เมื่อวันที่ 19 กันยายน เอพีรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า กรมศุลกากรของญี่ปุ่นได้เผยตัวเลขข้อมูลการค้าของญี่ปุ่น ประจำเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ว่าญี่ปุ่นเป็นฝ่ายขาดดุลอยู่ทั้งสิ้น ถึง 960,300 ล้านเยน หรือราว 300,000 ล้านบาท มากกว่าที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจได้คาดการณ์กันไว้ ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 600,000 ล้านเยน และมากกว่ายอดขาดดุลการค้าของเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 768,400 ล้านเยน หรือราว 25 เปอร์เซ็นต์




การขาดดุลการค้าเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นับเป็นการขาดดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 สาเหตุใหญ่ได้แก่ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้มูลค่านำเข้าเพิ่มจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆที่ปริมาณนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลดลงเล็กน้อย




ยอดนำเข้ารวมของญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ปีที่แล้ว 16 เปอร์เซ็นต์ เป็น 6.74 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มสูงขึ้น 14.7 เปอร์เซ็นต์ เป็น 5.78 ล้านล้านเยน โดยเฉพาะยอดส่งออกไปยังสหรัฐนั้น พุ่งสูงขึ้นถึง 21 เปอร์เซ็นต์ นำเข้าเพิ่ม 14 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ได้เปรียบดุลการค้ามากถึง 495,300 ล้านเยน แต่ก็ต้องขาดดุลการค้าให้กับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ที่ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1.13 ล้านล้านเยน โดยญี่ปุ่นต้องนำเข้าเพิ่มมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น



ในส่วนของจีนนั้น แม้ญี่ปุ่นจะส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบ 16 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1.1 ล้านล้านเยน แต่การนำเข้าจากจีนก็กลับเพิ่มขึ้นเกือบ 18 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1.4 ล้านล้านเยน