เพิ่งโดนไล่ออกจากงานที่เป็นงานแรกของชีวิต

แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 38
สู้ๆ นะ จขกท. เราอายุพอๆกับคุณ และก็เคยเจอเหตุการณ์ที่ย่ำแย่เหมือนกัน ถึงเราจะไม่เคยโดนไล่ออก แต่เราก็เคยโดนเจ้านายตำหนิสารพัด ทั้งเรื่องการได้ยิน เจ้านายเคยบอกว่าเราหูตึง เรียกแล้วไม่ได้ยิน (บางทีอาจเป็นเพราะตอนนั้นสมาธิเรากำลังวุ่นและจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่น จนไม่ได้ยินที่เจ้านายเรียก และแถวนั้นก็มีคนมากด้วย) โดนตำหนิว่าเป็นคนเชื่องช้า และมีพัฒนาการที่ช้ามาก โดนตำหนิว่าเรามนุษยสัมพันธ์ไม่ดี ไม่เข้าหาคน ฯลฯ ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเป็นข้อบกพร่องของเราเอง เราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก บางทียังเคยคิดว่าตัวเองเป็นโรคออทิสติกหรือเปล่า?

แต่บางครั้งเราว่ามันก็ขึ้นอยู่กับลักษณะงานด้วย อย่างเช่น คนเงียบๆ เนิบๆ ความทะเยอทะยานไม่สูง แบบเรา จะให้มาทำงานค้าขายก็คงไม่เหมาะ และยากที่จะทำให้ออกมาดี(แม้จะอยากทำเพราะรวยเร็วก็เถอะ) งานบางอย่างเราไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน แล้วอยู่ๆก็มีคนมามอบหมายให้เราทำงานนั้น แล้วคาดหวังว่าเราจะทำออกมาได้ดี และต้องทำให้รวดเร็วอีกด้วย โดยให้ระยะเวลาอันสั้น มันก็คงเป็นไปได้ยากเหมือนกัน(ใจเขาใจเรานะ)

และเราคิดว่า สภาพแวดล้อม/เพื่อนร่วมงาน ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราอึดอัดกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน มันก็ยากที่เราจะทำงานให้ออกมาดีได้ เช่น อายุ/นิสัย ของเรากับเพื่อนร่วมงานที่ต่างกันมาก มันก็อยู่ด้วยกันยากจริงๆ นอกเสียจากว่าฝ่ายหนึ่งจะยอมปรับตัว ซึ่งเราพยายามปรับตัว แต่ก็ไม่สามารถฝืนตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง(ที่เป็นมา 20 กว่าปี)ได้ ถ้าจะให้ปรับจริงๆก็ต้องใช้เวลานานหน่อย แต่อีกฝ่ายเขามักรอไม่ไหว

ขอเล่าเรื่องจริงนะ เราเคยทำงานค้าขายอยู่กับเจ้านายที่เป็นคนจีน เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลางาน ไม่ว่าเราทำอะไร เจ้านายเห็นหมดทุกอย่าง เจ้านายเป็นคนอายุมากแล้ว รวยมาก ประสบการณ์มาก ขยันมาก แต่ก็งกมากด้วย(ดูจากเงินเดือนที่ให้) จู้จี้ขี้บ่น จับผิดเราตลอด ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิด ไม่ถูกไม่ควรไปเสียทุกอย่าง ทำดีก็ไม่เคยโดนชม ตอนนั้นเรามีเพื่อนร่วมงาน 2 คน คนหนึ่งอายุมากกว่าเจ้านาย เจ้านายเกรงใจ ไม่ค่อยใช้งานหนักหรือจู้จี้กับเขามากนัก(แต่เขาได้เงินเดือนมากกว่าเรา) ส่วนอีกคนหนึ่งก็อายุมากกว่าเรานิดนึง เป็นคนพูดเก่ง อัธยาศัยดี กล้าเล่นกับเจ้านาย เจ้านายจึงชอบ ส่วนเราอายุน้อยที่สุด เป็นคนเรียบร้อย พูดน้อยที่สุด และเราก็ไม่ใช่คนเก่งอะไรนัก(บอกแล้วว่าเราไม่เหมาะกับงานขาย ที่ยอมมาทำเพราะตอนนั้นยังหางานอื่นไม่ได้) จึงกลายเป็นว่าเราคือคนที่อยู่อย่างอึดอัดใจที่สุด(แต่กับเพื่อนร่วมงาน เราเข้ากันได้ดี) แต่เราก็ทนทำงานอยู่ที่นั่นได้นานกว่าเพื่อน จากนั้นก็ลาออก ตอนที่จะลาออก เรากระซิบบอกเจ้านายให้รู้กันแค่ 2 คน เพราะเราแคร์เจ้านาย แต่เจ้านายไม่แคร์เราเลย เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นๆซะจนรู้กันทั่ว หลังจากเราลาออกแล้วก็ไม่เคยย่างกรายไปที่นั่นอีก ไม่ได้เคียดแค้นเจ้านายนะ(แต่ไม่ชอบ และไม่อยากเจออีก)

ความจริงเราก็เหมือน จขกท. ตรงที่เราเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองชอบทำงานประเภทไหน แต่สำหรับเรานั้น การได้เจอผู้ร่วมงาน/สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการได้งานที่ตัวเองชอบ เพราะเราเชื่อว่างานต่างๆเราสามารถฝึกฝนได้ งานที่ไม่ชอบ ไม่ถนัด เรายังสามารถปรับใจให้ชอบ สามารถฝึกฝนให้เก่งได้ ถ้างานนั้นมันไม่ได้ยากและต้องการความเป็น professional มากนัก และมีกำลังใจดีๆ มีเพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่น่ารักๆ แต่ถ้าได้เพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่ไม่ดี อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข ต่อให้ได้งานที่ชอบมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนพวกนั้นไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้(และเราก็เปลี่ยนนิสัยเขาไม่ได้ซะด้วย)

ปัจจุบันเราได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิม ทั้งเงินเดือนที่ดีกว่าเดิม สวัสดิการที่ดีกว่าเดิม สภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม ได้เพื่อนร่วมงานที่น่ารักๆ นิสัยแต่ละคนก็ชิวๆ สบายๆ เข้าใจกัน เจ้านายก็ใจดี เข้าใจธรรมชาติของคน ไม่มาจ้องจับผิดและคุมเราตลอดเวลา ปล่อยให้เราลุยงานเอง ส่วนเจ้านายก็มาตรวจสอบเป็นระยะๆ พร้อมให้คำแนะนำบ้าง ไม่คาดหวังเราสูงนัก(ความคาดหวังสอดคล้องกับเงินเดือน) แม้จะไม่ใช่งานที่เราคาดหวังไว้ตอนสมัยเรียน แต่เราก็ค่อนข้างมีความสุข

ขอให้ จขกท. ได้เจองานใหม่ที่ทำแล้วรู้สึกดีเช่นกัน ตอนนี้ก็พยายามปรับปรุงข้อบกพร่องของตัวเอง อะไรที่ยังทำได้ไม่ดีก็ฝึกฝน คนเราฝึกฝนได้ พยายามเข้า ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ไม่ต้องคิดมาก และเวลามีปัญหาก็อย่าโทษตัวเองฝ่ายเดียว และก็อย่าโทษคนอื่นฝ่ายเดียว แต่ให้มองโลกตามความเป็นจริง ยังไงคุณก็ต้องได้เจองานที่เหมาะสำหรับคุณ คุณเก่งกว่าเราอีก(เราไม่เก่งภาษาต่างประเทศเลย) อ้อ เรื่องความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน เราว่าเป็นสิ่งสำคัญนะ โดยเฉพาะในสังคมไทย เวลาพูดกับรุ่นพี่ มี "ค่ะ/ครับ" สักหน่อยก็ดี พยายามเข้า ให้มันดูเป็นผู้ดีที่น่าเชื่อถือหน่อย เราเองเวลาพูดกับรุ่นพี่/เจ้านาย ก็พูดมีหางเสียงตลอด เว้นเสียแต่ว่าคนๆนั้นเขาไม่ถือ
พิมพ์เยอะขนาดนี้หวังว่าคงมาอ่านนะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ขอบอกว่า เห็นด้วยกับคำเตือนของเขา ทุกข้อ
จขกท มีจุดดีคือ จดจำการสะท้อนกลับได้มากทีเดียว

จขกท สื่อสารไม่รู้เรื่องจริงๆ อ่านจบแล้ว เรายังไม่รู้เลยว่า เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
การสุภาพ กับการเป็นกันเอง อยู่ด้วยกันได้แน่นอนค่ะ
ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนร่วมงานอาวุโสกว่าเรา ควรเรียกเขาว่าพี่ก่อน ถ้าเขาบอกว่าไม่ต้อง ให้เรียกชื่อเฉยๆได้ จึงทำเช่นนั้น
อย่าไปตัดสินใจเอาเองว่าไม่เรียกพี่ละ เพื่อความเป็นกันเอง อย่างนั้นเขาเรียกข้ามรุ่น ผิดธรรมเนียมไทย ถ้าฝรั่งทำได้ทุกตนเป็นเพื่อนหมด

นับว่าเป็นความหวังดีที่เขาบอกว่า เราควรปรับปรุงตรงไหน ไม่เพียงแต่เรียกเข้าไปบอกว่า ไม่ผ่านเฉยๆ
เมื่อหายโกรธแล้ว นั่งพิจารณาดูนะ แล้วพยายามปรับปรุง ถ้ายังอยากเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่ใช่ไล่ออกจากงาน เค้าเรียกไม่ผ่านโปร ไม่ผ่านทดลองงาน ซึ่งคนเป็นร้อยๆล้านต้องเจอ ไม่ใช่เธอคนเดียว โลกไม่ได้แตกวันพรุ่งนี้

แต่กรณีของน้องนี่อ่านดูแล้ว น้องเอ๋อจริง ไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทนเลย บุคลิกแปลกแยกจากคนปกติไปพอสมควร แต่ไม่ได้หมายความว่าน้องบ้านะ
แค่บ๊องละมั้ง แล้วคนที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่มหาลัย เขาไม่ด้สอนการเข้าสังคมบ้างเหรอใช้ชีวิตผ่านมาถึงตรงนี้แบบไหนหว่า ถ้าจะปรับปรุงตัวก็เริ่มง่ายๆกับที่บ้านแหละ  หรือไปทำงานที่ไม่ต้องการความเป๊ะมาก ไม่ต้องพูดมาก เช่น งานบริการอย่างง่าย งานพวกแปลภาษา งานเขียน  หรือ งานวาด พวกราฟฟิค หรืองานใบ้ไปเลยเช่นพวกขายน้ำปั่น โบกธงหน้าคอนโดฯ -*-  ไม่ใช่แระ  ก่อนอื่นเลิกอมทุกข์แล้วก็พยายามใหม่ละกัน

รักนะเด็กเอ๋อ จุบุ๊
ความคิดเห็นที่ 10
น้องนี่เด็กมากๆเลย

นี่แยกระหว่างโดนไล่ออกกับไม่ผ่านโปรยังไม่ได้ การสื่อสารที่เขียนในกระทู้นี้ก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน

เติบโตจากเรื่องนี้แล้วกัน การไม่ผ่านโปรมันเป็นอะไรที่ธรรมดามากๆ ถึงมันจะแย่ก็เถอะ

นายเค้าให้คอมเม้นท์มาเยอะขนาดนี้ ถือว่าดีมากๆ จะได้เห็นข้อเสียของตัวเอง ก็เอาไปปรับปรุง

เรื่องเพิ่งจบและยังไม่รู้ว่าอยากจะทำอะไรนี่ก็แย่เหมือนกัน หาตัวเองไม่เจอมันจะไปทำอะไรกินได้ล่ะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่