ท่านเชื่อเรื่อง ก่อนที่จะตายต้องมีใครมาคอยรับ?

กระทู้สนทนา
เป็นประสพการส่วนตัวที่ได้พบมา ขออนุญาติเล่าสู่กันฟัง
มีคนที่บ้านป่วยเป็นอัมพฤกษ์มานาน15ปี เขาช่วยเหลือตัวเองได้น้อยมาก
ในปีแรกเขายังทำใจไม่ค่อยได้ จึงแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวบ่อยๆ
แต่ทุกคนที่บ้านได้ตกลงเป็นเอกฉันท์ว่าพวกเราจะตามใจคนไข้ทุกประการ
ที่เคยเชื่อฟัง เคยยอมรับนับถือ เคยปรึกษา(ตอนหลังเลือกแต่เรื่องเบาๆ)เคยไม่เถียง
เราจะทำเหมือนเดิม ผิดพลาดอย่างไร เราจะแอบแก้ไขกันทีหลัง เราจะยิ้มรับทุกกรณีย์
ไม่ได้โม้ พวกเราทำได้จริงๆ เพราะเราทำกันด้วยความรักที่มีต่อคนไข้
คนไข้ต้องการไปไหน ต้องการกินอะไรร้านไหนที่เขาเคยไป เราจัดให้
เราไม่เคยอายสายตาผู้คนที่มองดูพวกเราและคนไข้พิการ
เรารู้จักหาความสุขในความทุกข์ที่เรามีอยู่ เรารู้จักสัจจธรรมในครั้งนี้เอง
เราพากันไปทำบุญซึ่งปกติก่อนที่จะป่วย ก็ทำเช่นนี้มากันตลอด
ที่บ้านเราจะพูดคุยเรื่องเตรียมบุญ เก็บบุญใส่กระเป๋าก่อนไป(ตาย)แบบขำๆ
เราพูดกันเป็นเรื่องปกติแทบทุกวัน ที่บ้านทั้งพ่อ แม่ ลูก ไม่กลัวความตาย
และไม่รู้สึกหวาดเสียวเมื่อพูดเรื่องความตาย เราพูดให้มันดูสนุกๆ ขำๆ
หลังจากป่วยได้2ปี คนไข้อารมณ์ดี ไม่เศร้าหมอง ไม่ท้อแท้ เคยทนง เคยองอาจอย่างไร
ในสมัยที่เคยทำงาน เขาก็เป็นอย่างนั้น

แต่ในที่สุดวันหนึ่งเขาก็แพ้สังขารของตนเอง
ต้องเข้าไปอยู่ที่โรงพยาบาลนาน15วัน คนไข้นิ่งมาก
ใม่แสดงอาการอะไรเลย นอกจากเขาค่อยๆหมดแรงไปทีละน้อยๆ
คนไข้และครอบครัวได้พูดคุยว่า ขอไม่รับการช่วยเหลือ ในการใส่ท่อต่างๆทั้งสิ้น
นอกจากยารับประทานเท่านั้น ญาติที่มาเยี่ยมต้องยอมทำตามเจ้าของไข้
คือเมื่อมาเยี่ยมคนไข้ ต้องทำตัวปกติ ทำหน้าให้เเจ่มใส
พูดคุยเล่าถึงแต่เรื่องที่เคยได้ไปทำบุญมา ให้คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงได้ยิน
(ไม่ผิดปกติเพราะที่บ้านนี้เรามักจะเล่าสู่กันฟังเรื่องที่เคยไปทำบุญมา)

จนถึงวันวิสาขบูชา ตอนนั้นเวลา9โมงเช้า
อยู่ๆคนไข้ถามขึ้นมาว่า ผู้ชาย2คนที่ปลายเตียงฉันเป็นใคร เข้ามาทำไม?
คนไข้พูดไม่ได้มา2วันแล้วเพราะป่วยหนัก แต่วันนี้เกิดพูดได้
เมื่อมองไปที่ปลายเตียงคนไข้ ไม่เห็นมีใครเลยสักคน
แต่รีบพูดสวนไปว่าเขามาเยี่ยมไข้ห้องอื่น แต่เข้าห้องผิด
ทำเป็นว่าเห็นคนนั้นด้วยแต่ที่จริงไม่เห็นใครเลย
คนไข้มองตามจากปลายเตียงจนสายตาไปหยุดที่ประตูแล้วหลับตาลง
และในใจญาติคิดว่าคราวนี้คนไข้ต้องจากไปแน่ๆ

พอถึงเวลาตี4ของเช้ามืดในวันนั้น
เห็นคนไข้หันไปมาเหมือนมองหา ทุกคนจึงรีบเข้าไปกอดคนไข้ไว้
ตอนนั้นทำไมคิดว่าคนไข้กำลังจะไปก็ไม่ทราบได้
จึงบอกเขาว่า ไม่ต้องกลัวๆ เขากำลังจะไปสวรรค์แล้วๆ
บอกให้เขาเก็บบุญของเขาไปให้หมดฯลฯ
หลังจากได้พูดคุยกลับคนไข้เรื่องบุญต่างๆจบ
ได้บอกให้คนไข้หลับตาลง และบอกพระอรหันต์ๆๆๆๆที่ริมหูคนไข้
คนไข้ค่อยๆหลับและจากไปอย่างสงบ เหมือนเด็กๆที่นอนฟังนิทานจากพ่อแม่

หลังจากที่ได้ลอยอังคารแล้ว10วัน
ลูกคนโตกลับไปทำงาน คืนหนึ่งเขานอนหลับแล้วฝันว่า
เขาเข้าไปในลิฟต์ แล้วลิฟต์นี้ทะยานไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
เร็วราวกลับจรวดที่พุ่งไปสู่ดวงจันทร์ เขารู้สึกว่ามันสูงมาก
แล้วลิฟต์นี้ก็หยุดลง เขาก้าวออกมา
เห็นพ่อนั่งอยู่บนตั่ง จึงถามพ่อว่า ทำไมพ่อถึงขึ้นมาอยู่สูงอย่างนี้
พ่อยิ้มไม่ตอบ เขาจึงก้มลงกราบพ่อ พอเขาเงยขึ้นมา
เห็นพ่อกลายเป็นพระพุธรูปองค์ใหญ่มหึมา สุกปลั่งสีเหลืองอร่าม
เขาตกใจตื่น

ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านเรื่องจริงที่เกิดกลับครอบครัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่