อิฉันขออนุญาตตั้งกระทู้เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนหลายๆท่านที่มักมีคำถามเวลาเดินทางว่า "ใช้กระเป๋าขนาดไหนดี ?"
กระเป๋าเดินทางแบบลาก มีทั้งสิ้น 3 ขนาดดังนี้
50cm x 39cm x 26cm – 2.6KG – 51L
68cm x 46cm x 28.5cm – 3.6KG – 89L
78cm x 50cm x 36cm - 4.15KG – 140L
ซึ่ง 3 ขนาดบน อิฉันเอามาจาก MV+ ของ American Tourister ไม่ได้เป็นหน้าม้าแต่อย่างใดนะคะ แค่ใช้อยู่และคิดว่ามันมีรูปเปรียบเทียบง่ายดี จริงๆแล้ว รุ่นอื่น หรือยี่ห้ออื่น ก็จะมีประมาณนี้เช่นกันค่ะ แต่อาจมีไซส์ที่แตกต่างก็เล็กน้อยมากๆ สำหรับรุ่นนี้ มันจะมีความกว้างมากกว่ารุ่นอื่นๆ เป็นจุดขายของเค้า
Anyway กลับมาที่ขนาด ตามตัวอย่าง 3 ขนาดที่ยกขึ้นมา จะแยกเป็น
Cabin Size: ใบเล็กสุดในรูป เป็นใบที่คุณถือขึ้นเครื่องบินไปกับตัวคุณเองได้ เพราะมันเป็น cabin size นั่นแหละค่ะ หมายถึง เอาสอดไว้บนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะผู้โดยสารได้ ส่วนน้ำหนักเค้าก็อนุญาตอยู่ที่ 7-10 กก. (อันนี้บางสายการบินอาจให้ได้แค่ 5) ส่วนเรื่องการแบกของเหลวขึ้นก็เหมือนเดิมนะคะ บรรจุขวดที่ระบุไม่เกิน 100 ml หรือ 100 g เท่านั้น และไม่ควรเกิน 10 ขวด ทุกอย่างแพ็กรวมอยู่ในกระเป๋าซิบที่เปิดออกให้ตรวจดูได้ ย้ำว่า 100 นะคะ ห้ามถามว่า 150 แต่ใช้ไปครึ่งนึงแล้วได้ไหม...เค้าไม่สนค่ะ เกิน 100 หากจับได้ โยนทิ้งหมดค่ะ อิฉันไม่นับพวกที่รอดเครื่องตรวจแล้วมาแลบลิ้นปลิ้นตานะคะ พวกคุณประมาทก็เชิญประมาทกันต่อไปค่ะ
สำหรับการขึ้นเครื่อง หากคุณมี Cabin Size ลากเก๋ๆแล้ว 1 ใบ เค้าก็ยังอนุญาตให้คุณมี
1. กระเป๋าถือสุภาพสตรี หรือ Day Pack (เป้สะพายหลังที่ไม่ใช่เป้เดินทาง) อย่างใดอย่างหนึ่ง และ
2. กระเป๋าโน้ตบุ๊ค หรือ กระเป๋ากล้องถ่ายรูป
2 ข้อนี้ ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ นั่นหมายถึง หากรวม cabin size แล้ว คุณมีได้เต็มที่ 3 items สำหรับขึ้นเครื่องค่ะ (อิฉันว่า 2 ก็ลำบากและกินที่ชาวบ้านมากแล้ว)
Medium Size หรือใบที่อยู่ตรงกลาง : ใบนี้ อิฉันใช้เที่ยวญี่ปุ่นได้ 10 วันค่ะ หากอยากซื้อของฝากอิฉันมักจะมี shopping bag ที่มันพับแบนๆได้ในตอนแรก และไปบานเอาเมื่อตอนเราต้องการ ซึ่งพอบานแล้ว เราก็เอามันคล้องไว้บนใบกลางได้อีก ทีนี้ก็ไปไหนก็ขนานกันไปเป็นคู่ สบายๆค่ะ เหตุที่ต้องใช้ใบนี้เที่ยวญี่ปุ่นก็เพราะว่า พวกตู้ล็อคเกอร์ที่รับฝากกระเป๋าจะมีบริการช่องใหญ่สุดใส่ได้แค่ไซส์นี้ค่ะ จัมโบ้กว่านี้อดแล้ว ไม่สามารถ เคยเสร่อใช้ใบใหญ่ไปทีนึง กะขนเสื้อผ้าตัวเองกะแม่ไปใบเดียว ปรากฏเศร้าค่ะ ...ยัดตู้ไม่ได้ ต้องเดือดร้อนชาวบ้านผลัดกันนั่งเฝ้ากระเป๋ายักษ์
และใบกลางนี่อิฉันว่ามัน practical มากๆ ค่ะ ยิ่งถ้าคุณเดินทางแบบไปเที่ยวเอง ไม่มีคนแบกให้อย่างการไปกับทัวร์ ใบขนาดนี้จะเหมาะมากๆ คนเดียวนี่เหลือๆ หลังๆมานี่อิฉันกะสามี ก็ใช้แค่ใบนี้ใบเดียว กะใบ cabin size สำหรับการเที่ยว 12 วันค่ะ คล่องตัวมากมาย ใบนี้ไปญี่ปุ่นซึ่งมีที่พักคับแคบ ก็ยังสามารถเอาสอดไว้ใต้เตียงได้ไม่เกะกะ แต่ใบนี้เอาขึ้นเครื่องไม่ได้นะคะ ห้ามค่ะ...โหลดใต้ท้องสถานเดียวแน่นอน
Jumbo Size หรือใบยักษ์สุด : ตะก่อนนี้เราจะเห็นใบยักษ์มันจะดูยักษ์กว่านี้นะคะ ปัจจุบันใบยักษ์สุดเหมือนจะทำตัวเล็กลงมา แต่ก็ยังใหญ่เทอะทะ อิฉันจะใช้มันก็ต่อเมื่อไปเที่ยวไกลๆ และมีการขับรถเที่ยวเอง ไม่ต้องแบกขึ้นๆลงๆรถโดยสารสาธารณะค่ะ เช่น ไปอเมริกา 20 วัน ซึ่งพอต้องไปหลายวัน สัมภาเระของเราก็เยอะใช่ไหมคะ ใบยักษ์ถึงต้องออกโรงค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้ง 3 ขนาด มันจะมีแบบล้อเลื่อน 2 ล้อ กับ 4 ล้อ แน่นอนค่ะว่า 4 ล้อแพงกว่า แต่มันก็ดีกว่ามากๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ ยิ่งสำหรับคนที่เดินทางเที่ยวเอง ไม่ได้ไปทัวร์ เพราะมันจะทำให้ชีวิตของคุณ (และของเพื่อนร่วมทางของคุณ) ง่ายขึ้นเยอะมากๆเลยค่ะ
ทำไมอิฉันต้องวงเล็บ (เพื่อนร่วมทาง) ด้วยล่ะคะ ? ก็เพราะเราเป็นคนไทยค่ะ เวลาเราไปเที่ยวไหนเป็นกลุ่ม เรามักจะเทคแคร์ดูแลกันใช่ไหมคะ ระหว่างการเดินทางก็เช่นเดียวกันค่ะ เราจะคอยดูแลว่าเพื่อนสะดวกไหม ลากไหวไหม หนักไปไหม คอยถามกันตลอด เพราะต้องยอมรับว่าเพื่อนบางคนของเราลากเป๋าไม่เป็น แบกขึ้นบันไดเองก็ไม่ได้ ดังนั้นพอจะนึกภาพออกใช่ไหมคะว่า หากมีใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มคุณเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าคนอื่นๆในทริปจะมีการช่วยถือของแน่นอน ซึ่งหากว่ากระเป๋าคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมให้ช่วยได้ง่ายๆ คนรอบข้างก็จะสบายขึ้นค่ะ
กระเป๋าแบบนึงที่อิฉันไม่ชอบมากๆ คือแบบกระเป๋าเดินทางกึ่งหิ้วได้ กึ่งลากได้ ที่พวกบริษัททัวร์เค้าชอบแถมนั่นแหละค่ะ มันดีนะคะ สำหรับการใส่สัมภาระของคุณเดินลงมาจากห้องพักแล้วลากมาเอาใส่รถ แต่มันไม่เหมาะแน่ๆ กับการเป็น cabin size ที่คุณจะต้องใช้ขึ้นรถต่อเรือ ลากไปทั่วเมืองเพื่อหาที่พักที่คุณจองไว้ เพราะว่า...เวลาเราตั้งมันเฉยๆ มันจะยืนบนลำแข้งตัวเองไม่ได้ค่ะ มันจะล้มแผะ ล้มแผะ ก๊วนที่อิฉันไปด้วยล่าสุดนี้ ก็ใช้ใบที่ว่านี้ค่ะ และมีอยู่จังหวะนึงก่อนที่กระเป๋ามันจะล้มแผะ มีคนญี่ปุ่นเค้าเดินผ่านมาพอดีกับตอนที่มันล้ม เค้าหน้าคว่ำเลยค่ะ น่าสงสารมาก พวกเราต้องไปโค้งขอโทษเค้าหลายทีเลย ซึ่งอิฉันเห็นว่ามันล้มแผะๆ มาหลายทีแล้ว ก็เตือนเจ้าของกระเป๋าไปแล้วว่าเดี๋ยวมันจะไปทำให้คนอื่นสะดุดเอานะ ...ก็ยังไม่วายค่ะ
(ขออนุญาตเอารูปตัวอย่างจากอากู๋มานะคะ)
บางคนอาจจะบอกว่า ไม่แคร์ ไป 7 วัน ฉันก็อยากเอาใบจัมโบ้ไป แถม 2 ล้อด้วย ใครจะทำไม ของฉันมันเยอะ พร๊อพเยอะ ของฝากอีกเพียบ
คือจริงๆก็ไม่ได้ว่ากันค่ะ หากคุณรับได้กับปัญหาที่บอกมา และหากคุณเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เท่าที่อิฉันเคยเจอ พาคนนั้นคนนี้ไปเที่ยว อุตส่าห์บอกแล้วว่ามีข้อจำกัดงี้ๆๆๆ นะ ก็ยังดันทุรังเอากระเป๋าที่มีปัญหาไป เช่น ใบใหญ่สุด + 2 ล้อที่มันใช้การไม่ค่อยได้ + คันชักสำหรับลากก็พัง ในท้ายที่สุดทำไมรู้ไหมคะ เดือดร้อนคนในกลุ่มที่เค้าต้องช่วยลากช่วยแบกตลอดเส้นทางเลยค่ะ เพราะคุณไม่คล่องตัว แถมคุณยังเยอะ มันน่ารำคาญมากค่ะ
ยิ่งลูกๆหลานๆที่จัดกระเป๋าให้คุณพ่อคุณแม่ หรือคนแก่ที่ต้องเดินทางไปกับคนอื่นด้วยนะคะ อยากจะบอกว่า ลงทุนซื้อกระเป๋าดีๆที่มีคุณภาพให้ท่านเหอะค่ะ เพราะรับรองว่าต้องมีคนมาช่วยท่านหิ้วแน่ๆ และมันจะดีมากๆ หากกระเป๋ามันไม่มีปัญหาค่ะ ไอ้พวกที่มันซิปแตกแล้วแตกอีก ต้องใช้เชือกรัดนี่ขอเลยได้ไหมคะ สงสารท่านด้วยค่ะ
หวังว่ากระทู้นี้คงจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่ชอบเดินทางนะคะ
^_^
เรื่องของกระเป๋า....จะเดินทาง...ใช้กระเป๋าขนาดไหนดี ??
กระเป๋าเดินทางแบบลาก มีทั้งสิ้น 3 ขนาดดังนี้
50cm x 39cm x 26cm – 2.6KG – 51L
68cm x 46cm x 28.5cm – 3.6KG – 89L
78cm x 50cm x 36cm - 4.15KG – 140L
ซึ่ง 3 ขนาดบน อิฉันเอามาจาก MV+ ของ American Tourister ไม่ได้เป็นหน้าม้าแต่อย่างใดนะคะ แค่ใช้อยู่และคิดว่ามันมีรูปเปรียบเทียบง่ายดี จริงๆแล้ว รุ่นอื่น หรือยี่ห้ออื่น ก็จะมีประมาณนี้เช่นกันค่ะ แต่อาจมีไซส์ที่แตกต่างก็เล็กน้อยมากๆ สำหรับรุ่นนี้ มันจะมีความกว้างมากกว่ารุ่นอื่นๆ เป็นจุดขายของเค้า
Anyway กลับมาที่ขนาด ตามตัวอย่าง 3 ขนาดที่ยกขึ้นมา จะแยกเป็น
Cabin Size: ใบเล็กสุดในรูป เป็นใบที่คุณถือขึ้นเครื่องบินไปกับตัวคุณเองได้ เพราะมันเป็น cabin size นั่นแหละค่ะ หมายถึง เอาสอดไว้บนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะผู้โดยสารได้ ส่วนน้ำหนักเค้าก็อนุญาตอยู่ที่ 7-10 กก. (อันนี้บางสายการบินอาจให้ได้แค่ 5) ส่วนเรื่องการแบกของเหลวขึ้นก็เหมือนเดิมนะคะ บรรจุขวดที่ระบุไม่เกิน 100 ml หรือ 100 g เท่านั้น และไม่ควรเกิน 10 ขวด ทุกอย่างแพ็กรวมอยู่ในกระเป๋าซิบที่เปิดออกให้ตรวจดูได้ ย้ำว่า 100 นะคะ ห้ามถามว่า 150 แต่ใช้ไปครึ่งนึงแล้วได้ไหม...เค้าไม่สนค่ะ เกิน 100 หากจับได้ โยนทิ้งหมดค่ะ อิฉันไม่นับพวกที่รอดเครื่องตรวจแล้วมาแลบลิ้นปลิ้นตานะคะ พวกคุณประมาทก็เชิญประมาทกันต่อไปค่ะ
สำหรับการขึ้นเครื่อง หากคุณมี Cabin Size ลากเก๋ๆแล้ว 1 ใบ เค้าก็ยังอนุญาตให้คุณมี
1. กระเป๋าถือสุภาพสตรี หรือ Day Pack (เป้สะพายหลังที่ไม่ใช่เป้เดินทาง) อย่างใดอย่างหนึ่ง และ
2. กระเป๋าโน้ตบุ๊ค หรือ กระเป๋ากล้องถ่ายรูป
2 ข้อนี้ ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ นั่นหมายถึง หากรวม cabin size แล้ว คุณมีได้เต็มที่ 3 items สำหรับขึ้นเครื่องค่ะ (อิฉันว่า 2 ก็ลำบากและกินที่ชาวบ้านมากแล้ว)
Medium Size หรือใบที่อยู่ตรงกลาง : ใบนี้ อิฉันใช้เที่ยวญี่ปุ่นได้ 10 วันค่ะ หากอยากซื้อของฝากอิฉันมักจะมี shopping bag ที่มันพับแบนๆได้ในตอนแรก และไปบานเอาเมื่อตอนเราต้องการ ซึ่งพอบานแล้ว เราก็เอามันคล้องไว้บนใบกลางได้อีก ทีนี้ก็ไปไหนก็ขนานกันไปเป็นคู่ สบายๆค่ะ เหตุที่ต้องใช้ใบนี้เที่ยวญี่ปุ่นก็เพราะว่า พวกตู้ล็อคเกอร์ที่รับฝากกระเป๋าจะมีบริการช่องใหญ่สุดใส่ได้แค่ไซส์นี้ค่ะ จัมโบ้กว่านี้อดแล้ว ไม่สามารถ เคยเสร่อใช้ใบใหญ่ไปทีนึง กะขนเสื้อผ้าตัวเองกะแม่ไปใบเดียว ปรากฏเศร้าค่ะ ...ยัดตู้ไม่ได้ ต้องเดือดร้อนชาวบ้านผลัดกันนั่งเฝ้ากระเป๋ายักษ์
และใบกลางนี่อิฉันว่ามัน practical มากๆ ค่ะ ยิ่งถ้าคุณเดินทางแบบไปเที่ยวเอง ไม่มีคนแบกให้อย่างการไปกับทัวร์ ใบขนาดนี้จะเหมาะมากๆ คนเดียวนี่เหลือๆ หลังๆมานี่อิฉันกะสามี ก็ใช้แค่ใบนี้ใบเดียว กะใบ cabin size สำหรับการเที่ยว 12 วันค่ะ คล่องตัวมากมาย ใบนี้ไปญี่ปุ่นซึ่งมีที่พักคับแคบ ก็ยังสามารถเอาสอดไว้ใต้เตียงได้ไม่เกะกะ แต่ใบนี้เอาขึ้นเครื่องไม่ได้นะคะ ห้ามค่ะ...โหลดใต้ท้องสถานเดียวแน่นอน
Jumbo Size หรือใบยักษ์สุด : ตะก่อนนี้เราจะเห็นใบยักษ์มันจะดูยักษ์กว่านี้นะคะ ปัจจุบันใบยักษ์สุดเหมือนจะทำตัวเล็กลงมา แต่ก็ยังใหญ่เทอะทะ อิฉันจะใช้มันก็ต่อเมื่อไปเที่ยวไกลๆ และมีการขับรถเที่ยวเอง ไม่ต้องแบกขึ้นๆลงๆรถโดยสารสาธารณะค่ะ เช่น ไปอเมริกา 20 วัน ซึ่งพอต้องไปหลายวัน สัมภาเระของเราก็เยอะใช่ไหมคะ ใบยักษ์ถึงต้องออกโรงค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้ง 3 ขนาด มันจะมีแบบล้อเลื่อน 2 ล้อ กับ 4 ล้อ แน่นอนค่ะว่า 4 ล้อแพงกว่า แต่มันก็ดีกว่ามากๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ ยิ่งสำหรับคนที่เดินทางเที่ยวเอง ไม่ได้ไปทัวร์ เพราะมันจะทำให้ชีวิตของคุณ (และของเพื่อนร่วมทางของคุณ) ง่ายขึ้นเยอะมากๆเลยค่ะ
ทำไมอิฉันต้องวงเล็บ (เพื่อนร่วมทาง) ด้วยล่ะคะ ? ก็เพราะเราเป็นคนไทยค่ะ เวลาเราไปเที่ยวไหนเป็นกลุ่ม เรามักจะเทคแคร์ดูแลกันใช่ไหมคะ ระหว่างการเดินทางก็เช่นเดียวกันค่ะ เราจะคอยดูแลว่าเพื่อนสะดวกไหม ลากไหวไหม หนักไปไหม คอยถามกันตลอด เพราะต้องยอมรับว่าเพื่อนบางคนของเราลากเป๋าไม่เป็น แบกขึ้นบันไดเองก็ไม่ได้ ดังนั้นพอจะนึกภาพออกใช่ไหมคะว่า หากมีใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มคุณเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าคนอื่นๆในทริปจะมีการช่วยถือของแน่นอน ซึ่งหากว่ากระเป๋าคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมให้ช่วยได้ง่ายๆ คนรอบข้างก็จะสบายขึ้นค่ะ
กระเป๋าแบบนึงที่อิฉันไม่ชอบมากๆ คือแบบกระเป๋าเดินทางกึ่งหิ้วได้ กึ่งลากได้ ที่พวกบริษัททัวร์เค้าชอบแถมนั่นแหละค่ะ มันดีนะคะ สำหรับการใส่สัมภาระของคุณเดินลงมาจากห้องพักแล้วลากมาเอาใส่รถ แต่มันไม่เหมาะแน่ๆ กับการเป็น cabin size ที่คุณจะต้องใช้ขึ้นรถต่อเรือ ลากไปทั่วเมืองเพื่อหาที่พักที่คุณจองไว้ เพราะว่า...เวลาเราตั้งมันเฉยๆ มันจะยืนบนลำแข้งตัวเองไม่ได้ค่ะ มันจะล้มแผะ ล้มแผะ ก๊วนที่อิฉันไปด้วยล่าสุดนี้ ก็ใช้ใบที่ว่านี้ค่ะ และมีอยู่จังหวะนึงก่อนที่กระเป๋ามันจะล้มแผะ มีคนญี่ปุ่นเค้าเดินผ่านมาพอดีกับตอนที่มันล้ม เค้าหน้าคว่ำเลยค่ะ น่าสงสารมาก พวกเราต้องไปโค้งขอโทษเค้าหลายทีเลย ซึ่งอิฉันเห็นว่ามันล้มแผะๆ มาหลายทีแล้ว ก็เตือนเจ้าของกระเป๋าไปแล้วว่าเดี๋ยวมันจะไปทำให้คนอื่นสะดุดเอานะ ...ก็ยังไม่วายค่ะ
(ขออนุญาตเอารูปตัวอย่างจากอากู๋มานะคะ)
บางคนอาจจะบอกว่า ไม่แคร์ ไป 7 วัน ฉันก็อยากเอาใบจัมโบ้ไป แถม 2 ล้อด้วย ใครจะทำไม ของฉันมันเยอะ พร๊อพเยอะ ของฝากอีกเพียบ
คือจริงๆก็ไม่ได้ว่ากันค่ะ หากคุณรับได้กับปัญหาที่บอกมา และหากคุณเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เท่าที่อิฉันเคยเจอ พาคนนั้นคนนี้ไปเที่ยว อุตส่าห์บอกแล้วว่ามีข้อจำกัดงี้ๆๆๆ นะ ก็ยังดันทุรังเอากระเป๋าที่มีปัญหาไป เช่น ใบใหญ่สุด + 2 ล้อที่มันใช้การไม่ค่อยได้ + คันชักสำหรับลากก็พัง ในท้ายที่สุดทำไมรู้ไหมคะ เดือดร้อนคนในกลุ่มที่เค้าต้องช่วยลากช่วยแบกตลอดเส้นทางเลยค่ะ เพราะคุณไม่คล่องตัว แถมคุณยังเยอะ มันน่ารำคาญมากค่ะ
ยิ่งลูกๆหลานๆที่จัดกระเป๋าให้คุณพ่อคุณแม่ หรือคนแก่ที่ต้องเดินทางไปกับคนอื่นด้วยนะคะ อยากจะบอกว่า ลงทุนซื้อกระเป๋าดีๆที่มีคุณภาพให้ท่านเหอะค่ะ เพราะรับรองว่าต้องมีคนมาช่วยท่านหิ้วแน่ๆ และมันจะดีมากๆ หากกระเป๋ามันไม่มีปัญหาค่ะ ไอ้พวกที่มันซิปแตกแล้วแตกอีก ต้องใช้เชือกรัดนี่ขอเลยได้ไหมคะ สงสารท่านด้วยค่ะ
หวังว่ากระทู้นี้คงจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่ชอบเดินทางนะคะ
^_^