แปลกมั้ยครับ? ถ้าผมจะแพ้เมียตั้งแต่ยังไม่เข้ามุ้ง

ผมกับแฟนคบกันมาสามปีกำลังจะแต่งงานกันมกรานี้แล้วมีทะเลาะกันบ้างตามประสาลิ้นกับฟัน แฟนเป็นคนใจร้อนอยากได้ก็คือต้องได้ ผมก็พยายามจะเย็นให้มากที่สุดไม่เถียงเพราะไม่อยากทะเลาะ
 
แต่ไอ้ความที่ไม่พูดนี่แหละ ที่มันกลายเป็นลิสต์ยาวและกินงบไปเยอะมากของแฟน เช่น ชุดแต่งงานไปหลายรอบเปลี่ยนแบบมันแทบทุกรอบ แถมราคาชุดก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนครั้งที่เปลี่ยน แพคเกจถ่ายรูป 4 รอบ (outdoor 3, studio 1) ช่างแต่งหน้าวันเดียวต้องใช้เงินเกือบเจ็ดพัน ยังไม่รวมเรื่องเล็กน้อยอย่างการ์ด หรือว่าพวกของชำร่วยที่ยังไม่ได้แบบแน่นอนว่าจะเอายังไงดี  บางอย่างตัดได้มันก็น่าจะตัด แต่พอจะอ้าปากเถียงเท่านั้นแหละกลายเป็นว่าผมผิด ไม่รัก ไม่ตามใจ
 
ถ้าผมอยากจะพูดบ้างและให้เหตุผลอย่างที่รู้สึก ควรจะเริ่มต้นไงดีที่จะทำให้ผู้หญิงไม่คิดว่าเถียงไม่อยากจะจัดงานหรืออะไรที่มันจะไม่ลงเอยด้วยการทะเลาะมันแทบทุกรอบแบบนี้ เหนื่อยมากครับ พูดตรงๆ


 
ปล. พ่อแซวทุกวัน แพ้เมียตั้งแต่ยังไม่เข้ามุ้ง ตอนพ่อแซวก็ขำหรอกแต่เอาเข้าจริงมันขำไม่ออก ร้องไห้



...................................................................................................................................

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ไม่คิดว่าจะขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ  ขอบคุณจริงๆครับ เมื่อวานผมตัดสินใจพูดตรงๆ พยายามใจเย็นเหมือนเดิมตอนแรกที่คุยกันก็ดูปกติดีแต่พอเข้าเรื่องตัดรายละเอียดบางอย่างออกดีมั้ยตามความคิดของผมมันสิ้นเปลืองอยากเก็บเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่า ปรากฏว่ามันยิ่งไม่ลงตัวครับแฟนบอกว่าก็ทุกอย่างตกลงกันแล้วว่าจะทำตามนี้ๆ ตอนนี้มาเปลี่ยนใจอีก เรื่องใหญ่เลย ผมก็ขึ้นที่แฟนไม่ฟัง แฟนก็ขึ้นที่ผมคิดจะมาเปลี่ยนแผน ไปกันใหญ่เลยตอนนี้หลังจากแยกย้ายแล้วผมโทรแฟนไม่รับโทรศัพท์ ส่ง sms มาบอกขอไม่คุยกันก่อนสักพัก สักพักคืออะไร? กี่วัน? ผมผิดอีกแล้วใช่มั้ย? เครียดหนักกว่าเดิมเลยตอนนี้ จะเอายังไงดีคิดไม่ออกเลยมันตันมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 31
ผู้ชายที่เตรียมเป็นเจ้าบ่าวทุกคนต้องเจอปัญหาก่อนวันแต่งจริงไม่มากก็น้อย (บางคนก็ไปซวยเอาวันนั้นเลยก็มีเยอะ)  ตอนผมแต่งงานก็เจอแบบนี้เหมือนกัน ปัญหามีมาตั้งแต่สินสอด พิธีการ แล้วก็พวกรายละเอียดต่าง ๆ ผมกับแฟนก็ทะเลาะกันตั้งแต่เรื่องใหญ่มากจนเล็กมาก เอาตรงๆคือสติแตกด้วยกันทั้งคู่ครับ เรื่องชุดเป็นอันดับแรกที่ไปลองทุกรอบก็เปลี่ยนทุกรอบแล้วก็แพงขึ้นทุกรอบเหมือนกัน ติอะไรไม่ได้เลยคุณภรรเมียจะไม่มั่นใจทันทีกลายเป็นว่าลองแล้วลองอีก หลังๆผมเลยบอกให้ไปกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกันน่าจะดีกว่า ก็กลายเป็นว่าผมเบื่อ ไม่อยากมีส่วนร่วม ของชำร่วยนี่ก็เป็นประเด็นเหมือนกันเอาที่ถูกเป็นประโยชน์ก็พอแล้วในความคิดผม แต่แฟนผมเค้าก็อยากได้อะไรที่มันต้องสื่อถึงเราสองคน เอาเป็นว่าผมคิดหัวแทบแตกครับตอนนั้น ด้วยความที่จะตามใจมากก็ไม่ได้เพราะผู้หญิงเวลาเค้าเจออะไรที่ชอบมากกว่าก็จะเริ่มเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนแนว ทีนี้มันก็จะกลายเป็นหลุดโฟกัสไป
 
ดังนั้น หากคุณจะให้เหตุผลกับแฟนคุณ อย่าใช้คำพูดที่มันดูเหมือนคุณมีอารมณ์ ให้กล่อมอย่างละม่อมครับ เช่น “เตง ถ้าเตงลดค่าซุ้มดอกไม้ลง เตงจะได้เหลือเงินไปซื้อมือถือใหม่นะ เนี่ยๆ เด่วเค้าช่วยออกส่วนที่เหลือด้วยเลยเอ้า” อะไรที่มันแบ๊วๆ บางทีมันก็ช่วยได้ แต่อย่าไปขัดแบบตรงๆ แบบนั้นตายครับ ปัญหามันเกิดก็ต้องแก้ไปเบาๆ ส่วนเรื่องไอ้เกลียมัวเนี่ย ผมไม่มีความเห็นอื่นจริงๆ นอกจาก…


ความคิดเห็นที่ 5
ไอคนกลัวเมีย 555
บอกตรงๆ ซวยละล่ะ เจอภรรยาแบบนี้
อนาคตมีแต่จนกับจน เก็บเงินไม่เป็นเก่งแต่ใช้เงิน
ความคิดเห็นที่ 15
เราไม่เห็นมันจะสำคัญตรงไหนเลยนะเรื่องพร๊อบงานแต่งเนี่ย สิ้นเปลืองเปล่าๆ เหมือนพี่โน้ตกล่าวไว้
ผู้หญิงน้อยคนจะคิดแบบเราสะด้วยสิ คุณเจอผู้หญิงปกติค่ะ ยินดีด้วย ^ ^
ความคิดเห็นที่ 1
ผู้หญิงปากร้าย ขี้บ่น มักจะรักคนที่เธอชอบร้ายใส่ บ่นใส่ที่สุดนะคะ เราว่าความจริงเธอรักคุณมากค่ะ แต่มันเป็นนิสัยที่ผู้หญิงชอบเรียกร้องกับแฟน เพราะเธอไปเรียกร้อง ไปบ่นแบบนี้กับใครที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว มีแค่คุณคนเดียวนะคะ ^^
ความคิดเห็นที่ 68
ตามความคิดเรานะคะ ในช่วงเวลาของการจัดงานแต่งงานผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมองเรื่องของความสมบูรณ์แบบเป็นหลัก
อยากให้งานออกมาดีไม่มีใครว่าได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราว่าผู้หญิงก็อาจไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันบานปลายหรอกค่ะ อย่างที่บอกก็แค่อยากได้ที่ดีที่สุด
ตรงกันข้ามผู้ชายก็อาจมองในเรื่องของงบประมาณเป็นหลัก เงินพอมั้ย อันนี้ดูไม่จำเป็นนะ ตัดออกได้มั้ยมองอนาคตเรื่องเงินไม่อยากสิ้นเปลือง

จะตอบให้เข้าเค้าก็คือ ผู้หญิงกับผู้ชายมองต่างกันแต่ไม่มีใครสำคัญน้อยกว่ากันนะคะ
ดังนั้นคุณต้องสร้างสมดุลใหม่ค่ะด้วยการปรับความเข้าใจ คนรักกันไม่ได้เติมเต็มกันที่การตามใจไปเรื่อย
แต่เติมเต็มกันด้วยความเข้าใจนะคะ คุณมีเหตุผลมั้ยที่จะเพิ่มตรงนี้ แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่จะตัดตรงนั้น
อย่าเอาความคิดเราเป็นหลักให้คิดว่าถ้าคุณเป็นเค้าคุณทำได้มั้ยด้วยค่ะ

เช่น ถ้าฝ่ายหญิงให้เหตุผลเรื่องชุดว่า แพงแต่สวยเนี้ยบสมราคา ใส่แล้วมั่นใจมาก คุณอาจต้องทบทวนว่า
ที่เธอคิดมันก็ถูกนะ เจ้าสาวอยากมั่นใจ งานเต็มไปด้วยผู้ใหญ่ต้องเนี้ยบดูดี โอเคเก็ท
ส่วนคุณอยากตัดเรื่องถ่ายพรีเพราะว่ามันเยอะเกินไป ถ่ายรอบเดียวก็เหนื่อยแล้วแถมรูปใช้วันเดียวอีก
คุณอาจบอกเธอได้ "มีลูกแล้วเราค่อยมาถ่ายแบบครอบครัวด้วยกันก็ได้ แค่ไม่อยากให้เราเหนื่อยกันเกินไป"

งานแต่งที่สมบูรณ์แบบในความคิดเราไม่ใช่เรื่องของความใหญ่โตสวยงาม
แต่มันคือบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น บ่าวสาวเดินจับมือกันตลอดงานไร้ความกังวล
เราว่าในวันนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดไม่ว่าเรื่องอะไร แขกก็จะเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว
ขอแค่คุณสองคนยังยิ้มให้กัน แขกในงานก็อิ่มเอมแล้วล่ะค่ะ (หมายถึงอิ่มเอมที่ใจนะคะ ไม่ใช่อิ่มโต๊ะจีน 555)

หัวใจหัวใจหัวใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่