ไม่รู้ว่า บรรดา นักนิยม เรื่องราวจาก ยุทธภพ ท่านใด ยังติดตามผลงานเล่ม 3 ของ จิ่วถู
ที่กำลังวางแผงอยู่ในขณะนี้บ้าง
แต่ผมอ่าน "วีรบุรุษ กู้บัลลังค์ " เล่ม 3 จบ หลังจากซื้อมาได้แค่ 3 วัน (แต่เก็บมาอ่าน วันเสาร์)
ผมก็ให้รู้สึกว่า นายคนนี้ เอาสมอง รอยหยักไหน มาคิดพล๊อตเรื่อง
ที่สืบเนื่องกัน แต่มีแนวทางที่แตกต่างกัน และร่วมกันได้อย่างประสานกลมกลืน
การปูพื้นฐาน ตัวเอก และตัวประกอบ จากทั้ง 3 ภาค ที่มาจากพื้นเพแตกต่างสุดขั้ว
การวางบุคลิก ความคิด นิสัย ใจคอ และ สภาพแวดล้อม ที่แต่ละคน อยู่กันสุดด้าน
แต่มาร่วมอยู่ในสถานการณ์ ที่คล้ายคลึงกัน ถึงแม้จะต่างยุคสมัย
โดยเฉพาะ ตัวเอก ตอนล่าสุด ที่จิ่วถู เขียนได้เหมือน ผู้คนธรรมดา
ที่ติดสันดาน คุณชายสำรวย เกิดมาบนกองเงิน กองทอง
ไม่เอาถ่านอะไรสักอย่าง
มีดีแค่รู้จักทำมาหากิน เหมือนลูกหลานคนมีเงินสมัยนี้ ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อน เปิดกิจการ สุดฮิบ
ตามยุคสมัย แต่ฟันดาบก๋อไม่ได้เรื่อง เรียนหนังสือ ก็ไม่เอาถ่าน
จนถูกสถานะการ กดดัน ให้ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ออกไปบุกบั่น สร้างรากฐานให้ตัวเอง
ก่อนที่ทั้งตระกูล จะกลายเป็นเหยื่อเซ่น สถานการณ์
จิ่วถู ยังคงยึดมั่นในหลักการ ปูเนื้อหา ให้คนอ่านเข้าไปมีส่วนร่วมรับรู้ กับชีวิตตัวละคร
ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้เข้าใจพื้นฐานของตัวเอก แต่ละคน และผู้คนที่ห้อมล้อม
โดยไม่รีบร้อน เอาใจนักอ่าน คอซาดิสม์ ที่ชอบนิยายประเภท
เปิดฉากมาก็ สะบัดกระบี่ ประหารใน 100 ก้าว
แต่จะค่อยๆ ทำให้คนอ่าน เกิดความรู้สึกถึง สถานการณ์ ที่ค่อยๆ ก่อตัวไปที่ละขั้น
พร้อมๆ กับความเปลี่ยวนแปลงของตัวละคร อย่างมีเหตุผลรองรับ
ในภาคนี้ ก็เช่น ตัวเอก หวังสุน อี้เหวินจื้อ ที่เคยไร้สาระ อิเหละ เขละขละ
หรือกลุ่ม ราชองค์รักษ์ มังกรบิน ที่ก้าวออกมาจขาก ครอบครัวผู้มีอันจะกิน
แต่ต้องดิ้นรน เพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางทะเลทราย ที่เป็นตายเท่ากัน
หรือมุมมอง ทางความคิด ของผู้มีอำนาจ ต่อผู้ที่อยู่ตำกว่า
ว่าแค่ ตัวเลขของมด ปลวก จำนวนหนึ่ง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึก ผิดแปลกไปกว่านิสัยของ ปุถุชน
ขณะที่ เล่ม 3 กำลังเข้าสู่จุดเริ่มของความสนุก (ซึ่งที่จริง มันก็น่าจะเป็น เล่ม 2 กว่าๆ จาก 2 ภาคแรก แต่เพราะลดหน้ากระดาษลง เพื่อเก็บเกี่ยวรายได้มากขึ้นของผู้พิมพ์)
ผมก็คาดคะเน ผลสืบเนื่องต่อเล่ม 4 ที่อีก 10 วันจึงจะได้อ่าน
ผมเชื่อว่า หาก คุณเป็นนักอ่าน ที่ชอบอ่านนิยายที่ให้ความลุ่มลึก ทางการวางเนื้อหา มากกว่านิยาย ที่โชว์พาวฯ
เหมือนสมัยก่อน
ชุดไตรภาค สุย ถัง ชุดนี้ นับว่าน่าเก็บขึ้นตู้ เหมือนนิยายกำลังภายใน คลาสสิค อีกหลายเรื่อง ที่ผมมีอยู่แล้ว 3 ตู้ใหญ่ๆ
หรือจะเป็นเฉพาะ คนอยู่ในตำแหน่ง สว. อย่างผม ก็ไม่ทราบ ถึงได้ชอบ อ่านนิยาย ที่ไม่ใช่แค่ กำดาบ เข้าหากันเพียงอย่างเดียว
พัฒนาการอีกขั้น จาก วีรบุรุษ กู้บัลลังค์
ที่กำลังวางแผงอยู่ในขณะนี้บ้าง
แต่ผมอ่าน "วีรบุรุษ กู้บัลลังค์ " เล่ม 3 จบ หลังจากซื้อมาได้แค่ 3 วัน (แต่เก็บมาอ่าน วันเสาร์)
ผมก็ให้รู้สึกว่า นายคนนี้ เอาสมอง รอยหยักไหน มาคิดพล๊อตเรื่อง
ที่สืบเนื่องกัน แต่มีแนวทางที่แตกต่างกัน และร่วมกันได้อย่างประสานกลมกลืน
การปูพื้นฐาน ตัวเอก และตัวประกอบ จากทั้ง 3 ภาค ที่มาจากพื้นเพแตกต่างสุดขั้ว
การวางบุคลิก ความคิด นิสัย ใจคอ และ สภาพแวดล้อม ที่แต่ละคน อยู่กันสุดด้าน
แต่มาร่วมอยู่ในสถานการณ์ ที่คล้ายคลึงกัน ถึงแม้จะต่างยุคสมัย
โดยเฉพาะ ตัวเอก ตอนล่าสุด ที่จิ่วถู เขียนได้เหมือน ผู้คนธรรมดา
ที่ติดสันดาน คุณชายสำรวย เกิดมาบนกองเงิน กองทอง
ไม่เอาถ่านอะไรสักอย่าง
มีดีแค่รู้จักทำมาหากิน เหมือนลูกหลานคนมีเงินสมัยนี้ ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อน เปิดกิจการ สุดฮิบ
ตามยุคสมัย แต่ฟันดาบก๋อไม่ได้เรื่อง เรียนหนังสือ ก็ไม่เอาถ่าน
จนถูกสถานะการ กดดัน ให้ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ออกไปบุกบั่น สร้างรากฐานให้ตัวเอง
ก่อนที่ทั้งตระกูล จะกลายเป็นเหยื่อเซ่น สถานการณ์
จิ่วถู ยังคงยึดมั่นในหลักการ ปูเนื้อหา ให้คนอ่านเข้าไปมีส่วนร่วมรับรู้ กับชีวิตตัวละคร
ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้เข้าใจพื้นฐานของตัวเอก แต่ละคน และผู้คนที่ห้อมล้อม
โดยไม่รีบร้อน เอาใจนักอ่าน คอซาดิสม์ ที่ชอบนิยายประเภท
เปิดฉากมาก็ สะบัดกระบี่ ประหารใน 100 ก้าว
แต่จะค่อยๆ ทำให้คนอ่าน เกิดความรู้สึกถึง สถานการณ์ ที่ค่อยๆ ก่อตัวไปที่ละขั้น
พร้อมๆ กับความเปลี่ยวนแปลงของตัวละคร อย่างมีเหตุผลรองรับ
ในภาคนี้ ก็เช่น ตัวเอก หวังสุน อี้เหวินจื้อ ที่เคยไร้สาระ อิเหละ เขละขละ
หรือกลุ่ม ราชองค์รักษ์ มังกรบิน ที่ก้าวออกมาจขาก ครอบครัวผู้มีอันจะกิน
แต่ต้องดิ้นรน เพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางทะเลทราย ที่เป็นตายเท่ากัน
หรือมุมมอง ทางความคิด ของผู้มีอำนาจ ต่อผู้ที่อยู่ตำกว่า
ว่าแค่ ตัวเลขของมด ปลวก จำนวนหนึ่ง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึก ผิดแปลกไปกว่านิสัยของ ปุถุชน
ขณะที่ เล่ม 3 กำลังเข้าสู่จุดเริ่มของความสนุก (ซึ่งที่จริง มันก็น่าจะเป็น เล่ม 2 กว่าๆ จาก 2 ภาคแรก แต่เพราะลดหน้ากระดาษลง เพื่อเก็บเกี่ยวรายได้มากขึ้นของผู้พิมพ์)
ผมก็คาดคะเน ผลสืบเนื่องต่อเล่ม 4 ที่อีก 10 วันจึงจะได้อ่าน
ผมเชื่อว่า หาก คุณเป็นนักอ่าน ที่ชอบอ่านนิยายที่ให้ความลุ่มลึก ทางการวางเนื้อหา มากกว่านิยาย ที่โชว์พาวฯ
เหมือนสมัยก่อน
ชุดไตรภาค สุย ถัง ชุดนี้ นับว่าน่าเก็บขึ้นตู้ เหมือนนิยายกำลังภายใน คลาสสิค อีกหลายเรื่อง ที่ผมมีอยู่แล้ว 3 ตู้ใหญ่ๆ
หรือจะเป็นเฉพาะ คนอยู่ในตำแหน่ง สว. อย่างผม ก็ไม่ทราบ ถึงได้ชอบ อ่านนิยาย ที่ไม่ใช่แค่ กำดาบ เข้าหากันเพียงอย่างเดียว