ระบบเทรด (trading system) : บทที่ 4 : ศัตรูของระบบเทรด คือจิตใจของคุณเอง
ผมเคยมา share ให้เพื่อนๆ ใน fan page ในยุคเริ่มต้นของ page ไปครั้งนึงครับว่า การเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้น มี key of success อยู่ 3 ข้อ
1. ความรู้
2. ประสบการณ์
3. จิตใจ
ซึ่งเพื่อนๆส่วนใหญ่บ่นกันเป็นเสียงเดียวเลยครับว่า เรื่องของจิตใจนั้นควบคุมยากกันสุดสุด และ จิตใจ/ความรู้สึก ของตัวเรานั่นเองที่เป็นศัตรูตัวฉกาจในการเทรดหุ้น
แล้วทำไมจิตใจของเราเองจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเป็นผู้แพ้ในตลาดหุ้น??
ก็เพราะว่าจิตใจ ของเราเมื่ออยู่ในตลาดหุ้น จะอยู่ใน 2 ภาวะ คือ ความกล้า และ ความกลัว โดยความกล้าและความกลัว จะทำให้เราตัดสินใจ ซื้อ-ขาย หุ้น ในแต่ละครั้งด้วยเหตุผลหรือระบบการคิดที่ไม่เหมือนกัน ในแต่ละครั้ง (The Instability of the Mind) การศึกษาค้นคว้า ฝึกฝน ทดลอง ที่พยายามมาอย่างมากมาย ก็ไม่มีความหมาย เพราะผลสุดท้ายเราก็จะตัดสินใจ ตามอารมณ์ของตัวเองอยู่ดี
ok ครับคราวนี้เรามาดูตัวอย่างของปัจจัยที่ทำให้เราเกิดอารมณ์ กล้า และ กลัว กันครับ
1. ข่าว : ข่าวจะสร้างอารมณ์ความรู้สึก และเล่นกับจิตใจของเราได้มากเหลือเกิน โดยการเล่นหุ้นตามข่าวนั้นมีแต่เสียกับเสียครับ เพราะข่าวนั้นเกิดจากความจงใจที่จะชักจูง ให้คนคิดตัดสินใจเหมือนๆกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รายใหญ่คาดหวังไว้ครับ
2. "เค้าบอกมาว่า" : ซึ่งเค้าคนนั้นคือใครก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือ เค้าคนนั้นไม่หวังดีกับคุณแน่ๆ ใครกันหนอจะเอาเงินมาแจกให้เราใช้ฟรีๆ มากมายขนาดนั้นกันครับ
3. ความหวัง : จากที่ผมได้ตั้งคำถามเพื่อนๆ ใน fan page ไปว่า เพื่อนๆคาดหวังการทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยเฉลี่ยปีละเท่าไหร่ นั่นแหละครับ คำตอบของเพื่อนๆ หลายคนเป็น mindset ที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก การตั้งความหวังมากเกินไป จะเป็นปัจจัยกดดันทำให้ใจเราไม่นิ่ง ทำให้เราตัดสินใจตามอารมณ์ พวกเซียนๆ ที่โม้กันว่าทำกำไรปีนึงได้หลายเด้ง จะจริงหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าในระยาว พวกเค้าเหล่านี้จะขาดทุนหนัก และต้องออกจากตลาดไป อีกเหตุผลนึงคือ ถ้าเกิดมีคนที่รู้ช่องโหว่ของตลาด (Market Cracker) แล้วทำกำไรได้มากมายมหาศาลจากช่องโหว่เหล่านั้น แน่นอนว่าพวกเค้าเหล่านั้น จะไม่เปิดเผยตัวตนออกมาแน่ๆ พวกเค้าจะเก็บตัวอยู่ในมุมมืดและเงียบที่สุดของตลาด และนั่งนับเงินอย่างสบายใจ และแน่นอนที่สุดพวกเราจะไม่มีวันรู้จักตัวตนหรือวิธีเทรดของเค้าอย่างแน่นอนครับ
บทความนี้อาจไม่ได้มีเนื้อหาที่เข้มข้นซักเท่าไหร่ แต่บทนี้มีความสำคัญมากๆ สำหรับการเทรดหุ้น เพราะการเทรดหุ้นที่จะทำให้เราได้รับ กระแสเงินสดเข้ามาเรื่อยๆ และสร้างกำไรจากตลาดไปได้นานๆ นั้น สำคัญที่สุดก็คือ mindset ที่ถูกต้อง นั่นเองครับ
ผ่านมาแล้วนะครับ 4 บท + 1 บทนำ จนถึงจุดนี้เพื่อนๆ คงจะตัดสินใจได้แล้วว่าคุณเชื่อมั่นที่จะเล่นหุ้นด้วยแนวทาง การเทรดหุ้นแบบเป็นระบบ
หรือไม่?
ถ้าเพื่อนๆ ยังอ่านข่าว เชื่อข่าว ยังเชื่อพรายกระซิบ เชื่อกูรูเชียร์หุ้นกันอยู่ เพื่อนๆอาจจะยังไม่เหมาะกับแนวทางการเทรดแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าผมเหมารวมว่าการเทรดแบบอื่น จะไม่ชนะ หรือ ไม่รวย นะครับ แต่เป็นเพราะผมมีความเชื่อมั่นในแนวทางนี้ และผมอยากที่จะให้เพื่อนๆ เทรดหุ้นกันแบบมีความสุข ทำกำไรกันได้แบบพอเพียง ไม่มากมายมหาศาล แต่ก็สามารถ ชนะผลตอบแทนของตลาดได้ ชีวิตจะได้มีเวลาทำงานหลัก ดูแลครอบครัว
มีเวลาหาความสุข ไม่ต้องจมปรักอยู่กับความวิตกกังวลในตลาดหุ้น ผมหวังอย่างยิ่งครับว่า ผมจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้ อัตราส่วน กำไร/ขาดทุน ระหว่าง รายใหญ่/รายย่อย นั้นมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงหรือยุติธรรมมากขึ้น
จากนี้ไป ในบทที่ 5 ผมจะซอยออกเป็นบทย่อย เพื่อเล่าถึงเครื่องมือทาง technical ไปเรื่อยๆ ทีละตัว อย่าลืมติดตามกันนะครับ
หมายเหตุ ถ้าถูกใจ ช่วย กด like , comment ให้กำลังใจ , กด + ที่กระทู้ pantip และ
สามารถ share บทความได้เลยครับ (ขอสงวนสิทธิ์ในการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ และ รบกวน
credit กับมาที่ page หุ้นกากกาก ด้วยครับ)
http://www.facebook.com/hoonkakkak
อ่านย้อนหลัง
บทนำ
http://ppantip.com/topic/30948573
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/30952547
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/30978615
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/31012301
ระบบเทรด (trading system) : บทที่ 4 : ศัตรูของระบบเทรด คือจิตใจของคุณเอง
ผมเคยมา share ให้เพื่อนๆ ใน fan page ในยุคเริ่มต้นของ page ไปครั้งนึงครับว่า การเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้น มี key of success อยู่ 3 ข้อ
1. ความรู้
2. ประสบการณ์
3. จิตใจ
ซึ่งเพื่อนๆส่วนใหญ่บ่นกันเป็นเสียงเดียวเลยครับว่า เรื่องของจิตใจนั้นควบคุมยากกันสุดสุด และ จิตใจ/ความรู้สึก ของตัวเรานั่นเองที่เป็นศัตรูตัวฉกาจในการเทรดหุ้น
แล้วทำไมจิตใจของเราเองจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเป็นผู้แพ้ในตลาดหุ้น??
ก็เพราะว่าจิตใจ ของเราเมื่ออยู่ในตลาดหุ้น จะอยู่ใน 2 ภาวะ คือ ความกล้า และ ความกลัว โดยความกล้าและความกลัว จะทำให้เราตัดสินใจ ซื้อ-ขาย หุ้น ในแต่ละครั้งด้วยเหตุผลหรือระบบการคิดที่ไม่เหมือนกัน ในแต่ละครั้ง (The Instability of the Mind) การศึกษาค้นคว้า ฝึกฝน ทดลอง ที่พยายามมาอย่างมากมาย ก็ไม่มีความหมาย เพราะผลสุดท้ายเราก็จะตัดสินใจ ตามอารมณ์ของตัวเองอยู่ดี
ok ครับคราวนี้เรามาดูตัวอย่างของปัจจัยที่ทำให้เราเกิดอารมณ์ กล้า และ กลัว กันครับ
1. ข่าว : ข่าวจะสร้างอารมณ์ความรู้สึก และเล่นกับจิตใจของเราได้มากเหลือเกิน โดยการเล่นหุ้นตามข่าวนั้นมีแต่เสียกับเสียครับ เพราะข่าวนั้นเกิดจากความจงใจที่จะชักจูง ให้คนคิดตัดสินใจเหมือนๆกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รายใหญ่คาดหวังไว้ครับ
2. "เค้าบอกมาว่า" : ซึ่งเค้าคนนั้นคือใครก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือ เค้าคนนั้นไม่หวังดีกับคุณแน่ๆ ใครกันหนอจะเอาเงินมาแจกให้เราใช้ฟรีๆ มากมายขนาดนั้นกันครับ
3. ความหวัง : จากที่ผมได้ตั้งคำถามเพื่อนๆ ใน fan page ไปว่า เพื่อนๆคาดหวังการทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยเฉลี่ยปีละเท่าไหร่ นั่นแหละครับ คำตอบของเพื่อนๆ หลายคนเป็น mindset ที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก การตั้งความหวังมากเกินไป จะเป็นปัจจัยกดดันทำให้ใจเราไม่นิ่ง ทำให้เราตัดสินใจตามอารมณ์ พวกเซียนๆ ที่โม้กันว่าทำกำไรปีนึงได้หลายเด้ง จะจริงหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าในระยาว พวกเค้าเหล่านี้จะขาดทุนหนัก และต้องออกจากตลาดไป อีกเหตุผลนึงคือ ถ้าเกิดมีคนที่รู้ช่องโหว่ของตลาด (Market Cracker) แล้วทำกำไรได้มากมายมหาศาลจากช่องโหว่เหล่านั้น แน่นอนว่าพวกเค้าเหล่านั้น จะไม่เปิดเผยตัวตนออกมาแน่ๆ พวกเค้าจะเก็บตัวอยู่ในมุมมืดและเงียบที่สุดของตลาด และนั่งนับเงินอย่างสบายใจ และแน่นอนที่สุดพวกเราจะไม่มีวันรู้จักตัวตนหรือวิธีเทรดของเค้าอย่างแน่นอนครับ
บทความนี้อาจไม่ได้มีเนื้อหาที่เข้มข้นซักเท่าไหร่ แต่บทนี้มีความสำคัญมากๆ สำหรับการเทรดหุ้น เพราะการเทรดหุ้นที่จะทำให้เราได้รับ กระแสเงินสดเข้ามาเรื่อยๆ และสร้างกำไรจากตลาดไปได้นานๆ นั้น สำคัญที่สุดก็คือ mindset ที่ถูกต้อง นั่นเองครับ
ผ่านมาแล้วนะครับ 4 บท + 1 บทนำ จนถึงจุดนี้เพื่อนๆ คงจะตัดสินใจได้แล้วว่าคุณเชื่อมั่นที่จะเล่นหุ้นด้วยแนวทาง การเทรดหุ้นแบบเป็นระบบ
หรือไม่?
ถ้าเพื่อนๆ ยังอ่านข่าว เชื่อข่าว ยังเชื่อพรายกระซิบ เชื่อกูรูเชียร์หุ้นกันอยู่ เพื่อนๆอาจจะยังไม่เหมาะกับแนวทางการเทรดแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าผมเหมารวมว่าการเทรดแบบอื่น จะไม่ชนะ หรือ ไม่รวย นะครับ แต่เป็นเพราะผมมีความเชื่อมั่นในแนวทางนี้ และผมอยากที่จะให้เพื่อนๆ เทรดหุ้นกันแบบมีความสุข ทำกำไรกันได้แบบพอเพียง ไม่มากมายมหาศาล แต่ก็สามารถ ชนะผลตอบแทนของตลาดได้ ชีวิตจะได้มีเวลาทำงานหลัก ดูแลครอบครัว
มีเวลาหาความสุข ไม่ต้องจมปรักอยู่กับความวิตกกังวลในตลาดหุ้น ผมหวังอย่างยิ่งครับว่า ผมจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้ อัตราส่วน กำไร/ขาดทุน ระหว่าง รายใหญ่/รายย่อย นั้นมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงหรือยุติธรรมมากขึ้น
จากนี้ไป ในบทที่ 5 ผมจะซอยออกเป็นบทย่อย เพื่อเล่าถึงเครื่องมือทาง technical ไปเรื่อยๆ ทีละตัว อย่าลืมติดตามกันนะครับ
หมายเหตุ ถ้าถูกใจ ช่วย กด like , comment ให้กำลังใจ , กด + ที่กระทู้ pantip และ
สามารถ share บทความได้เลยครับ (ขอสงวนสิทธิ์ในการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ และ รบกวน
credit กับมาที่ page หุ้นกากกาก ด้วยครับ)
http://www.facebook.com/hoonkakkak
อ่านย้อนหลัง
บทนำ
http://ppantip.com/topic/30948573
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/30952547
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/30978615
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/31012301