ควาญช้างพังแตงโม บุกสภาทนายความ ยื่นหนังสือร้องเรียนหลังช้างถูกอายัดป่วยหนัก ตี้กรมอุทยานฯชดใช้หากช้างตาย
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายเนติวินท์ อมรสิน ควาญช้างพังแตงโม เดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ในกรณีที่ช้างพังแตงโมวัย 4 ปี ที่เคยถูกนายดำรง พิเดช อดีตอธิบดีกรมป่าไม้จับไป ป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต
นายเนติวินท์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.พ.ศ.2555 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำโดยนายดำรง พิเดช อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้นได้ยึดช้างพังแตงโมของนายเนติวินท์ โดยแจ้งข้อหาว่า ผู้ครอบครองมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต และช่วยซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งสัตว์ป่าอันได้โดยการกระทำผิดและได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ให้ดำเนินคดีและได้นำช้างของกลางไปเลี้ยงไว้ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จังหวัดลำปาง
ต่อมาอัยการศาลจังหวัด ได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ในข้อหาความผิดตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาและสั่งให้คืนช้างของกลางและวันที่ 9 ก.ย. 2556 เมื่อนายเนติวินท์ไปดูช้างพังแตงโมที่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ จังหวัดลำปาง พบว่า มีอาการบาดเจ็บเป็นอัมพาต ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เป็นปกติและมีบาดแผลหลายแห่งตามร่างกายทั้งบริเวณ ลำตัว สะโพก ขาและก้น จนไม่สามารถลุกได้
“ช้างพังแตงโมว่าไปก็เหมือนลูกสาวที่มีความผูกพันกันมา คนเลี้ยงช้างอย่างไรก็ต้องอยู่กับช้าง หากพังแตงโมเสียก็ต้องนำกลับมาทำพิธีที่สุรินทร์ และพังแตงโมเป็นช้างตัวเดียวที่มี”นายเนติวินท์กล่าว
ด้านนายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความได้รับหนังสือร้องเรียนของนายเนติวินท์ และกล่าวว่าเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้อง นายเนติวินท์ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ต้องคืนทรัพย์ของกลางคืนลูกช้าง ในสภาพสมบูรณ์เช่นเดียวกับวันเอาช้างไป ส่วนความเสียหายรัฐต้องชดเชยให้ ถ้ากรมอุทยานฯไม่เร่งดำเนินการชดใช้ชดเชยก็อาจจำเป็นต้องใช้กระบวนการทางศาลยุติธรรม ต่อไป
ที่มา:::
http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD/250143/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%95
ควาญร้องช้างถูกอายัดเป็นอัมพาต
ควาญช้างพังแตงโม บุกสภาทนายความ ยื่นหนังสือร้องเรียนหลังช้างถูกอายัดป่วยหนัก ตี้กรมอุทยานฯชดใช้หากช้างตาย
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายเนติวินท์ อมรสิน ควาญช้างพังแตงโม เดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ในกรณีที่ช้างพังแตงโมวัย 4 ปี ที่เคยถูกนายดำรง พิเดช อดีตอธิบดีกรมป่าไม้จับไป ป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต
นายเนติวินท์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.พ.ศ.2555 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำโดยนายดำรง พิเดช อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้นได้ยึดช้างพังแตงโมของนายเนติวินท์ โดยแจ้งข้อหาว่า ผู้ครอบครองมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต และช่วยซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งสัตว์ป่าอันได้โดยการกระทำผิดและได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ให้ดำเนินคดีและได้นำช้างของกลางไปเลี้ยงไว้ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จังหวัดลำปาง
ต่อมาอัยการศาลจังหวัด ได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ในข้อหาความผิดตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาและสั่งให้คืนช้างของกลางและวันที่ 9 ก.ย. 2556 เมื่อนายเนติวินท์ไปดูช้างพังแตงโมที่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ จังหวัดลำปาง พบว่า มีอาการบาดเจ็บเป็นอัมพาต ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เป็นปกติและมีบาดแผลหลายแห่งตามร่างกายทั้งบริเวณ ลำตัว สะโพก ขาและก้น จนไม่สามารถลุกได้
“ช้างพังแตงโมว่าไปก็เหมือนลูกสาวที่มีความผูกพันกันมา คนเลี้ยงช้างอย่างไรก็ต้องอยู่กับช้าง หากพังแตงโมเสียก็ต้องนำกลับมาทำพิธีที่สุรินทร์ และพังแตงโมเป็นช้างตัวเดียวที่มี”นายเนติวินท์กล่าว
ด้านนายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความได้รับหนังสือร้องเรียนของนายเนติวินท์ และกล่าวว่าเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้อง นายเนติวินท์ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ต้องคืนทรัพย์ของกลางคืนลูกช้าง ในสภาพสมบูรณ์เช่นเดียวกับวันเอาช้างไป ส่วนความเสียหายรัฐต้องชดเชยให้ ถ้ากรมอุทยานฯไม่เร่งดำเนินการชดใช้ชดเชยก็อาจจำเป็นต้องใช้กระบวนการทางศาลยุติธรรม ต่อไป
ที่มา:::http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD/250143/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%95