เป็นเคสที่ผมเจอกับตัวเองนานมาแล้ว แต่แล้ววันนี้รุ่นน้องที่ทำงานก็เจอเคสเดียวกันอีก ผมเลยออกมาเตือนครับ ผมจะเล่าเคสของผมแล้วกัน
เรื่องมันมีอยู่ว่า พอดีถุงเท้าที่ผมใส่มาทำงานคู่นี้มันขาดมีรูประมาณเหรียญ 10 อยู่ แล้วผมขับรถมาด้วยความเร็ว 120 โดยประมาณ
บนถนนพระราม 2 พอถึงแถวกระทุ่มแบนรถก็ติด เราก็จะไปเบลกตามปกติ แต่...ถุเท้าดันไปเกี่ยวกับคันแรง
ทำให้ไปเหยียบเบลกไม่ถึง ข้างหน้าก็จะชนอยู่แล้วเหลืออยู่ประมาณ 30 เมตร (30 เมตรของ 120 นี่ถือว่าใกล้นะ)
ผมตัดสินใจกระชากตรีนเสียงดังแควกถุงเท้าขาดคาตรีน กลับมาบนถนนกดเบลกจน ABS ทำงาน
เสียงดัง ครืดๆ ๆ ๆ ๆ เป็นจังหวะจับปล่อยๆ ๆ ระยะไม่ได้เบลกไม่อยู่แน่แท้ ผมตัดสินใจเห็นซ้ายว่าง
หักซ้ายทันที โดยที่ยังไม่ทันมองว่าข้างหลังซ้ายมีอะไรตามมาไหม จนรถหยุด โชคดีไปที่ไม่มีรถตามมา
งานนี้ต้องขาขอบคุณ ABS ถ้าไม่มีมันผมคงแถเอาข้างเข้าไปชนกับรถข้างหน้าแล้ว
ปล.ถ้าเพิ่งหัดขับรถให้ใส่รองเท้าหัดขับจนชินเป็นนิสัย(ผมนิสัยเสียแล้ว)
ปล2. ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมไม่เอาเท้าซ้ายเบลก คือตอนนั้นมันไม่มีเวลาคิดจริงๆ
ลอง Test ระบบ ABS ของรถท่าน ด้วยถุงเท้าเก่าๆ 1 คู่
เรื่องมันมีอยู่ว่า พอดีถุงเท้าที่ผมใส่มาทำงานคู่นี้มันขาดมีรูประมาณเหรียญ 10 อยู่ แล้วผมขับรถมาด้วยความเร็ว 120 โดยประมาณ
บนถนนพระราม 2 พอถึงแถวกระทุ่มแบนรถก็ติด เราก็จะไปเบลกตามปกติ แต่...ถุเท้าดันไปเกี่ยวกับคันแรง
ทำให้ไปเหยียบเบลกไม่ถึง ข้างหน้าก็จะชนอยู่แล้วเหลืออยู่ประมาณ 30 เมตร (30 เมตรของ 120 นี่ถือว่าใกล้นะ)
ผมตัดสินใจกระชากตรีนเสียงดังแควกถุงเท้าขาดคาตรีน กลับมาบนถนนกดเบลกจน ABS ทำงาน
เสียงดัง ครืดๆ ๆ ๆ ๆ เป็นจังหวะจับปล่อยๆ ๆ ระยะไม่ได้เบลกไม่อยู่แน่แท้ ผมตัดสินใจเห็นซ้ายว่าง
หักซ้ายทันที โดยที่ยังไม่ทันมองว่าข้างหลังซ้ายมีอะไรตามมาไหม จนรถหยุด โชคดีไปที่ไม่มีรถตามมา
งานนี้ต้องขาขอบคุณ ABS ถ้าไม่มีมันผมคงแถเอาข้างเข้าไปชนกับรถข้างหน้าแล้ว
ปล.ถ้าเพิ่งหัดขับรถให้ใส่รองเท้าหัดขับจนชินเป็นนิสัย(ผมนิสัยเสียแล้ว)
ปล2. ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมไม่เอาเท้าซ้ายเบลก คือตอนนั้นมันไม่มีเวลาคิดจริงๆ