กองทุนรวมสามารถแบ่งตามประเภทของการขายคืนหน่วยลงทุน ได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. กองทุนเปิด (Opened - End Fund) คือ กองทุนรวมที่สามารถขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมและต่อเนื่องได้หลังจากที่มีการเสนอขายหน่วยลงทุนในครั้งแรกไปแล้ว รวมถึงสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากนักลงทุนเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา กองทุนประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะสามารถซื้อขายได้ง่ายและสะดวก และมีสภาพคล่องสูงกว่ากองทุนปิด
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะยังไม่ทราบว่าราคาซื้อขายหน่วยลงทุนจะเป็นเท่าไรในทันที ณ เวลาที่ทำรายการสั่งซื้อขายนั้น เนื่องจากต้องคอยจนกว่าจะมีการคำนวณ NAV (Net Asset Value: NAV) ต่อหน่วยของกองทุน ณ สิ้นวันทำการเสียก่อน
2. กองทุนปิด (Closed - End Fund) คือ กองทุนรวมชนิดที่ บลจ. ไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยจะมีการกำหนดอายุโครงการอย่างชัดเจนแน่นอน และเปิดให้มีการจองซื้อหน่วยลงทุนเพียงครั้งเดียวเมื่อเริ่มต้นโครงการหลังจากนั้นก็จะไม่มีการออกขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทำให้จำนวนของหน่วยลงทุนของกองทุนคงที่ ไม่มีการเพิ่มขึ้น หรือลดลง สามารถขายคืนเมื่อครบกำหนดอายุโครงการเท่านั้น(ราคาที่ บลจ. รับซื้อคืนหน่วยลงทุนจะมีมูลค่าเท่ากับ NAV ต่อหน่วย เมื่อครบกำหนดอายุโครงการแล้ว)
ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในกองทุนปิด นักลงทุนควรคิดพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าระยะเวลาการลงทุนในกองทุนนั้นมีความสอดคล้อง และเหมาะสมกับระยะเวลาที่ตนเองต้องการใช้เงินในอนาคตหรือไม่ เพราะการลงทุนในกองทุนปิดถือเป็นการลงทุนในระยะยาว และมีสภาพคล่องในการซื้อขายน้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายให้แก่นักลงทุน ทาง บลจ. สามารถนำหน่วยลงทุนของกองทุนปิดที่ตนเป็นผู้บริหารไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรอง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ แต่จะต้องมีการเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) ก่อน จึงจะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้
ดังนั้นก่อนลงทุนในกองทุนรวมประเภทไหนต้องศึกษาและวางแผนให้ดีก่อนนะคะ ไม่เช่นนั้นอาจได้รับบทเรียนแบบเม่าก็ได้
ติดตามตอนเก่าๆ ได้ที่บล็อก
http://www.maoinvestor.com
เนื่องจากปีนี้ส่งบล็อกเข้าร่วมประกวดในงาน Thailand Blog Award 2013 ค่ะ จึงอยากรบกวนเพื่อนๆ ช่วยโหวตให้หน่อยนะคะ เผื่อจะได้ลุ้นรางวัลกับเขาบ้าง ^^
โหวตได้ตามลิงก์นี้เลยค่า
http://www.thailandblogawards.com/entry/view/341
ขอบคุณทุกท่านจ้า
สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กองทุนเปิด VS กองทุนปิด
1. กองทุนเปิด (Opened - End Fund) คือ กองทุนรวมที่สามารถขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมและต่อเนื่องได้หลังจากที่มีการเสนอขายหน่วยลงทุนในครั้งแรกไปแล้ว รวมถึงสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากนักลงทุนเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา กองทุนประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะสามารถซื้อขายได้ง่ายและสะดวก และมีสภาพคล่องสูงกว่ากองทุนปิด
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะยังไม่ทราบว่าราคาซื้อขายหน่วยลงทุนจะเป็นเท่าไรในทันที ณ เวลาที่ทำรายการสั่งซื้อขายนั้น เนื่องจากต้องคอยจนกว่าจะมีการคำนวณ NAV (Net Asset Value: NAV) ต่อหน่วยของกองทุน ณ สิ้นวันทำการเสียก่อน
2. กองทุนปิด (Closed - End Fund) คือ กองทุนรวมชนิดที่ บลจ. ไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยจะมีการกำหนดอายุโครงการอย่างชัดเจนแน่นอน และเปิดให้มีการจองซื้อหน่วยลงทุนเพียงครั้งเดียวเมื่อเริ่มต้นโครงการหลังจากนั้นก็จะไม่มีการออกขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทำให้จำนวนของหน่วยลงทุนของกองทุนคงที่ ไม่มีการเพิ่มขึ้น หรือลดลง สามารถขายคืนเมื่อครบกำหนดอายุโครงการเท่านั้น(ราคาที่ บลจ. รับซื้อคืนหน่วยลงทุนจะมีมูลค่าเท่ากับ NAV ต่อหน่วย เมื่อครบกำหนดอายุโครงการแล้ว)
ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในกองทุนปิด นักลงทุนควรคิดพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าระยะเวลาการลงทุนในกองทุนนั้นมีความสอดคล้อง และเหมาะสมกับระยะเวลาที่ตนเองต้องการใช้เงินในอนาคตหรือไม่ เพราะการลงทุนในกองทุนปิดถือเป็นการลงทุนในระยะยาว และมีสภาพคล่องในการซื้อขายน้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายให้แก่นักลงทุน ทาง บลจ. สามารถนำหน่วยลงทุนของกองทุนปิดที่ตนเป็นผู้บริหารไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรอง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ แต่จะต้องมีการเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) ก่อน จึงจะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้
ดังนั้นก่อนลงทุนในกองทุนรวมประเภทไหนต้องศึกษาและวางแผนให้ดีก่อนนะคะ ไม่เช่นนั้นอาจได้รับบทเรียนแบบเม่าก็ได้
ติดตามตอนเก่าๆ ได้ที่บล็อก
http://www.maoinvestor.com
เนื่องจากปีนี้ส่งบล็อกเข้าร่วมประกวดในงาน Thailand Blog Award 2013 ค่ะ จึงอยากรบกวนเพื่อนๆ ช่วยโหวตให้หน่อยนะคะ เผื่อจะได้ลุ้นรางวัลกับเขาบ้าง ^^
โหวตได้ตามลิงก์นี้เลยค่า http://www.thailandblogawards.com/entry/view/341
ขอบคุณทุกท่านจ้า