คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
ทำไมตีความกันยากลำบากขนาดนั้นละครับ
เค้าแค่อยากจะบอกว่า ความโง่ของคนเรานั้นไร้ขีดจำกัด
ส่วนเรื่องจักวาลนั้นก็แค่เป็นการเปรียบเทียบเท่านั้นเอง ราว ๆ ว่าจักวาลนั้นรู้กันว่าเป็นอนันต์ แต่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ที่แน่ ๆ ละก็ ความโง่ของมนุษย์นี่แหละไร้ขอบเขตจริง ๆ
เค้าแค่อยากจะบอกว่า ความโง่ของคนเรานั้นไร้ขีดจำกัด
ส่วนเรื่องจักวาลนั้นก็แค่เป็นการเปรียบเทียบเท่านั้นเอง ราว ๆ ว่าจักวาลนั้นรู้กันว่าเป็นอนันต์ แต่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ที่แน่ ๆ ละก็ ความโง่ของมนุษย์นี่แหละไร้ขอบเขตจริง ๆ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
ช่วยตีความประโยคนี้ของไอน์สไตน์หน่อยครับ
ผมตีความได้ว่า ไอน์สไตน์เหมือนต้องการจิกกัดว่าความโง่เขลาของมนุษย์มันไม่มีที่สิ้นสุด โดยที่ไอน์สไตน์นั้นไม่แน่ใจเรื่องจักรวาล (ไม่แน่ใจว่าจักรวาลนั้นไม่มีที่สิ้นสุดจริงหรือเปล่า=จักรวาลอาจจะมีจุดสิ้นสุดก็ได้) แต่ไอน์สไตน์ไม่กังขาเลยกับคำว่าความโง่เขลาของมนุษย์ (แปลว่ายังไงไอน์สไตน์ก็คิดว่าความโง่เขลาของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ยิ่งกว่าจักรวาลเสียอีก)
แต่เพื่อนๆผมส่วนใหญ่มันจะตีความได้ประมานว่า ไอน์สไตน์ต้องการเปรียบเทียบว่าความโง่เขลาของมนุษย์กว้างใหญ่พอๆกับจักรวาล คือความไม่สิ้นสุดนั้นเสมอกัน
หรือบางคนก็ตีความได้ว่า ความไม่มีที่สิ้นสุดของจักรวาลอยู่เหนือกว่าความโง่เขลาของมนุษย์
ส่วนตัวจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ผมให้ความโง่เขลาของมนุษย์ชนะเลิศครับ เลยตีความได้แบบที่บอกไปข้างต้น
มีใครเข้าใจเหมือนผมหรือมีใครคิดต่างบ้าง ขอรับฟังความคิดเห็นหน่อยครับ
จากบทความสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย Nuclear Society of Thailand Articles