่ะ
แบบที่ 1 ไม่ควรทำ
1. ให้ดูภาพรวมของ Inbox ในเมล์ HR นะคะ ผู้สมัครคนนี้ มองผ่านๆนึกว่า Spam บางแห่งเขาไม่คลิ๊กดูข้างในด้วยซ้ำนะคะ เอาลงถังขยะอย่างเดียว
อยากให้มองภาพว่า ถ้าคุณเป็น HR วันๆต้องรับเรื่องหลายเรื่อง คุณก็ต้องเลือกทำเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน และเลือกทำสิ่งที่เป็นเนื้องานจริงๆก่อน ถ้าส่งมาแบบนี้ อาจถูกมองข้ามได้ค่ะ
ข้อแนะนำ : อีเมล์ที่ใช้สมัครงานจะเป็นเมล์อะไรก็ได้ค่ะ เพียงแต่อยากแนะนำว่า ให้เปลี่ยนชื่อเป็น ชื่อจริง-นามสกุลจริง ของเราดีกว่าค่ะ ได้งานทำแล้ว อยากเปลี่ยนเป็นอะไรก็ไม่มีใครว่า
2.ไม่มีหัวเรื่อง ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ไม่มีอะไรดึงดูดให้อยากดูเนื้อหาด้านล่าง
ข้อแนะนำ : ให้ใส่หัวเรื่องเช่น "สมัครงาน ตำแหน่ง................" เท่านี้พอค่ะ หัวเรื่องสั้นๆ กระชับก็พอ
3. ชื่อนั้นสำคัญไฉน อย่างที่บอกข้อ1 ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง มันสื่อถึงความมีคุณวุฒิ และวัยวุฒิด้วยค่ะ
4.เคสนี้ เพียงแค่อยากถามถึงตำแหน่งว่าง อันที่จริงถามมา เราก็ตอบให้ได้ค่ะ แต่คำถามกำกวมเหลือเกิน ไม่รู้ว่าสนใจตำแหน่งไหน
ข้อแนะนำ : ก่อนสมัครงานศึกษาองค์กรก่อนค่ะ ว่าเขาทำธุรกิจประเภทอะไร แล้วเราจะพอเดาตำแหน่งงานออกเอง แต่ถ้าเขามีประกาศรับสมัครงานอยู่แล้ว ก็ง่ายหน่อย ก็สมัครไปตามตำแหน่งที่ว่าง
แทนที่จะส่งเมล์เปล่าๆมาถาม เราว่าส่งเอกสารประกอบการพิจารณามาพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ ถ้าตำแหน่งว่าง เขาก็อาจเรียกสัมภาษณ์ ถ้าไม่ว่าง ส่งมาก็ไม่เสียหาย วันดีคืนดี เขาอาจเรียกเราก็ได้ค่ะ
รูปภาพพยายามเซนเซอร์แล้วนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะประนามใคร เพียงแต่อยากยกตัวอย่างมาให้ดูกัน
แบบที่ 2 ตัวอย่างจดหมายที่ดี
1. เห็นไหมคะ สั้นๆ ง่ายๆ แต่ชัดเจน ไม่ลายตา
2. ใส่แต่รายละเอียดที่เป็นเนื้อๆก็พอนะคะ ไม่ต้องใส่น้ำ น้ำไปใส่ในเนื้อหาค่ะ
3. ชื่อจริง-นามสกุลจริง ค้นหาได้ง่ายด้วยค่ะ
4. Present ตัวเองได้เบื้องต้น ทำให้น่าสนใจขึ้นมานิดนึง
5. เอกสารประกอบการสมัครงาน สำคัญมากค่ะ สมัครแบบไปกรอกใบสมัครด้วยตนเองมีอะไรบ้าง การสมัครทาง email ก็ควรมีเหมือนๆกันค่ะ
ข้อนี้ แนะนำนิดนึง เป็นความเห็นส่วนตัว สิ่งที่ไม่ควรขาดคือ เรซูเม่ภาษาไทย เพราะเราสามารถใส่รายละเอียดแบบทุกกระเบียดนิ้วได้เลยค่ะ นำเสนอจุดขายของเราได้เต็มที่ จดหมายใครมีเรซูเม่ จะมีภาษีดีกว่าคนที่ไม่มีนะคะ และที่บอกว่าเป็นเรซูเม่ภาษาไทย เพราะยังไงคนไทยก็ชอบอ่านภาษาไทย(เว้นแต่บริษัทที่มีนายเป็นต่างชาติ) คุณสามารถแสดงทักษะด้านภาษาโดยการส่งเรซูเม่ภาษาอังกฤษได้ แต่ควรทำแบบภาษาไทยมาด้วย ไม่ใช่เราอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก แปลไม่เป็นนะคะ แต่ถ้ามีแบบภาษาไทย ก็เลือกอ่านภาษาไทยค่ะ คัดใบสมัครมากๆ สมองล้า ก็ขี้เกียจมานั่งแปลค่ะ อันนี้บอกตรงๆ
หวังว่าน้องๆมือใหม่หัดขับ จะได้ประโยชน์กันบ้างนะคะ