ขอความช่วยเหลือ สามีเก่าทำท่าว่าจะพรากลูกไปจากเรา

สวัสดีค่ะ ขอเล่าเรื่องราวคร่าวๆก่อนนะคะ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดที่ประเทศไทยนะคะ

ดิฉันแต่งงานกับคนอังกฤษเมื่อยังอายุได้เพียง 22 ปีค่ะ ยังอ่อนประสบการณ์มาก แต่คิดว่าได้เจอกับคนที่ใช่ ไม่สนใจค่ะว่า เขาไม่ได้มีเงินทองอะไร
สามีเก่าไม่ได้มีงานมั่นคงที่บ้านเกิดที่ภาคเหนือของอังกฤษ  ทำงานได้ค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น ดิฉันจึงขอให้มาทำงานเป็นครูสอนภาษาที่ประเทศไทย แม้ว่าตัวเขาจะมีวุฒิเทียบเท่าประมาณ ปวส. บ้านเรา แต่ก็ได้งานทำง่ายค่ะ อยู่ที่จังหวัดบ้านเกิดดิฉันเอง ส่วนตัวดิฉันยอมรับว่าคิดน้อย ไม่ใส่ใจ เลยไม่ทำงาน เพราะคิดว่าจะเก็บเงินทำธุรกิจส่วนตัวก่อน โดยมีแม่สามีโอนมาให้ประมาณ 5 หมื่นบาท แต่ก่อนหน้าที่จะได้เงินก้อนนั้นมา ชีวิตคู่ค่อนข้างมีปัญหาอยู่แล้ว เมื่อสามีมาอยู่กับดิฉัน ก็เบื่อที่จะมีดิฉันอยู่ด้วยตลอดเวลา ประกอบกับมีเรื่องเข้าใจผิดกันทำให้เกิดความหึงหวงไม่เข้าใจ แต่ก็คุมกำเนิดผิดพลาดทำให้ตั้งท้องขึ้นมา จึงตั้งใจว่าจะเริ่มต้นกันใหม่

แต่ระหว่างนั้น สามีแอบเข้าเว็บเดท คุยเรื่องวาบหวิวกับผู้หญิงแปลกหน้า และแอบนัดเจอกัน แต่ดิฉันรู้ก่อนและจับได้ 3-4 ครั้ง ดิฉันต้องหนีไปทำใจกับเพื่อนแม้ว่าจะตั้งท้องแก่ เป็นอยู่อย่างนั้นจนพยายามทำใจและคิดว่าเขาจะเปลี่ยน แต่สุดท้าย ก็มารู้อีก เมื่อเขาทำตัวเฉยชาไป ความมาแตกเมื่อเขาลืมปิดหน้าจอคอม ดิฉันจึงได้รู้ว่าเขาไม่ยอมจะเลิกติดต่อกับผู้หญิงทางเน็ทเลย  จึงตกลงแยกทางกัน ตอนที่ลูกอายุ 1 ขวบพอดี

แรกเริ่ม อดีตสามีส่งเสียค่าเลี้ยงดูได้ดี เขามีรายเกือบได้ 4หมื่นบาท จึงตกลงกันว่า ค่าเลี้ยงดูน่าจะเป็น 1 หมื่นบาท เพราะมีทั้งผ้าอ้อมและนมกระป๋องที่ค่อนข้างสูงต่อเดือน ต่อมา เขาถูกยกเลิกสัญญาจ้างงาน ทำให้รายได้ลดลง จึงให้เงินค่าเลี้ยงดูน้อยลง โดยที่ดิฉันพยายามอดทน เพราะคิดว่า เขาได้ให้เงินส่วนหนึ่งไว้ให้ค้าขายแล้ว พยายามคิดว่า ตอนที่อยู่ด้วยกันมา เราไม่เคยทำงานนอกบ้านเป็นแม่บ้านอย่างเดียว แต่ดิฉันเริ่มขัดสน เพราะลูกโตขึ้นทุกวัน และครอบครัวยังมาเกิดวิกฤติการเงินที่ดิฉันต้องช่วยเหลือ เงินค่าเลี้ยงดูที่เคยได้ จาก 1 หมื่น ลดมา เป็น 7 พัน 7 ลดมา 5 ปัจจุบันเหลือ3 พัน  ถ้าเป็นปิดเทอม เขาจะอ้างว่าไม่ได้รับเงินค่าจ้างสอน ก็จะไม่ให้เลย เป็นอย่างนี้ มา 3 ปีที่เลิกกัน

ที่ดิฉันอยู่มาได้นั้น ก็เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากแฟนคนใหม่ ดิฉันเริ่มดูใจกับเขาไม่กี่เดือนหลังจากที่เลิกรากับสามีเก่า ตอนแรกยอมรับว่า คบเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดไปให้ได้เท่านั้น แต่เมื่อพูดคุยกันมาเนิ่นนานเข้า กลับรู้สึกตื้นตันว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจชีวิตของ single mum ที่พ่อของลูกไม่ค่อยจะรับผิดชอบนัก เราสองคนค่อยๆเรียนรู้กัน ไม่รีบร้อนเหมือนที่ดิฉันตัดสินใจผิดพลาดครั้งแรก คนรักของดิฉันหยิบยื่นความช่วยเหลือทางด้ารการเงินมาตลอด ดิฉันรู้สึกอับอายนะคะที่ไม่สามารถยืนได้ด้วยตนเอง แต่ตอนนี้ ต้องตอบแทนคุณพ่อแม่ และดูแลลูกไปด้วย เงิน 3000 ที่ได้จากอดีตสามีนั้น ย่อมไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูก คนรักของดิฉันให้กำลังใจมาตลอดว่า ดิฉันจะต้องรับความช่วยเหลือของเขาก่อนเพื่อที่ลุกขึ้นมาได้แล้วก็ต้องพยายามต่อไป ฉันจึงรับความช่วยเหลือและคิดว่า ถ้ามีเงินพอเมื่อไรจะพยายามผ่อนคืนที่ยืมมา

สามีเก่าของดิฉันนั้น น่าจะระแคะระคายแล้วว่าดิฉันมีความสัมพันธ์จริงจังกับแฟนคนนี้ แม้ว่าจะอยู่ไกลกันก็ตาม  เมื่อคุยกันถึงอนาคตลูก ดิฉันเปรยๆว่า น่าจะอยู่ที่อังกฤษ เพื่อการศึกษาและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เขายื่นคำขาดอย่างไร้เหตุผลว่า ถ้าจะไปอยู่อังกฤษ แฟนดิฉันต้องย้ายมาทำงานที่ภาคเหนืออย่างเดียว ไม่มีทางที่เขาจะให้ลูกเติบโตขึ้นทางใต้ (แฟนดิฉันอยู่ลอนดอนค่ะ) ดิฉันพยายามชี้แจงว่า แฟนของดิฉันมีหน้าที่การงานที่ดีมากอยู่ที่ลอนดอน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปอยู่เมืองที่การว่าจ้างงานต่ำ เขาก็ตะแบงไปแต่ที่ตัวเองอยากจะให้เป็นอยู่อย่างเดียว ทั้งๆที่ในด้านความรับผิดชอบเรื่องค่าเลี้ยงดูนั้น เขาละเลยอยู่เรื่อย ปีละหลายครั้ง ถ้าไม่มีสัญญาจ่างงาน แทนที่จะหางานติวเตอร์ทำ ก็นอนที่ห้องเฉยๆ ส่วนตัวเราแม่ลูกนั้น ค้าขายที่ร้านและตลาดนัด ลูกอยู่กับดิฉันเสมอแม้ยามขายของ บางครั้งที่สามีเก่าไม่ให้ค่าเลี้ยงดู ดิฉันทำงานพิเศษเพิ่ม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือลูกค่ะ ค่าเทอม ค่าอยู่ค่ากิน ก็มีแฟนส่งมาให้ เขาบอกว่าสงสารลูกของดิฉัน ที่แม้แต่วันเกิด พ่อก็ไม่มาหา อ้างว่าป่วย (แต่มารู้ที่หลังว่าไม่ได้ป่วย) และคิดถึงตัวเองก่อนอยู่หลายหนให้ได้เสียใจ เขามีเงินซ่อมเกมเอ็กซบ็อกซ์แต่ไม่มีให้ลูกก็เคยมาแล้ว อ้อ ที่บอกว่าต้องมาหา เพราะตอนแรกเขาอาศัยอยู่ใกล้ๆบ้านดิฉันค่ะ ต่อมา งานการทำที่ไหนก็ไม่ยืด เลยไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ได้เจอกันกับลูก ประมาณเดือนละครั้ง หรือนานกว่านั้น

ขอโทษที่ยาวมากนะคะ เข้าสู่คำถามแล้วค่ะ เดือนตุลาคมนี้ แม่และพี่สาวของสามีเก่าดิฉันจะมาเยี่ยม สามีเก่าต้องการพาลูกไปเที่ยวด้วย 2 อาทิตย์ ดิฉันไม่ขัดข้องเพราะเห็นใจที่พี่สาวสามีเก่าเป็นมะเร็งกระดูกขั้นสุดท้าย ต้องนั่งวีลแชร์ อาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่หลังๆมาเขาพูดจาแปลกๆ เริ่มตำหนิดิฉันอย่างรุนแรงเรื่องที่ลูกไม่พูดภาษาอังกฤษ (ดิฉันคิดว่าสอนไปทีละนิด เพราะลูกยังต่อต้านอยู่ ถ้าพูดอังกฤษด้วยตลอดจะร้องไห้ ทำให้ดิฉันไม่อยากฝืนใจ จึงสอนคำศัพท์ให้ก่อน สามีเก่าต้องการให้พูดภาษาอังกฤษกับลูกตลอดเวลา) และล่าสุด ถามหาเอกสารใบหย่า และใบเกิดของลูก เมื่อดิฉันถามว่าทำไม ก็บ่ายเบี่ยง และโกหกว่าจะเอาไปของวีซ่า NON O แต่ตัวเขาได้บอกมาว่าทางโรงเรียนได้ทำ work permit ให้แล้ว อยุ่ได้ 1 ปี  ล่าสุด เขาบอกมาแล้วว่าจะเอาไปทำพาสปอร์ตให้ลูก ดิฉันจึงนิ่งๆ ไม่กระโตกกระตาก และขอไปเยี่ยมลูกระหว่างที่แม่และพี่สาวมาเยี่ยมบ้าง เขาไม่ยอมค่ะ ดิฉันจึงสงสัยมากว่าแค่ดิฉันจะเจอลูกบ้างตอนที่เธอต้องไปอยู่กับย่าและพ่อที่กรุงเทพฯจะเป้นเรื่องเสียหายตรงไหน เขาก็ตอบแต่ว่า ไม่ให้ไป

ตอนนี้ไม่มีความคิดจะให้เอกสารเหล่านั้นกับสามีเก่าเลย เพราะตัวเขาก็เคยพูดว่าอยากให้ลูกไปอยู่กับญาติที่อังกฤษ ขอโทษเถอะค่ะ ตัวแม่สามีเคยบอกกับดิฉันว่า เมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยคนว่างงาน สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมจนสามีเก่าเป็นโรคหอบหืด และขออย่าให้มาอาศัยเด็ดขาด เพราะอย่างไรก็ต้องมาอยู่ที่บ้านแม่ ซึ่งเขาเองจะมารับผิดชอบหมดไม่ได้ และที่สำคัญสามีเก่าเคยเล่าให้ฟังมานานแล้วว่าเคยถูกญาติล่วงละเมิด แล้วอย่างนี้จะให้ดิฉันรับกับความคิดเขาได้อย่างไร

ตอนหย่ากันนั้นสามีเก่าคิดว่าเขามีสิทธิ์เลี้ยงดูด้วยด้วยความที่ไม่รู้กฎหมายไทยคิดว่า 50-50  ลูกอยู่กับดิฉันมาตลอด นายทะเบียนพยายามอธิบายให้เข้าใจแล้ว แต่เขาก็ยังคิดว่าเราแชร์สิทธิ์เลี้ยงดูกันอยู่ ลูกอายุ เพียง 4 ปี ถ้าเขาพาลูกไปทำพาสปอร์ตแล้วบินกลับอังกฤษไป จะทำได้ไหมคะ เด็กจะต้องได้รับคำยินยอมจากแม่ก่อนขึ้นเครื่องหรือไม่ ถ้าเขาแอบพาไปได้จริงๆ เราจะดำเนินคดีกับเขาเพื่อเอาลูกกลับมาได้อย่างไร  สิทธิ์การเลี้ยงดูในใบหย่าอยู่ที่ดิฉัน ตามกฎหมายไทยค่ะ

ทุกข์ใจมากๆค่ะ ดิฉันคิดว่าจะโทรไปสอบถามแม่ของสามีเก่าให้แน่ชัด และถ้าไม่ชอบมาพากล ดิฉันคิดว่าจะพาลูกหนีไปอยู่ที่อื่นเลย เพราะดิฉันทนไม่ได้แน่นอนถ้าได้อยุ่ห่างจากลูก แค่ลุกจะต้องไปเที่ยวกับครอบครัวสามีดิฉันก็ทำใจยากแล้วค่ะ ลุกไม่เคยห่างแม่นานๆสักครั้ง


ขอบคุณที่อดทนอ่านนะคะ ขอความกรุณาชี้แนะด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่