* หวานลับเล่ห์ * ๖

กระทู้สนทนา
การหายตัวไปของ ‘ลูกกวาด’

คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘ลูกอม’ ต้องเข้าไปพัวพันกับภารกิจลับ

ที่จะเปลี่ยนคืนวันของเธอ...ให้หวานตลอดไป




    
    หลังจากฟังวิญญูอธิบาย ‘งานที่เธอจะต้องทำสำหรับภารกิจแรกของคืนนี้’ จบ มธุรสก็ได้แต่กลอกตาไปมาด้วยความหนักใจ สมองพลันตื้อคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆเพราะเนื้องานที่ฟังดูยากกว่างานใดๆที่เคยทำมา และเป็นงานที่เธอไม่เคยคิดจะทำมาก่อนอย่างการเป็นหัวขโมย!

    “มีคำถามอะไรหรือเปล่าครับ”

    วิญญูถามเสียงเรียบราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรผิดปกติ ในห้องประชุมขนาดเล็กของฝ่ายการตลาดบัดนี้เพียงเธอ…และเขาที่กำลังนั่งจ้องเธอเขม็ง มธุรสหลบสายตาคมคู่ดังกล่าวแล้วทบทวนสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง

    “เอาจริงเหรอคะ”

    “ทำไมจะไม่จริง” วิญญูถามกลับ

    “แต่บุกบ้านพีธวัชนี่มันไม่ต่างอะไรจากเอาเนื้อแหย่ปากเสือเลยนะคุณ”

    มธุรสถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าเพราะความกลัวตัวนายพีธวัชที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง ทว่ากลัวว่าแผนการจะล่มกลางคันเพราะโดนจับได้เสียก่อน

    “กลัวอะไร ผมถอดเขี้ยวเสือเตรียมไว้แล้ว”

    รอยยิ้มจางๆเหยียดตรงมุมปากวิญญูราวกับเขากำลังพอใจกับแผนการของตน เนื่องจากนิสัยส่วนตัวของนายพีธวัชที่ชอบพาผู้หญิงมาค้างที่บ้านแบบไม่ซ้ำหน้า วิญญูจึงใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนดังกล่าวด้วยการจ้างนางนกต่อให้ไปมอมเหล้าพีธวัชที่อาบอบนวดคืนนี้ ก่อนให้เธอใช้มารยาขอไปค้างที่บ้านด้วยเพื่อหลอกถามข้อมูลต่างๆ ตามมาด้วยการวางยาสลบเพื่อเปิดทางให้หัวขโมยจำเป็นอย่างมธุรสกับภนนท์เข้าไปในบ้านง่ายขึ้น

    ภาระหนักต่อมาจึงตกอยู่ที่ลูกกวาดตัวปลอมและพี่ชายผู้แสนดี เพราะเธอกับเขาจะต้องหาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของวรุตม์ให้เจอเพื่อลบข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของทาคาโอะในนั้นทิ้ง รวมถึงทำลายหลักฐานต่างๆไม่ว่าจะเป็นแผ่นซีดีหรือแฮนดี้ไดรฟ์ที่ฝั่งอิจิบังสวีตส์ขโมยไปจากทาคาโอะ อีกทั้งยังต้องดึงข้อมูลติดต่อของซัพพลายเออร์ทั้งหมดในญี่ปุ่นที่ค้าวัตถุดิบกับอิจิบังสวีตส์จากคอมพิวเตอร์ของพีธวัช

    ทั้งนี้ วิญญูได้บอกข้อมูลที่เขาหามาไว้ล่วงหน้าว่าพีธวัชเก็บหลักฐานการสั่งซื้อสารอันตรายสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารงวดปัจจุบันด้วย และก็เป็นหน้าที่ของมธุรสกับภนนท์อีกเช่นกันที่ต้องหาทางเอาหลักฐานดังกล่าวออกมาให้ได้

    แค่เธอ...กับภนนท์?

    หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะถามวิญญูที่มีสีหน้าจริงจัง นึกสงสัยนักว่าแล้วเขามีหน้าที่อะไรในภารกิจลับครั้งนี้กันแน่

    “แล้วหน้าที่อย่างอื่นในคืนนี้ของคุณล่ะคะ”

    “เข้าไปตัดไฟ แล้วก็กลับมานั่งอยู่ในรถ”

    น้ำเสียงราบเรียบทำเอามธุรสถึงกับเหวอ ก่อนจะสรุปในใจสั้นๆว่าเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษเสียเหลือเกิน แม้จะไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ใบหน้าเบ้ของมธุรสก็แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความคิดดังกล่าว

    “แต่ผมจะเป็นคนเข้าไปสับคัตเอาต์ไฟในบางห้องก่อนพวกคุณ แล้วกลับมาสแตนด์บายหน้าคอมที่รถ หน้าที่หลักผมคือฝ่ายไอที คอยคุมไม่ให้เกิดเหตุขัดข้องระหว่างทำภารกิจ”

    “แล้วคุณปล่อยให้ฉันที่เป็นผู้หญิงเข้าไปเนี่ยนะคะ” หญิงสาวว่าพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ปกติแล้วเธอไม่เคยเห็นด้วยกับการที่สตรีไม่มีสิทธิเท่าเทียมผู้ชาย ทว่าคราวนี้...ดูเหมือนว่าสิทธิของเธอจะเกินผู้ชายอย่างวิญญูไปมากทีเดียว

    “ผู้หญิงก็มีสิทธิเท่าผู้ชายไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง การที่คุณฝึกต่อยมวย เทควันโด้ คาราเต้ ผมว่าคุณบู๊เก่งกว่าผมอีก”

    ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มในยามนี้ไม่ได้เรียบเฉยอีกต่อไป เพราะว่าดวงตาคู่เรียวเริ่มติดประกายยียวนอยู่จางๆ มธุรสสะดุ้งน้อยๆเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะคุณสมบัติที่เขาร่ายมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่คุณสมบัติของกัญชรส แต่เป็นของเธอเอง!

    “ใครบอกคุณคะ”

    “ผมถามพี่นนท์มา”

    หญิงสาวกัดฟันกรอด จริงอยู่ที่เธอเคยไปฝึกต่อยมวย เทควันโด้ คาราเต้พร้อมฝาแฝด แต่กัญชรสไม่สามารถอดทนจนพ้นสายขาว ในขณะที่เธอกลับโปรดปรานกีฬาเหล่านั้นเป็นอย่างยิ่งจนได้เทควันโด้สายดำและคาราเต้สายฟ้า

    “แล้วเขาบอกอะไรเพิ่มเติมไหมคะ”    

    วิญญูส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วเปลี่ยนเรื่อง

    “คืนนี้คุณก็ออกมาพร้อมพี่นนท์ เจอกันที่หลังออฟฟิศตอนห้าทุ่ม แต่งตัวให้ทะมัดทะแมงด้วย และไม่ต้องห่วง ป้าผมบอกแล้วว่ามีประกันชีวิตให้อย่างแน่นอน แล้วก็อีกเรื่อง ถึงจะตื่นเต้นแค่ไหน แต่ไม่ต้องปลุกใจตัวเองด้วยเพลงบางระจัน...อย่าลืมปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย”

    คำกำชับตอนท้ายของวิญญูทำเอาหญิงชาวบ้านบางระจันทำหน้าไม่ถูก นับตั้งแต่วันที่เพลงบางระจันวันเพ็ญเล่นเธอเสียหนัก...เธอก็ไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ของตัวเองอีกเลยแม้จะอยู่บ้านก็ตามทีด้วยความระแวง

    “ผมจะเตรียมการให้พร้อมสำหรับมิชชั่นแรก อีกสักพักแล้วเดี๋ยวออกไปทำงานต่อ ถ้าใครมาหาผมบอกให้รอไปก่อน ยกเว้นคุณ...ถ้ามีเรื่องด่วนก็เข้ามาได้เลย”

    ทันทีที่จบคำสั่ง วิญญูก็หันกลับมามองหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของตนแล้วเริ่มพิมพ์อะไรต้อกแต้กอย่างไม่สนใจหญิงสาวอีกคนในห้องอีกต่อไป เมื่อมธุรสเห็นท่าทีที่ดูจริงจังเช่นนั้นก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรอยู่เพื่อรบกวนสมาธิของเขา จึงเดินออกมาจากห้องกลับมายังโต๊ะทำงานของตน แต่ยังไม่ทันจะได้หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ สรณ์สิริก็ชะโงกหน้ามาแล้วยิ้มกริ่มก่อนยิงคำถามอย่างรวดเร็ว

    “ฮั่นแน่ เมื่อกี๊บอสเรียกเข้าไปคุยอะไร”

    “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก” มธุรสตอบเสียงเนือยๆ ไม่ปรารถนาจะพูดอะไรมากนัก

    “แล้วเรียกเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวนี่...เธอได้เต๊าะบอสรึเปล่า

    จากรอยยิ้มกริ่มก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ มธุรสส่ายหน้า แอบรำคาญสรณ์สิริเล็กน้อยจากความอยากรู้อยากเห็นจนเกินงามของเธอ

    “เต๊าะอะไร ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นล่ะ มีแต่เรื่องงาน”

    “คุยแต่เรื่องงานแล้วจะได้เรื่องหัวใจเร้อ จะทำคะแนนก็รีบทำนะ เอาให้พวกยายเป๋เบ๊คุณน้ำหน้าหงายไปเลย”

    เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่สามเพิ่มเข้ามาใหม่ มธุรสก็ทวนชื่อนั้น

    “เป๋...”

    “ก็ยายเปมิกาไง”

    สรณ์สิริส่งเสียงฮึในลำคอแสดงประหลาดใจ มธุรสนิ่งไปพร้อมคิดถึงวันแรกที่เธอปลอมตัวเข้ามาทำงานที่นี่ ตอนนั้น...เธอยืนคุยอยู่กับวิญญูที่โต๊ะทำงานของเขา จู่ๆก็มีพนักงานที่เรียกแทนตัวเองว่าเปเดินเข้ามาเสนองานให้วิญญูพิจารณา มธุรสไม่เคยลืมสายตาที่หญิงสาวผู้นั้นมอบให้เธอ  สายตาที่ติดจะเขม่นและหมั่นไส้เธอ...แสดงให้มธุรสรู้ว่าเปมิกาเองก็คงเป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่ลงรอยกับกัญรสเช่นกัน

    แต่ยังไม่ทันที่มธุรสจะได้สอบถามอะไรต่อจากแหล่งข่าวชั้นยอดข้างตัว สรณ์สิริก็ดีดนิ้วเปาะแล้วเริ่มรายงานข่าวล่าสุดทันที

    “เอ้อ! ฉันเพิ่งได้ยินเรื่องเด็ดๆมา มีคนบอกว่าเมื่อคืนสองคืนก่อนเห็นคุณน้ำเน่าเดินอยู่แถวๆแหล่งอาบอบนวดด้วยล่ะ”

    “พูดจริงเปล่าเนี่ย” มธุรสยกคิ้วสูง

    “จริง ตอนนี้ในออฟฟิศเลยลือกันว่าเห็นเธอกลางวันสวยๆ แต่กลางคืนนี่ไซด์ไลน์นะจ๊ะ แถมจ้องจะกินคุณวินอีกทั้งๆที่แฟนตัวเองก็เพิ่งตาย อุ้ย ตายยากจัง ว่าแล้วก็มาเลย”

    สรณ์สิริรีบหันขวับไปยังงานตรงหน้าตัวเองเมื่อร่างสูงโปร่งประหนึ่งนางแบบของนีราใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มธุรสรีบก้มหน้าทำเป็นทำงานต่ออย่างขะมักเขม้น แต่ตาก็เหลือบมองนีราที่เดินผ่านโต๊ะเธอไป กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่หญิงสาวร่างโปร่งใช้ลอยมาแตะจมูกของมธุรสจนเธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าแล้วหันตามไปมองนีราตรงๆ แล้วพินิจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

    ท่าทางก็ดูดี...แต่ลอบทำงานไซด์ไลน์จริงหรือ

    หลังจากชั่งใจอยู่พักใหญ่ มธุรสเลือกที่จะยังไม่เชื่อข่าวลือดังกล่าว เพราะเธอเองยังรู้จักนีราไม่ดีพอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างนีราและวิญญูมากกว่าว่าเป็นเช่นไรกันแน่ และเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของกัญชรสหรือไม่

    ใบหน้าสวยสง่าชะเง้อซ้ายขวาหลังจากที่ไม่เห็นเจ้าของโต๊ะนั่งอยู่ ชัดเจนทีเดียวว่านีราต้องการมาหาวิญญู มธุรสยังคงนั่งจ้องอากัปกิริยาของหญิงสาวผู้มาเยือนอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นเองดวงตาคู่โตของนีราก็ตวัดมายังทิศทางที่ตนถูกจ้องอยู่ เธอถอนหายใจก่อนจะถามมธุรสด้วยเสียงห้วนๆ

    “วินอยู่ไหม”

    “อยู่ในห้องประชุมเล็กค่ะ”

    มธุรสตอบไปตรงๆ แม้จะมีหางเสียงว่าค่ะ แต่น้ำเสียงนั้นกลับห้วนไม่แพ้กัน

    “แปลกคน” นีราเสียงสูงขึ้น

    “แปลกยังไงคะ”

    “ปกติเธอจะต้องแกล้งถ่วงเวลาฉันไว้สักสิบนาทีอย่างน้อยถ้าวินเขาไม่อยู่ แต่คราวนี้กลับบอกพิกัดให้เฉยๆเลยเนี่ยนะ”

    ‘คนแปลก’ มุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างประหลาดใจไม่น้อย ประโยคดังกล่าวแสดงถึงมิตรภาพอันงดงามของเธอและนีราได้เป็นอย่างดีเธอดีดนิ้วเป๊าะแล้วยิ้มจางๆให้ ‘คู่อริของแฝดผู้พี่’ ทันที

    “อ้าว ปกติฉันทำอย่างนั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นคุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ค่ะ

    “อะไรของเธอ”

    “ก็ให้คุณยืนรอสิบนาทีตรงนี้ อย่าเพิ่งเข้าไป หรือจะนั่งรอก็ได้ จะได้ไม่เมื่อย เดี๋ยวฉันจับเวลาให้เองค่ะ”

    มธุรสผายมือไปยังเก้าอี้ว่างใกล้ๆกับโต๊ะทำงานของวิญญู แม้ตัวเธอเองจะไม่มีเรื่องบาดหมางกับนีราก็ตามที แต่ในเมื่อเธออยู่ในบทกัญชรส เธอเองก็จำเป็นต้องวางตัวไม่เป็นมิตรกับหญิงสาวผู้นี้

    ทันใดนั้น เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นตามจังหวะการเดินดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงหวานแหลมที่เรียกความสนใจของคนสองคนที่กำลังต่อรองกันอยู่

    “คุณน้ำ มาหาคุณวินเหรอคะ”

    เปมิกาหยุดลงตรงหน้านีรา แล้วทักทายคนตำแหน่งสูงกว่าด้วยน้ำเสียงที่มธุรสฟังแล้วรู้สึกว่าประจบประแจงเสียเหลือเกิน

    “ใช่” นีราเหลือบมองเปมิกาอย่างไม่ใยดีเท่าใดนัก     

    “แต่มีคนบางคนทำตัวหวงก้างเหรอคะ แหม ของตัวเองก็ไม่ใช่”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่