Captiva อายุรถ 5 ปีครึ่ง      รถมีปัญหา อยู่ในศูนย์เชฟ  24 วัน  ทางศูนย์แจ้งมาคร่าวๆ ว่าค่าอะไหล่ประมาณ  75,000 ยังไม่รวมค่าแรง    
นี่มันราคาซ่อมปกติหรือเปล่าสำหรับรถที่ใช้งานมา 5 ปี

คืออยากถามความคิดเห็นครับ   ว่ามันเป็นราคาซ่อมปกติของ Captiva หรือเปล่าหลังจากการใช้งานมาเกิน  5 ปี    
ทางเราก็ไม่ได้ใช้งานสมบุกสมบัน  คนขับก็เป็นคนแก่วัยใกล้เกษียณอายุราชการสองคน ตา ยาย
(จริงๆแล้วขับก็แค่พ่อผมคนเดียว เพราะแม่ปกติจะไม่ขับ)    

การเดินทางปกติของพ่อกับแม่ก็แค่เดินทางเข้าตัวเมืองขอนแก่นบ้าง (บ้านห่างจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 80 กิโล)      
มีขับเข้ากรุงเทพบ้างเพื่อติดต่อราชการ เยี่ยมญาติ หรือ ส่งลูกๆที่สนามบิน      
เข้าศูนย์เชฟโรเลต ตามนัดตลอด  ช่างบอกอะไรก็ทำตาม  ไม่เคยซ่อมบำรุงที่อื่น  
การซ่อมบำรุงรถก็พูดได้เต็มากว่า เป็นผลงานของช่างศูนย์เชฟ 100%  


รถเริ่มมีปัญหาเมื่อมิถุนาปีที่แล้ว  พ่อกับแม่บอกว่าเห็นไฟเซนเซอร์ขึ้นที่หน้าปัด (อันนี้ผมก็ไม่รู้นะว่าเกี่ยวกับอะไร
เห็นแกบอกว่าเกี่ยวกับ  ABs หรือ มอเตอร์อะไรซักอย่าง)    ก็เลยเอารถเข้าศูนย์เชฟ  หลังจากนั้นสองวันก็รับรถ  
ตัวเซนเซอร์ก็ยังไม่ดับ  แต่ทางศูนย์เชฟบอกว่าไม่เป็นไรขับได้  
พ่อกับแม่ผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเพราะช่างเองยืนยันว่าขับได้

หลังจากนั้นประมาณ ไม่ถึงอาทิตย์ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ  ส่งพี่สาวกับหลานๆที่สนามบิน  
รถวิ่งถึงปากช่อง  เริ่มมีกลิ่นไหม้ใน้หองโดยสาร และควันเริ่มขึ้นขโมงในห้องโดยสาร    
ต้องจอดซ่อมที่ศูนย์โคราชสองวัน   โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร และไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรง


ซ่อมเสร็จไฟเซ็นเซอร์ก็เตือนอยู่   ช่างก็ยังบอกว่าขับได้  ก็ยังขับเรื่อยมาเข้าศูนย์เชคตามนัดตลอด    
แต่ไฟก็ไม่เคยดับ จนถึงเมื่อกลางๆปีนี้  พ่อกับแม่เห็นว่ารถมัน ผิดปกติจากแต่ก่อนมาก
ก็ไม่กล้าใช้รถเดินทางไกลใช้รถคันอื่นแทน  

พอดีผมเองก็เพิ่งรู้เรื่องและคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้จริงๆจังๆ ก็เลยบอกไปว่าจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้  
ซ่อมแล้วก็ต้องหาย ไม่ใช่ซ่อมมาแล้วก็มามีปัญหาแบบนี้ ไม่เอาแล้วนะ   ต้องบอกกับช่างที่ซ่อมให้ชัดเจน
คือ พ่อแม่ผม ตามประสาคนแก่ เค้าว่าอะไรก็ว่าตาม ไม่มีปากมีเสียง  

พอดีพี่สาวกลับไทยช่วง ต้นเดือนกันยาที่ผ่านมา ก็เลยให้พี่สาวเอารถเข้าศูนย์   และกำชับพี่สาวให้พูดกับช่างชัดเจน
เรื่องซ่อมให้หาย  แล้วก็ถามว่าปัญหามันเกิดจากอะไร   ทำไมมันมีปัญหามาเรื้อรังอย่างนี้ ทำไมไฟเตือนไม่ดับซักที  
แล้วจะให้พ่อแม่ผมใช้รถในขณะที่ไฟเตือนยังเตือนอยู่อย่างนี้เหรอ  ฉันยอมไม่ได้นะ

แล้วก็กำชับให้พูดเสียงแข็งว่า ซ่อมครั้งนี้ต้องหาย เพราะมันคือความปลอดภัยในชีวิตของพ่อกับแม่ผม

ครั้งนี้ส่งรถเข้าศูนย์เชฟที่ชุมแพซึ่งใกล้บ้านมากกว่าและเล็กกว่า  ลูกค้าไม่เยอะมาก น่าจะคุยกับช่างได้มากกว่า  
ไม่ได้ทำที่ขอนแก่นแล้ว เพราะเริ่มรู้สึกไม่พอใจในบริการและคุณภาพของการให้บริการที่ศูนย์เชฟขอนแก่น
พวกผมส่งรถเข้าศูนย์วันที่  5 กันยา    ผมเองก็คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน แต่สุดท้ายช่างก็โทรมาบอกว่ารถมีปัญหาเยอะ
ต้องเปลี่ยนนั้นเปลี่ยนนี่   ต้องเข้าไปดูรถและเข้าไปคุยกับช่าง เค้าอยากอธิบายให้ฟัง


พอดีผมเองก็กลับบ้านช่วงวันที่ 10 กันยาประมาณวันที่ 12 ก็เข้าไปดูรถกับพี่สาว พี่ชาย แล้วก็ฟังเค้าอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น
พอถึงที่ศูนย์ อย่างแรกช่างที่ชุมแพก็บอกก่อนเลยว่า  

"ผมไม่รู้นะว่า รถไปทำมาที่ไหนบ้างแต่สภาพรถ ค่อนข้างมีปัญหา  เริ่มจากหัวน๊อตสองหัว ตรงหม้อน้ำ หรือ น้ำมันเครื่อง ถูกขัน จนขาด    น้ำมันเครื่องดำมาก  เพลาเบี้ยว   จะต้องเปลี่ยนเพลา  ท่อดีเสีย อันนี้ผมก็ม่แน่ใจว่าคืออะไร    ปั๊มเสีย"  
เหมือนทางช่างจะคิดว่าพ่อกับแม่ผมทำที่อู่ข้างนอกที่ถูกกว่า แล้วอยากจะโทษช่างที่อื่นว่าทำมาไม่ดี ไม่มีคุณภาพ

ทั้งที่จริงแล้วรถคันนี้ไม่เคยเข้าศูนย์บำรุงรักษาที่อื่น นอกจากศูนย์เชฟขอนแก่น  กับตอนที่รถเสียที่ปากช่องซึ่งต้องส่งศูนย์เชฟโคราช  
ถ้าจะโทษช่างที่ซ่อมบำรุงรถคันนี้มา   ช่างที่ทำน๊อตหัวขาด  แต่ไม่เคยแจ้งให้พ่อกับแม่ผมทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ช่างทิ่ปิดฝาน้ำมันเครื่องไม่สนิทจนน้ำมันรั่วออกมา   จนคนล้างรถบอกถึงจะรู้  ช่างที่ทำมาทั้งหมดเนี่ยเป็นช่างศูนย์เชฟทั้งนั้น


พอผมพูดอย่างนั้นช่างเค้าก็เงียบๆ แล้วก็ขอเชคประวัติรถก่อน  พอได้ประวัติมาก็ตามที่ผมบอกไว้ว่ามีประวัติการซ่อมบำรุงที่ขอนแก่น กับโคราชเท่านั่น    อะไหล่ที่พังตอนนี้ก็เพิ่งเปลี่ยนมาจากศูนย์ขอนแก่นเมื่อปี 54  ก็สงสัยนะว่าเกิดอะรขึ้นทำไมจะต้องเปลี่ยนอีกแล้ว
แต่ผมก็บอกช่างว่า ถ้าจะต้องเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนขอแค่ให้หาย  ตีราคามาว่าประมาณเท่าไหร่อยากรู้คร่าวๆเค้าก็บอกประมาณสองหมื่นนิดๆ  แต่อาจจะต้องจ่ายเพิ่มถ้าปั๊มมีปัญหา    

ผมก็โอเค สองหมื่นนิดๆก็พอยอมรับได้    

ทางช่างก็บอกว่า ต้องสั่งอะไหล่จากศูนย์ใหญ่ก็น่าจะประมาณ หนึ่งอาทิตย์รถน่าจะเสร็จ
ตัวผมเองก็เดินทางกลับต่างประเทศหลังจากนั้นไม่กี่วัน  แล้วก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพิ่มเติม
แต่จนแล้วจนรอดทางช่างเองก็โทรมาเลื่อนการรับรถกับทางพี่สาวซึ่งก็อยู่ในไทย ณ ตอนนั้น  แล้วก็รายงานเรื่องการซ่อม
ว่ามีปัญหาเพิ่มตรงปั๊มและระบบอื่นๆ  จะต้องเปลี่ยนใหม่ ค่าซ่อมน่าจะเพิ่มเป็น 5 หมื่น


การซ่อมก็มีทีมช่างจากขอนแก่น (ที่พวกผมไม่ชอบสักเท่าไหร่)   มาช่วย  แล้วต้องโทรปรึกษากับวิศกรของเชฟเพราะลองซ่อมแล้ว
มันซ่อมไม่ได้  เพราะตอนเปลี่ยนอะไหล่ และซ่อม   รถมันล๊อคตัวเองอัตโนมัติ  
เค้าก็บอกว่ามันเป็นเคสแรก  เค้าไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้ต้องใช้เวลา    
ทางพี่สาวผมก็พูดเหมือนเดิมว่า   ให้ซ่อมให้หายเพราะถ้าไม่หายจะเอารถไปทำอะไร  
ใครจะกล้าขับถ้าไม่มันใจเรื่องความปลอดภัย  

ต่อ....