http://www.thairath.co.th/column/sport/worldsoccer/121459
ในส่วนของบอลถ้วยเอเชียก็ยังเป็นอะไรที่คาใจเมืองทองฯ เพราะปีนี้พวกเขาไม่สามารถเข้าชิงถ้วยเอเอฟซีคัพได้ตามเป้าที่วางไว้ ดังนั้นเชื่อว่าปีหน้าขุนพลกิเลนจะต้องมุ่งมั่นและทำทุกวิถีทาง ที่จะขยับตัวเองขึ้นไปผงาดเป็นแชมป์ในระดับทวีปให้สำเร็จ ซึ่งจะทำได้หรือไม่เป็นอะไรที่ชวนติดตามจริงๆ
.
.
.
แต่อนิจจา! กับเหตุการณ์ยกพวกตะลุม บอนกันของกองเชียร์ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ ไทย เอฟซี กับเจ้าถิ่น บางกอกกล๊าส ที่สนามลีโอ สเตเดียม จนเป็นเหตุให้แฟนบอลได้รับบาดเจ็บหัวร้างข้างแตก ข้าวของ ร้านค้า ทรัพย์สิน รอบสนามเสียหาย
มันเป็นอะไรที่ฉุดภาพลักษณ์ให้บอลไทยของเรา ที่กำลังจะเดินหน้าพัฒนาไปด้วยดีตกต่ำลงไปอีก โดยเฉพาะเหล่ากองเชียร์อันธพาลของท่าเรือ ผมว่าพวกท่านเข้าข่าย "โรคจิต" แล้วล่ะครับ
ไม่รู้เป็นเพราะเสพติดความรุนแรงจากการมีเรื่องต่อยตีจนชินหรือเปล่า ถึงทำให้พวกคุณไม่มีสามัญสำนึก รู้สึกผิดชอบ ชั่วดี และก่อเรื่องซ้ำซากลักษณะเดิมขึ้นมาอีก ทั้งที่กลิ่นอายความถ่อยในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก เมื่อต้นปี ยังไม่ทันจางหายจากความรู้สึกสาธารณชน
ถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าทางเอเอฟซีเขาจะประเมินบอลลีกไทยของเราอย่างไรแล้ว ในเมื่อคนทำทีมส่วนใหญ่ตั้งอกตั้งใจจะสร้างแต่สิ่งดีๆ
ขณะเดียวกัน ประดากองเชียร์นอกคอกบางกลุ่ม ก็เอาแต่ฉุดรั้ง สร้างความเสียหายให้วงการไม่หยุดหย่อน
คนพวกนี้ไม่ใช่แฟนบอลหรอกครับ
แต่เป็นพวกอันธพาล "กุ๊ย" ข้างถนน ที่มาแฝงตัวอยู่ในสังคมฟุตบอลของพวกเราต่างหาก!!!
บี บางปะกง
23 ตุลาคม 2553
โทษที ข้างบนก๊อปมาผิด ต้องอันนี้ครับ
http://www.thairath.co.th/column/sport/worldsoccer/372361
ยังคงตอกย้ำความเป็น “งู กับ เชือกกล้วย” ต่อไปไม่มีเปลี่ยนแปลง
กับการเจอกันของ 2 ยอดทีม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ขุนพล “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ไม่ว่าจะเจอกันในบอลถ้วยไหน รายการใด ก็มักเป็นแข้งเซราะกราวที่สมหวังอยู่ร่ำไป
ล่าสุดในเกมตัดเชือกฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ แข้งกิเลนก็อกหักชวดเข้าชิงอีกจนได้ หลังปราชัยให้กับมหาอำนาจลูกหนังแห่งดินแดนอีสานใต้ไปด้วยสกอร์ 0–1 ทำให้ฤดูกาลนี้มีเปอร์เซ็นต์สูงแล้วที่เอสซีจี เมืองทองฯ แชมป์ไร้พ่ายเมื่อฤดูกาลก่อน จะต้องจบซีซั่นโดยปราศจากถ้วยแชมป์
เพราะแม้จะยังมีโอกาสอยู่บ้างกับการลุ้นแชมป์โตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีกซึ่งถือเป็นความหวังหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ แต่ต้องยอมรับว่าคงเป็นเรื่อง “ยาก” ที่จะแซงจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะเหลือโปรแกรมอีก 5 เกมสุดท้าย กับการไล่ตามแชมป์เซราะกราวอยู่ 5 คะแนนนั้น ต้องบอกว่าโคตะระเหนื่อย...ครับทั่น!
ดังนั้นสาวกอุลตราเมืองทองทั้งหลายก็ควรจะทำใจไว้ล่วงหน้าได้เลยกับปีแห่งความว่างเปล่า
เพราะขนาดท่านประธานใหญ่ ระวิ โหล-ทอง ยังยกธงขาวยอมแพ้ และประกาศจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามกับทีมอีกแล้ว ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่และการตัดสินใจของ 3 บิ๊ก อย่าง พงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ วิลักษณ์ โหลทอง และ “เสี่ยเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ได้ตามสบาย
อาการ “เบื่อหน่าย” ของเจ้าสัวระวิในคราวนี้ ผมอ่านว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงทีมบริหารของทีมกิเลนผยองว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เอสซีจี เมืองทองฯ จะต้องยกเครื่อง สังคายนาทีมกันครั้งใหญ่หลังจบสิ้นฤดูกาล เรียกว่าถึงขั้น “ถ่ายเลือด” กันหมดทั้งตัวก็ต้องยอม หากต้องการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่คืนในปีหน้า
ก็เป็นอันว่าศึกลูกหนัง “น็อกเอาต์” เมืองไทย รายการมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2013 ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทะลุเข้าไปป้องกันแชมป์กับทีม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ไล่ถล่มชำระแค้นอินทรีเพื่อนตำรวจไปอย่างสะใจถึง 5-2 หลังจากก่อนหน้านี้แข้ง บีจีเคยฝันร้ายบุกไปโดนทีมโปลิศไล่ถลุงมาแล้ว 5 ลูกในบอลลีก
ฮีโร่ของชาวกระต่ายในแมตช์นี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย กอง–หน้าตัวเก่ง ที่ปีนี้ฟอร์มกลับมาเข้าฝักอีกครั้ง โดยยิงประตูสำคัญๆได้อย่างต่อเนื่อง และเกมนี้เจ้าตัวก็เป็นผู้เบิกร่อง 2 ประตูแรกให้กับบีจีเข้าไปชิง
ที่สำคัญดูเหมือนว่า “ลีซอ” จะถูกโฉลกกับสนามราชมังคลาฯเสียเหลือเกิน เพราะเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ก็เขานี่แหละ ที่เป็นผู้ซัลโวประตูชัยให้ทีมสิงห์ออลสตาร์ดับทีมดัง “ปิศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด 1–0 ที่สังเวียนแห่งนี้ ซึ่งใครที่เคยไปโห่เขาไว้จำได้หรือเปล่า!
ก็หวังว่า ในนัดชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย. ซึ่งกำหนดให้เตะกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย จะกลับมาเป็น “ซุปเปอร์ฮีโร่” พาทีมบางกอกกล๊าส เถลิงแชมป์แรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรให้จงได้!!!
บี บางปะกง
27 กันยายน 2556
*********************************
เพิ่มเติมข่าวด่วน! สดๆ ร้อนๆ สยามกาลียอมลงข่าวเมืองทองแล้วครับ
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100303_137.html
พิจารณาโทษทีม "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย ที่แฟนบอลก่อเหตุทำร้ายร่างกายแฟนบอล "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด นัดชิงฯ ถ้วย ก เมื่อ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา เลื่อนเป็น 4 มี.ค. 53 นี้ คาดแบนไม่ให้แฟนบอลเข้าชม ส่วนจะกี่นัดรอคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดอีกที
ความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาบทลงโทษกรณีแฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ก่อเหตุรุมทำร้ายแฟนบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด เกมชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย ก. ที่มี พล.ต.ท.วรพงศ์ ชิวปรีชา เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งแต่เดิมจะมีการเรียกประชุมกันวันที่ 3 มี.ค. แต่ปรากฏว่าได้เลื่อนการพิจารณาไปเป็นวันที่ 4 มี.ค.นี้แทน ในเวลา 14.00 น.
ซึ่ง "บิ๊กย้อย" พล.ต.ท.วรพงศ์ ชิวปรีชา เผยถึงการพิจารณาโทษว่า ได้ให้คณะกรรมการไปศึกษาข้อมูลกันแล้ว ก็คงจะได้ข้อสรุปออกมา โดยจะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาสรุปเป็นมติต่อไป ส่วนผลงการพิจารณาจะออกมาอย่างไร ส่วนตัวไม่ทราบจริงๆ ขอรอรับฟังในที่ประชุมอีกครั้ง เพียงแต่ให้คำมั่นว่าจะตัดสินอย่างยุติธรรมแน่นอน
ด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด มองในเรื่องนี้ว่า โทษอย่างเบาสุดน่าจะเป็นการห้ามแฟนบอลเข้าชมในช่วงแรก แต่จะแบนกี่นัดก็ว่ากันไป และคงจะมีการคาดโทษเอาไว้ ถ้ามีเรื่องซ้ำขึ้นมาอีกก็ต้องโดนโทษหนักขึ้น
03/03/2010 22:55:22
บี บางปะกง ออกมาพูดถึงเมืองทองแล้วครับ
ในส่วนของบอลถ้วยเอเชียก็ยังเป็นอะไรที่คาใจเมืองทองฯ เพราะปีนี้พวกเขาไม่สามารถเข้าชิงถ้วยเอเอฟซีคัพได้ตามเป้าที่วางไว้ ดังนั้นเชื่อว่าปีหน้าขุนพลกิเลนจะต้องมุ่งมั่นและทำทุกวิถีทาง ที่จะขยับตัวเองขึ้นไปผงาดเป็นแชมป์ในระดับทวีปให้สำเร็จ ซึ่งจะทำได้หรือไม่เป็นอะไรที่ชวนติดตามจริงๆ
.
.
.
แต่อนิจจา! กับเหตุการณ์ยกพวกตะลุม บอนกันของกองเชียร์ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ ไทย เอฟซี กับเจ้าถิ่น บางกอกกล๊าส ที่สนามลีโอ สเตเดียม จนเป็นเหตุให้แฟนบอลได้รับบาดเจ็บหัวร้างข้างแตก ข้าวของ ร้านค้า ทรัพย์สิน รอบสนามเสียหาย
มันเป็นอะไรที่ฉุดภาพลักษณ์ให้บอลไทยของเรา ที่กำลังจะเดินหน้าพัฒนาไปด้วยดีตกต่ำลงไปอีก โดยเฉพาะเหล่ากองเชียร์อันธพาลของท่าเรือ ผมว่าพวกท่านเข้าข่าย "โรคจิต" แล้วล่ะครับ
ไม่รู้เป็นเพราะเสพติดความรุนแรงจากการมีเรื่องต่อยตีจนชินหรือเปล่า ถึงทำให้พวกคุณไม่มีสามัญสำนึก รู้สึกผิดชอบ ชั่วดี และก่อเรื่องซ้ำซากลักษณะเดิมขึ้นมาอีก ทั้งที่กลิ่นอายความถ่อยในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก เมื่อต้นปี ยังไม่ทันจางหายจากความรู้สึกสาธารณชน
ถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าทางเอเอฟซีเขาจะประเมินบอลลีกไทยของเราอย่างไรแล้ว ในเมื่อคนทำทีมส่วนใหญ่ตั้งอกตั้งใจจะสร้างแต่สิ่งดีๆ
ขณะเดียวกัน ประดากองเชียร์นอกคอกบางกลุ่ม ก็เอาแต่ฉุดรั้ง สร้างความเสียหายให้วงการไม่หยุดหย่อน
คนพวกนี้ไม่ใช่แฟนบอลหรอกครับ
แต่เป็นพวกอันธพาล "กุ๊ย" ข้างถนน ที่มาแฝงตัวอยู่ในสังคมฟุตบอลของพวกเราต่างหาก!!!
บี บางปะกง
23 ตุลาคม 2553
โทษที ข้างบนก๊อปมาผิด ต้องอันนี้ครับ
http://www.thairath.co.th/column/sport/worldsoccer/372361
ยังคงตอกย้ำความเป็น “งู กับ เชือกกล้วย” ต่อไปไม่มีเปลี่ยนแปลง
กับการเจอกันของ 2 ยอดทีม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ขุนพล “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ไม่ว่าจะเจอกันในบอลถ้วยไหน รายการใด ก็มักเป็นแข้งเซราะกราวที่สมหวังอยู่ร่ำไป
ล่าสุดในเกมตัดเชือกฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ แข้งกิเลนก็อกหักชวดเข้าชิงอีกจนได้ หลังปราชัยให้กับมหาอำนาจลูกหนังแห่งดินแดนอีสานใต้ไปด้วยสกอร์ 0–1 ทำให้ฤดูกาลนี้มีเปอร์เซ็นต์สูงแล้วที่เอสซีจี เมืองทองฯ แชมป์ไร้พ่ายเมื่อฤดูกาลก่อน จะต้องจบซีซั่นโดยปราศจากถ้วยแชมป์
เพราะแม้จะยังมีโอกาสอยู่บ้างกับการลุ้นแชมป์โตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีกซึ่งถือเป็นความหวังหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ แต่ต้องยอมรับว่าคงเป็นเรื่อง “ยาก” ที่จะแซงจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะเหลือโปรแกรมอีก 5 เกมสุดท้าย กับการไล่ตามแชมป์เซราะกราวอยู่ 5 คะแนนนั้น ต้องบอกว่าโคตะระเหนื่อย...ครับทั่น!
ดังนั้นสาวกอุลตราเมืองทองทั้งหลายก็ควรจะทำใจไว้ล่วงหน้าได้เลยกับปีแห่งความว่างเปล่า
เพราะขนาดท่านประธานใหญ่ ระวิ โหล-ทอง ยังยกธงขาวยอมแพ้ และประกาศจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามกับทีมอีกแล้ว ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่และการตัดสินใจของ 3 บิ๊ก อย่าง พงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ วิลักษณ์ โหลทอง และ “เสี่ยเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ได้ตามสบาย
อาการ “เบื่อหน่าย” ของเจ้าสัวระวิในคราวนี้ ผมอ่านว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงทีมบริหารของทีมกิเลนผยองว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เอสซีจี เมืองทองฯ จะต้องยกเครื่อง สังคายนาทีมกันครั้งใหญ่หลังจบสิ้นฤดูกาล เรียกว่าถึงขั้น “ถ่ายเลือด” กันหมดทั้งตัวก็ต้องยอม หากต้องการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่คืนในปีหน้า
ก็เป็นอันว่าศึกลูกหนัง “น็อกเอาต์” เมืองไทย รายการมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2013 ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทะลุเข้าไปป้องกันแชมป์กับทีม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ไล่ถล่มชำระแค้นอินทรีเพื่อนตำรวจไปอย่างสะใจถึง 5-2 หลังจากก่อนหน้านี้แข้ง บีจีเคยฝันร้ายบุกไปโดนทีมโปลิศไล่ถลุงมาแล้ว 5 ลูกในบอลลีก
ฮีโร่ของชาวกระต่ายในแมตช์นี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย กอง–หน้าตัวเก่ง ที่ปีนี้ฟอร์มกลับมาเข้าฝักอีกครั้ง โดยยิงประตูสำคัญๆได้อย่างต่อเนื่อง และเกมนี้เจ้าตัวก็เป็นผู้เบิกร่อง 2 ประตูแรกให้กับบีจีเข้าไปชิง
ที่สำคัญดูเหมือนว่า “ลีซอ” จะถูกโฉลกกับสนามราชมังคลาฯเสียเหลือเกิน เพราะเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ก็เขานี่แหละ ที่เป็นผู้ซัลโวประตูชัยให้ทีมสิงห์ออลสตาร์ดับทีมดัง “ปิศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด 1–0 ที่สังเวียนแห่งนี้ ซึ่งใครที่เคยไปโห่เขาไว้จำได้หรือเปล่า!
ก็หวังว่า ในนัดชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย. ซึ่งกำหนดให้เตะกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย จะกลับมาเป็น “ซุปเปอร์ฮีโร่” พาทีมบางกอกกล๊าส เถลิงแชมป์แรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรให้จงได้!!!
บี บางปะกง
27 กันยายน 2556
*********************************
เพิ่มเติมข่าวด่วน! สดๆ ร้อนๆ สยามกาลียอมลงข่าวเมืองทองแล้วครับ
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100303_137.html
พิจารณาโทษทีม "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย ที่แฟนบอลก่อเหตุทำร้ายร่างกายแฟนบอล "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด นัดชิงฯ ถ้วย ก เมื่อ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา เลื่อนเป็น 4 มี.ค. 53 นี้ คาดแบนไม่ให้แฟนบอลเข้าชม ส่วนจะกี่นัดรอคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดอีกที
ความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาบทลงโทษกรณีแฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ก่อเหตุรุมทำร้ายแฟนบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด เกมชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย ก. ที่มี พล.ต.ท.วรพงศ์ ชิวปรีชา เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งแต่เดิมจะมีการเรียกประชุมกันวันที่ 3 มี.ค. แต่ปรากฏว่าได้เลื่อนการพิจารณาไปเป็นวันที่ 4 มี.ค.นี้แทน ในเวลา 14.00 น.
ซึ่ง "บิ๊กย้อย" พล.ต.ท.วรพงศ์ ชิวปรีชา เผยถึงการพิจารณาโทษว่า ได้ให้คณะกรรมการไปศึกษาข้อมูลกันแล้ว ก็คงจะได้ข้อสรุปออกมา โดยจะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาสรุปเป็นมติต่อไป ส่วนผลงการพิจารณาจะออกมาอย่างไร ส่วนตัวไม่ทราบจริงๆ ขอรอรับฟังในที่ประชุมอีกครั้ง เพียงแต่ให้คำมั่นว่าจะตัดสินอย่างยุติธรรมแน่นอน
ด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด มองในเรื่องนี้ว่า โทษอย่างเบาสุดน่าจะเป็นการห้ามแฟนบอลเข้าชมในช่วงแรก แต่จะแบนกี่นัดก็ว่ากันไป และคงจะมีการคาดโทษเอาไว้ ถ้ามีเรื่องซ้ำขึ้นมาอีกก็ต้องโดนโทษหนักขึ้น
03/03/2010 22:55:22